ลาออกจากครูอนุบาลมาเปิดร้านกาแฟย้อนยุค คู่แข่งเยอะแต่ขายได้วันเป็นร้อยแก้ว!

มานะ-มานี-ปิติ-ชูใจ คือ ชื่อของตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในแบบเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมฯ1-6 ช่วงระหว่าง พ.ศ.2521-2537

และด้วยความ “คลาสสิค” ที่ถูกส่งต่อมาถึงปัจจุบัน ทำให้มีใครหลายคนหวนรำลึกถึงอดีตกันในหลายแบบ ทั้งในรูปของบทเพลง ละครเวที ปกนิตยสาร หรือแม้กระทั่งสินค้าและบริการต่างๆ

“มานี มี กาแฟ” ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ขนาดสิบโต๊ะ  บรรยากาศภายล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวันวาน นับเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจ จากความชื่นชมหลงใหลในประสบการณ์วัยเยาว์ ซึ่งมีสาวน้อยผูกแกละสองข้าง ชื่อว่า “มานี”เติบโตมาด้วยกัน ราวกับเพื่อนสนิท

เรียนทันยุคมานี มานะ ปิติ ชูใจ  และเคยเป็นครูมาก่อน สมัยยังทำงานที่โรงเรียน ผมเอาหนังสือพวกนี้ไปสอนเด็กบางครั้ง  ทุกวันนี้ในร้านผม มีหนังสือ มานี มานะ ให้ยืมอ่านด้วย ตั้งแต่ป.1 ถึง ป.6 เลย”คุณออส – กิจพัฒน์ กล่ำโพธิ์ อายสามสิบเศษ เจ้าของกิจการ “มานี มี กาแฟ” ร้านอาหารบรรยากาศย้อนยุค เริ่มต้นบทสนทนา ถึงที่มาของชื่อร้าน

ก่อนบอกต่อ กิจการของเขา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับร้านชาบูชื่อดังที่นำชื่อ ของ “มานี” มาตั้งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้าน เหมือนกัน เพราะ “มานี” เป็นชื่อเรียกคน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ หากจะจดลิขสิทธิ์ ทำได้แค่เรื่องของโลโก้หรือตราสินค้าเท่านั้น

หลังแจงที่มาของชื่อร้าน  คุณออส แนะนำตัวให้รู้จักกันมากขึ้น พื้นเพเป็นคนนครสวรรค์ จบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ก่อนมาศึกษาต่อวิชาการศึกษาหรือวิชาชีพครู ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม  จังหวัดพิษณุโลก อีก 1 ปี จากนั้นจึงสมัครเป็นครูประจำชั้นประถมฯ1 ที่โรงเรียนอนุบาลโรจนวิทย์

ทำงานเป็นครู อยู่กว่า 10 ปี จึงตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจ ประเด็นนี้ คุณออส อธิบายว่า เป็นคนมีใจรักด้านงานบริการ และรักการเป็นครูด้วย ช่วงมีอาชีพหลัก จึงอยากลองหาธุรกิจที่น่าจะเป็นของตัวเอง เพราะถ้ารอจนเกษียนเกรงจะไม่มีแรงทำ ก่อนลาออกจากงานประจำหนึ่งเดือนจึงเริ่มต้นเปิดร้านนี้เลย

นึกสงสัยหาความมั่นใจในการเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟมาจากไหน คุณออส ย้อนที่มา สมัยศึกษาอยู่ที่นครสวรรค์ เคยเซ้งรถเข็นขายนมปั่น เป็นอาชีพหารายได้ระหว่างเรียนมาแล้ว จึงค่อนข้างมีความมั่นใจเป็นทุน

คุณออส เล่าต่อ การเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวของเขาครั้งนี้ เริ่มจากการมองหาทำเลเช่า ใช้เวลาอยู่พอสมควร กระทั่งมาเจอร้านชั้นเดียวสองคูหา อยู่แถวหน้าสนามกีฬากลาง ที่ปล่อยให้เซ้งในราคา 160,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่พอสู้ไหว จึงตัดสินใจทันที

เมื่อมีอาคารสถานที่เป็นที่พอใจ เรื่องต้องทำต่อไป คือ หาของมาตกแต่งร้านเรียกความสนใจ ประเด็นนี้ไม่มีปัญหาอะไร  เพราะวัตถุดิบที่เป็น “ของสะสม”ของคุณออส มีอยูมากโขเป็นทุนแล้ว

“ตอนเด็กอยากให้แม่เปิดร้านค้า แต่ไม่ได้เปิดเพราะเป็นลูกชาวนา พออายุ 15 เลยเริ่มสะสมของประเภทสินค้าในร้านโชห่วย พวก ผงซักฟอก แป้ง สบู่  ก่อนไล่มาจนถึงพวกของเล่นที่ตอนเด็กไม่เคยได้ซื้อเล่นเพราะไม่มีตังค์”คุณออส เล่าที่มาของงานอดิเรก

ใช้เวลาตกแต่งร้านไม่นาน โดยใช้สินค้ายุคเก่ามาประดับประดา ให้บรรยากาศเหมือนร้านกาแฟโบราณ ภายใต้แนวคิด”ไม่มีเงินล้าน ก็ซื้อวันวานได้” ที่เปิดประตูเดินเข้ามาในร้านแล้ว จะรู้สึกว่าเข้าไปสู่อีกมิติหนึ่งเลย

แต่ก่อนเปิดให้อย่างเป็นทางการ ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเองผ่านทางสื่อออนไลน์ เป็นการ “เรียกน้ำย่อย” ปรากผลตอบรับดีมาก หลายคนเข้ามาถามไถ่เมื่อไหร่จะเปิดเสียที เมื่อถึงวันขายจริง     ร้าน “มานี มี กาแฟ” จึงไม่ต้องรอลูกค้านาน เหมือนกิจการใหม่ทั่วไป ที่มักต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะลูกค้าจะติด

 สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้ คุณออส บอกว่า ตั้งไปที่ผู้ใหญ่ วัย 30 ปีขึ้นไป ที่รู้จักมานะ-มานี โดยมีแผนการตลาด ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการและถ่ายรูปในร้าน ก่อนส่งหรือแชร์ต่อไปในโซเชียลมีเดีย เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีทำร้านให้เป็นที่รู้จักได้เร็วที่สุดสำหรับยุคนี้

ซึ่งนับว่าได้ผลตามคาด ร้านมี 10 โต๊ะ วันธรรมดาเต็มตลอด ส่วนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่โทรศัพท์มาจองก่อน จะไม่มีที่นั่งให้ได้เลยสำหรับลูกค้าวอล์กอิน

เพราะนอกจากจากลูกค้าวัยสามสิบอัพจะชื่นชอบบรรยากาศย้อนยุคในแบบของ “มานี มี กาแฟ”แล้ว  ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ก็มักพากันมานั่ง “แฮงก์เอาท์”ก่อนจะถ่ายรูปของในร้าน และแชร์ต่อให้เพื่อนฝูงพร้อมถามไถ่ ใครเกิดทันของนี้บ้าง เป็นที่สนุกสนานตามวัย

คุณออส เล่าให้ฟังต่อ หลังจากเปิดร้านได้หนึ่งเดือน จึงตัดสินใจลาออก เพราะเกรงจะทำงานสองอย่างได้ไม่ดี แต่ช่วงถึงเวลาต้องเดินออกมาจากชีวิตครู จริงๆ รู้สึกใจหายไม่น้อย เพราะผูกพันกันมานาน ลูกศิษย์หลายคนร้องไห้กันกระจองอแง ส่วนตัวเขาเองถึงกับน้ำตาซึมเหมือนกัน

“ตอนแรกพ่อไม่อยากให้ลาออก พอมารู้ตอนเข้าช่วงเดือนที่สาม ท่านบอกว่าไม่เป็นไร มีงานที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป”คุณออส เล่ายิ้มๆ

ก่อนบอก ตัวเขาเป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาวหนึ่งคน ที่ผ่านมาตอนทำอาชีพครู สามารถเลี้ยงดูคุณพ่อ-คุณแม่ ด้วยเงินเดือนประจำได้จำนวนหนึ่ง แต่พอมาทำธุรกิจของตัวเอง สามารถมีเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้มากกว่าเดิม และถึงแม้ในพิษณุโลกจะมีร้านกาแฟนับร้อยร้าน แต่กิจการของเขาอยู่ได้สบาย ด้วยยอดขายวันละกว่าร้อยแก้ว

ถามถึงอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจนี้ คุณออส นึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอก

“ไม่ค่อยมีเรื่องน่าหนักใจอะไร  จะมีแค่ผมเครียดไปเอง คือเรื่องหวาน-ไม่หวานของลูกค้า บางคนบอกหวานเกิน ผมลดหวาน แต่มีบางคนบอกจืดไป  วันนั้นผมเข้าโรงพยาบาลเลย ฉีดยา เลย เครียดจัด เดินไม่ได้เลย เพราะเราอยากให้ลูกค้าทุกคน ชอบของเราทุกแก้ว พอออกจากโรงพยาบาล ผมไม่เครียดแล้ว แต่จะยึดสูตรของตัวเอง คือ หวานน้อยทุกครั้ง แต่ใครอยากได้รสไหนขอให้บอกก่อน”

“มานี มี กาแฟ”  นับเป็นร้านกาแฟสุดเก๋ ที่ให้ลูกค้าได้ไปร่วมย้อนเวลากันกับร้านกาแฟที่จำลองร้านชำมาทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งของเล่นสมัยเด็กหรือจะเป็นบรรดาภาพโฆษณาเก่าๆ แชมพู ยาสระผม ที่ไม่สามารถเห็นได้ในปัจจุบันนี้แล้ว

ส่วนเรื่องเพลงนั้นร้านมีทั้งเพลง สากล เพลงไทย เก่าสลับกันไป แต่มีบางครั้งที่ทางร้านจะแทรกเพลงร่วมสมัยให้คนฟังได้ร่วมย้อนถึงสมัยอดีตด้วย แต่จะมีบางวันที่จะเน้นเพลงเรโทรประมาณยุค 60-80 ใครเป็นแฟนคิรีบูน แฟนวงชาตรี แฟนฉัน มาที่นี่ได้ฟังแน่ๆ

“มานี มี กาแฟ” เจ้าของสโลกแกน “ไม่มีเงินล้าน ก็ซื้อวันวานได้” ตรงอยู่ตรงข้ามทางเข้าหน้าสนามกีฬากลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโล เปิดทุกวัน ตั้งแตเจ็ดโมงเช้าถึงสามทุ่ม

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ คุณออส โทรศัพท์ 081-688-8855 หรือ Facebook/น้องออส ชงกาแฟใฟ้หน่อยยยย