“ยิ่งให้ยิ่งได้ สุขใจกว่าผู้รับ” ความปลื้มปีติของจิตอาสา ที่หันมาทำดีเพื่อผู้อื่น

 

 

“ยิ่งให้ยิ่งได้ สุขใจกว่าผู้รับ” ความปลื้มปีติของจิตอาสา ที่หันมาทำดีเพื่อผู้อื่น

“ยิ่งให้ยิ่งได้ สุขใจกว่าผู้รับ” เป็นคำกล่าวที่ คุณหทัยรัตน์ รุ่งสาโรจน์ หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมธนาคารจิตอาสา บอกว่า รู้ซึ้งมากับตัวเอง
คุณหทัยรัตน์ บอกว่า เธอก็เหมือนกับใครๆ อีกหลายคน ที่เคยผ่านการทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ฟาดฟันทุกอย่าง เพื่อให้งานออกมา แต่มาถึงวันหนึ่งก็พบว่า สิ่งเหล่านั้นคือความเครียดสะสม ที่รังแต่จะแผดเผาตัวเอง


“เมื่อก่อนเคยทำงาน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังรายการโทรทัศน์หลายรายการ แต่ยิ่งทำยิ่งเครียด เลยตัดสินใจลาออก จากนั้นก็เข้าไปช่วยเพื่อนทำโครงการกินผักผลไม้ดี 400 กรัม ซึ่งเป็นโครงการของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ซึ่งจากโครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับเครือข่ายจิตอาสา และลงไปทำงานจิตอาสาในหลายๆ โครงการ เช่น หนังสือเสียง อ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง (อันนี้ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว) ได้ช่วยงานธนาคารจิตอาสา เป็นต้น”

หลังจากออกจากงาน มา 1 ปี และได้เข้าร่วมงานจิตอาสา คุณหทัยรัตน์ บอกว่า เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนขึ้นกับตัวเอง ได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ยิ่งให้ยิ่งได้ ผู้ให้สุขใจกว่าผู้รับ
“แม้เราไม่ได้กลับมาเป็นเงิน แต่สิ่งที่ได้มันมีค่ามากกว่าที่เราเคยได้ ทั้งๆ ที่เราทำน้อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ
เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต สิ่งที่ได้คือมันปีติ เป็นความรู้สึกที่มากกว่าสุขนะ”

ทั้งนี้ คุณหทัยรัตน์ บอกว่า ตลอดช่วงชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา 45 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับปวงชนชาวไทย ในการทำความดี เป็นความดีเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่ความดีเพื่อตัวเอง ทุกอย่างถูกซึมซับ ทำให้ได้ใช้แนวทางตามรอยพระราชปณิธานของพระองค์
“ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแรงบันดาลใจมาก เราเกิดมา และเติบโตในยุคสารคดีพระราชกรณียกิจของพระองค์ ที่ออกมาเผยแพร่มากมาย ทำให้เราเห็น และซึมซับ ตัวเองอ่านพระบรมราโชวาทของพระองค์ ก็ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าทำได้หรือไม่ ถ้าย้อนกลับมาคิดในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณธนาคารจิตอาสาด้วยที่ทำให้ เรารู้จักตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ทำดีเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่ผลสุดท้ายปลายทางมันได้กับตัวเองคือความปีติ ความสุข ที่หาซื้อไม่ได้”


บางคนสงสัยว่าการทำดี ต้องเป็นเรื่องที่ต้องบอกให้ทุกคนรู้ด้วยหรือ? คุณหทัยรัตน์ ตอบประเด็นนี้ว่า “จริงๆ เป็นคนที่ไม่ชอบพูดเรื่องตัวเองอยู่แล้ว แต่คิดว่า การทำความดี มันควรจะเป็นเหมือนไวรัส ที่แพร่ออกไปได้รวดเร็ว กระตุ้นเตือน สร้างบรรยากาศการทำความดี เหมือนเราได้รับรู้เรื่องดีๆ ก็เหมือนเติมความดีเข้าไปในตัวเรา ในที่สุดสังคมเราก็จะมีแต่เรื่องดีๆ ที่ทุกคนลุกขึ้นมาทำความดี”