
เผยแพร่ |
---|
สาวนิเทศฯ จบเกียรตินิยม ผันตัว ขายน้ำสกัดเย็น เริ่มต้นจากครัวเล็กๆ บนคอนโด สู่ยอดขายพีกสุด 4,000 ขวด/เดือน
เพราะไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน หรือทำอาชีพอะไรหลังเรียนจบ อีกทั้งต้องเป็นที่พึ่งหลักให้ตัวเองกับน้องชายหลังสูญเสียแม่ ทำให้ คุณตาม-กาญจนา นามพุทธาเหมือนคนหลงทางในชีวิต
แต่เธอ “อยากมีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน” จึงเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ หลากหลาย ก่อนประสบความสำเร็จที่การขายน้ำผักผลไม้สกัดเย็น แบรนด์ “อยู่บ้าน”

อยากมีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน
คุณตาม วัย 29 ปี เล่าให้ฟังว่า เธอเป็นเด็กบ้านๆ คนหนึ่ง ได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยสามารถคว้าเกียรตินิยมมาได้สำเร็จ แต่ชีวิตต้องพบเรื่องเศร้า เมื่อสูญเสียแม่ และกลายมาเป็นที่พึ่งหลักให้ตัวเองกับน้องชาย
หลังเรียนจบ เธอลงมาอยู่กรุงเทพฯ กับพี่ พร้อมเริ่มต้นขายของออนไลน์ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง สุดท้ายเจอโควิด ในช่วงนั้นเชื้อไวรัสค่อนข้างรุนแรง แฟนของเธอติดโควิดลงปอด ต้องใส่สายออกซิเจน ทุกอย่างตึงเครียด แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้หันมาใส่ใจสุขภาพ เพราะข่าวมากมายพากันนำเสนอวิธีการดูแลสุขภาพ ทำให้เธอรู้จักน้ำผักผลไม้สกัดเย็น ก่อนลงมือทำให้แฟน ให้เพื่อน ให้ญาติ และคนรู้จักกิน

จากนั้นประมาณ 1 ปี ถึงเริ่มทำขายจริงจัง โดยใช้ครัวคอนโดเป็นหน้าร้าน และขายผ่านทุกแพลตฟอร์มดีลิเวอรี
“เรามีตู้เย็นเล็กๆ ในห้องสตูดิโอเล็กๆ ซื้อวัตถุดิบจากแม็คโครมาทำ ตอนนั้นยังไม่กล้าซื้อแบบราคาส่ง เพราะต้องซื้อเยอะ ไม่มีพื้นที่เก็บ มีออร์เดอร์เข้า 1 ออร์เดอร์ เราดีใจมาก เราเพิ่งเริ่ม และเป็นมือใหม่ ลูกค้าคงยังไม่กล้าสั่ง
จากนั้นใน 1 เดือน ออร์เดอร์เข้ามาทุกวัน ถือว่าการตอบรับดีมาก ผ่านไปเกือบปี ถึงย้ายมาเช่าบ้าน เพราะสะดวกกว่าทั้งพื้นที่ครัว และที่นั่งรอของไรเดอร์ จากนั้นแฟนย้ายที่ทำงานก็ย้ายมาเช่าบ้านหลังปัจจุบัน
จุดเด่นของเราคือทำออร์เดอร์ต่อออร์เดอร์ ได้รสชาติสดใหม่ บรรจุใส่ขวด มีให้เลือกทั้งขวดพลาสติก ไว้ตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบสั่งไว้ตุน เพราะขวดแก้วแช่ฟรีซไม่ได้ จะแตก แต่ขวดแก้วเหมาะสำหรับเป็นของฝากของเยี่ยม เพราะดูพรีเมียมกว่า
แปะโลโก้แบรนด์ให้สวยงาม พร้อมเขียนโน้ตเล็กๆ เช่น Have a Nice Day เพราะอยากให้ลูกค้าประทับใจและรู้สึกว่าอยากกลับมาซื้อซ้ำกับร้านเรา
และความจริงใจที่เราให้ ผักผลไม้แต่ละฤดูกาล รสชาติไม่เหมือนกัน ควบคุมยาก เราจะแจ้งลูกค้าตรงๆ ว่า ช่วงนี้ฝรั่งบวมน้ำ รสชาติอาจจะจืด พี่โอเคไหม ลูกค้าก็จะเข้าใจ
ลูกค้าสายสุขภาพจะเปิดใจซื้อกับร้านใหม่ยากหน่อย เพราะอาจจะมีร้านประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าเปิดใจสั่ง กินแล้วชอบ บอกเลยว่าเขาอยู่กับเรายาวๆ”

การคัดสรรวัตถุดิบ
การขายน้ำผักผลไม้สกัดเย็นของคุณตาม เธอย้ำว่า ไม่ได้อยากให้คนเข้าใจว่ากินเพื่อรักษา แต่กินเพื่อบำรุงร่ายกาย โดยลูกค้ากลุ่มหลัก คือผู้หญิง คนที่อยากลดน้ำหนัก และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยยาก
“ลูกค้าต้องการระบาย เพราะเมื่อวานกินหนัก ก็กินสูตรดีท็อกซ์ช่วงเช้า คือ ผักเคล แอปเปิ้ลเขียว เลม่อน หรือลูกค้าเข้ายิม อยากให้เลือกสูบฉีด ก็กินสูตรบีทรูท แอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง เลม่อน”
แต่กว่าจะได้สูตรที่ทำขาย ไม่เหมือนกับทำกินเอง
คุณตามซื้อวัตถุดิบมาลองผิดลองถูกทุกวัน เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้สายพันธุ์ผลไม้ เพราะซื้อมาปอกกินเองกับทำขายไม่เหมือนกัน
อย่างเช่น สับปะรดใช้สายพันธุ์ตราดสีทอง เพราะอยู่ได้นาน น้ำอาจไม่ฉ่ำมาก แต่ใส่แล้วให้กลิ่นหอม แอปเปิ้ลใช้สายพันธุ์ฟูจิ ผสมกับแจ๊ส ที่มีความเปรี้ยว หอม หวาน ส่วนฝรั่งใช้สายพันธุ์กิมจู เป็นต้น
ส่วนผัก อย่างผักเคล เลือกใช้คะน้าใบหยิก ก้านไม่ต้องแข็ง หรือใหญ่มากเกินไป และไม่เน่า ไม่เฉา นอกจากนี้ยังมี บีทรูท เซเลอรี ปวยเล้ง เป็นต้น
สำหรับแหล่งซื้อ คุณตามสลับซื้อทั้งตลาดสี่มุมเมือง กับตลาดไท ในร้านประจำที่คัดมาแล้ว ซึ่งเป็นร้านที่สามารถเคลมได้ และสามารถสั่งออนไลน์มาส่งที่บ้านได้ โดยมีรอบการสั่งประมาณ 1 สัปดาห์ ใช้งบประมาณ 3,000-5,000 บาท

วิธีการเก็บรักษา ถ้าตัวไหนใช้วันพรุ่งนี้ จะนำไปล้างทำความสะอาด หั่นใส่กล่อง ซับน้ำออก แล้วแช่เย็น ส่วนตัวไหนยังไม่ใช้ สามารถเข้าตู้เย็นได้โดยไม่ต้องล้าง จะอยู่ได้นานขึ้นประมาณ 5-7 วัน
ส่วนต้นทุนผักผลไม้ เธอตั้งราคาไว้ครอบคลุม ยังสามารถทำกำไรได้แม้ต้นทุนจะขึ้นลง ในราคาเริ่มต้น 80 บาทขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่ที่การผสมของแต่ละขวด บรรจุ 250 ml และทุกผักผลไม้สามารถนำมาใช้มิกซ์ร่วมกันได้ เพื่อการระบายของได้เร็ว และควบคุมต้นทุนได้
คอนเทนต์ เรียกลูกค้า
ลูกค้าของคุณตาม ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจังหวัดไกลๆ เช่น นครพนม สุราษฎร์ธานี เชียงราย เป็นต้น
ซึ่งลูกค้าจะสั่งผ่านดีลิเวอรี และสั่งผ่านไลน์ เพราะตามมาจากคอนเทนต์ที่เธอทำ
“เราไม่คิดว่าคนจะรู้จักขนาดนี้ พอเราเริ่มทำวิดีโอสั้น ก็ได้ลูกค้าเข้ามามากขึ้น กว้างขึ้น และไกลขึ้น ว่างจากทำน้ำ ก็ถ่ายคลิป บางทีทำน้ำอยู่ก็ตั้งกล้องถ่ายเลย แรกๆ ก็ไม่แมส แต่ไม่ท้อ ทำไปเรื่อยๆ ยิ่งไม่มีคนดู ยิ่งทำ สุดท้ายมันก็ฟีดให้เราได้ยอดวิว”

รายได้ปัง
สำหรับรายได้ต่อเดือน เธอบอกว่า แบบยืนพื้นอยู่ที่ 5 หลัก แต่ก็มีช่วงพีกที่สามารถทะลุไปถึง 6 หลัก (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย) อย่างเช่น ช่วงเทศกาลที่มีการจัดเซตของขวัญ จัดโปรโมชัน ช่วงที่คอนเทนต์เป็นไวรัล และจากลูกค้างานสัมมนา อีเวนต์ ลูกค้าทัวร์ เป็นต้น ทำให้สามารถขายได้ประมาณ 3,000-4,000 ขวดต่อเดือน
มันอาจจะไม่ได้พุ่งเหมือนธุรกิจใหญ่ๆ เพราะเราทำคนเดียว ทำทุกหน้าที่ อาจจะเป็นแผนในอนาคตที่มีทีมมาช่วย ทั้งแอดมิน การตลาด ถ่ายคลิป ตัดคลิป ดีลลูกค้า”
ก่อนทิ้งท้ายถึงความภูมิใจว่า “เห็นรายได้แล้วหายเหนื่อย จากตอนแรกคิดว่าอยากลองทำ ดูว่าเราทำได้ดีไหม จะเจ๊งก็ไม่เป็นไร แค่เริ่มใหม่
ไม่คิดเลยว่ามันมาได้ไกลขนาดนี้ ต้องขอบคุณยุคออนไลน์ ทำให้คนเห็นเรามากขึ้น เรามีโอกาสในการขายช่องทางอื่นมากขึ้น และมีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าทักมาชมว่าน้ำอร่อยมาก
แต่บางทีการทำงานอยู่บ้าน ทำให้รู้สึกหมดไฟหรือหัวตันบ้าง ก็พยายามออกไปหาความรู้ข้างนอก ไปเรียนคอร์สต่างๆ ช่วยให้เราได้เจอสังคมใหม่ๆ และมีไฟกลับมาทำงานที่บ้านต่อ
และคิดว่าในอนาคตอยากเปิดคาเฟ่ หรือหน้าร้านเพื่อให้คนเห็นเรามากขึ้น และแตกไลน์สินค้าสุขภาพมากขึ้น เอามาขายคู่กับน้ำด้วย”
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2025