พื้นที่ 3 งาน ก็ปลูกผักไฮโดรฯ ได้ ขายผักสด-แปรรูป ครบวงจร รายรับ 3 หมื่น/เดือน

คุณอนุชา งามกิจ หรือพี่ชา วัย 45 ปี เกริ่นเริ่มต้นด้วยตลาดการทำผักไฮโดรโปนิกส์ ของ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านฉางไฮโดรฟาร์ม” ในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อทำเป็นอาชีพ และธุรกิจว่า “สำหรับผม ผมมองว่าตลาดผักไฮโดรโปนิกส์ยังสามารถไปต่อ และเติบโตได้ เพราะคนให้ความสนใจเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเรื่องอาหารที่ดี ปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพก็ยังอยู่ในความสนใจของคน จึงทำให้ผักปลอดภัยยังคงขายได้”

เมื่อตลาดผักไฮโดรโปรนิกส์ในพื้นที่บ้านฉาง จ.ระยอง ยังคงขายได้ และเป็นไปในทิศทางที่ดี คุณอนุชา จึงเล่าว่า “ผมเริ่มมาปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์เมื่อประมาณ 3 ปี ก่อน ตอนนั้นยังทำธุรกิจร้านมินิมาร์ทอยู่เลย โดยที่สนใจมาปลูกผักไฮโดรฯ เพราะแฟนชอบกินผักมาก ก็เลยมาทดลองปลูกผัก ตอนเริ่มต้นปลูก ปลูกแค่ 10 ต้นเองในตอนนั้น เพราะคิดว่าเอาไว้กินเองในบ้าน และมันปลูกสำเร็จ พอสำเร็จก็เลยอยากปลูกอีก ก็ขยายหลุมปลูกเพิ่ม ทำสำเร็จ ก็แจกไปให้เพื่อนบ้านบ้าง ทำอยู่หลายเดือนมาก จนเพื่อนบ้านเขาบอกว่า ไม่ต้องทำมาแจกให้ฟรีแล้ว ทำมาเลย เขาอยากซื้อ จึงเริ่มขยายแปลงปลูกเพิ่มเติ่ม บนดาดฟ้าร้านมินิมาร์ท

พอขยายแปลงปลูก ผลผลิตที่ได้ก็เอามาขายที่หน้าร้านมินิมาร์ท แต่ในที่สุด ร้านมินิมารท์ที่ทำ ก็ไม่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ๆ ที่เป็นเจ้าตลาดได้ มินิมาร์ทก็เลยต้องปิดตัวไป และจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ทำแปลงผักไฮโดรโปนิกส์”

คุณอนุชา ยังบอกอีกว่า ปัจจุบัน ผมขยายหลุมการปลูกผักไฮโดรฯ จาก 10 หลุม มาสู่ 7,500 หลุม ในพื้นที่ 3 งาน กำลังการผลิตต่อวันอยู่ที่ประมาณ 20-30 กิโลกรัม แล้วแต่สภาพอากาศ รายได้ที่ขายได้วันละประมาณ 2,500-3,000 บาท รายได้ต่อเดือนจึงได้ประมาณ 25,000–30,000 บาท

สำหรับผักไฮโดรฯ ปลูกที่ฟาร์ม คุณอนุชา บอกว่า ปลูกจำพวกผักสลัดเป็นหลัก เพื่อการแปรรูปด้วย

โดยตลาดเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ตลาดผักสด และ 2. ตลาดแปรรูป โดยตลาดผักสดเป็นลูกค้าที่เข้ามาที่ฟาร์มและมาซื้อ ลูกค้าที่เป็นแม่ค้า และลูกค้าที่เป็นร้านอาหาร พวกร้านสเต๊ก ร้านบาร์บีคิว  และตลาดผักแปรรูป คือ 1. ลูกค้าที่มาซื้อที่หน้าแปลง 2.ลูกค้าในโรงงานอุตสาหกรรม 3.การแปรรูป เป็นเมนูสุขภาพต่างๆ เช่น สลัดแร็พ  สลัดโรล ยำสลัดไก่พริกไทยดำ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แซนด์วิช เป็นต้น เพื่อขายส่งให้กับลูกค้าในโรงงาน ในพื้นที่แถบนั้น จึงเป็นการปลูกผักและแปรรูปอย่างครบวงจร จึงได้ก่อตั้งมาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้น

สำหรับการลงทุน คุณอนุชา บอกว่า มีเท่าไหร่ก็อยู่ลงทุนเท่านั้น ตามกำลังเงินที่มี มีหลักพันก็ลงทุนเริ่มต้นทดลองที่หลักพันก็ได้ ซึ่งสำหรับคำแนะนำของผมคือ 1.คนที่จะเริ่มต้นปลูก ควรเริ่มต้นปลูก 10-20 ต้นก่อน เป็นการทดลอง และปลูกต่อเนื่องอย่างน้อย 4 รอบการปลูกผักแบบนี้ เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์ก่อน จะได้รู้ว่าการปลูกผักเป็นอย่างไร ตัวคนปลูก สามารถดูแลจัดการได้ไหม 2.ควรมีตลาดก่อนด้วย และ 3.มีเงินทุน มีพื้นที่ ที่จะขยายต่อไปได้ แต่มีเงินลงทุนอย่างเดียว ไม่ศึกษาการปลูกผัก ก็ไปไม่ค่อยรอด ดังนั้น คนก็ควรเริ่มต้นที่ศึกษาด้วย