หนุ่มจุฬาฯ เปิดร้าน “บ้านบัวลอย” ใช้ ChatGPT ช่วยปรับสูตรจนปัง

หนุ่มจุฬาฯ เปิดร้าน “บ้านบัวลอย” จากวันแรกขายได้ไม่ถึง 10 ถ้วย ใช้ ChatGPT ช่วยปรับสูตรจนปัง 

ที่สี่แยกวังหิน มีร้านขนมหวานเล็กๆ ชื่อว่า “บ้านบัวลอย” ที่กลายเป็นไวรัลในเวลาเพียงข้ามคืน ร้านนี้เกิดจากความชอบกินบัวลอยของ คุณวิน-ธนวัฒน์ จันทร์กระจาย อายุ 28 ปี หนุ่มนิเทศฯ จุฬาฯ ที่ยืนหยัดอยากทำธุรกิจของตัวเอง แต่เมื่อพอมาทำจริงๆ ก็พบว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด 

จากคนที่ไม่เคยทำขนมเลยแต่ต้องมาปั้นแป้ง ทำสูตรบัวลอยเอง แต่คุณวินเลือกที่จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหา เขาใช้ AI อย่าง ChatGPT เป็นที่ปรึกษาในการปรับสูตร โดยทดลองใส่ส่วนผสมตามคำแนะนำจนได้รสชาติที่ลงตัว

แต่ทว่าพอแก้ปัญหาเรื่องสูตรได้ ก็มีปัญหาให้เข้ามา นั่นคือ ร้านไม่มีคนรู้จัก บางวันขายได้แค่ถ้วยเดียวก็มี จนกระทั่งเพื่อนของเขาเข้ามาช่วยรีวิวลงโซเชียล ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ “บ้านบัวลอย” กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน ยอดขายพีกสุด 175 ถ้วยต่อวัน

บ้านบัวลอย
บ้านบัวลอย

จุดเริ่มต้นของธุรกิจ

“เรารู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ชอบทำงานประจำ ไม่ชอบกิจวัตรการตื่นเช้าไปตอกบัตร เลยเป็นฟรีแลนซ์รับตัดต่อวิดีโอ ทำงานอยู่ที่บ้านเป็นหลักครับ”

เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คุณวินได้มีโอกาสทำธุรกิจกับเพื่อนนั่นคือการเปิด ‘คาเฟ่’ เมื่อธุรกิจค่อนข้างไปได้ดี จึงอยากต่อยอดทำร้านที่กรุงเทพฯ ดู

“ตอนแรกคิดว่าอยากเปิดเป็นคาเฟ่ แต่ที่กรุงเทพฯ มีคาเฟ่เยอะมาก น่าจะสู้ไม่ไหว เลยมาจบที่ของหวานครับ” 

คุณวิน เล่าว่า สมัยเรียนชอบกินบัวลอยมาก แต่พอเรียนจบกลับมาอยู่ที่บ้านก็พบว่าที่ลาดพร้าว-วังหินไม่มีร้านบัวลอยที่เฉพาะเจาะจงเลย จึงเกิดไอเดียทำร้านบัวลอยขึ้น 

“ก่อนจะตั้งงบใหญ่เราต้องมาดูก่อนว่าที่ตรงไหนพอจะเช่าได้ เราอยากลงทุนไม่เกิน 200,000 บาท อยากให้เป็นร้านบัวลอยแถวบ้านที่คนเข้ามากินได้ง่าย ทำร้านให้ดูคลีนๆ สบายตา” 

“ทุกอย่างในร้านเราแทบจะทำเองทั้งหมดเลยครับ ตั้งแต่ทาสี หาวัตถุดิบ อุปกรณ์ ปกติวินจะซื้อพวกหม้อ ชาม กระชอน ที่เจเจมอลล์ครับ เป็นร้านขายส่งไปที่เดียวได้ครบทุกอย่าง ส่วนวัตถุดิบทุกอย่างมาจากแม็คโครหมดเลย แล้วผลไม้วินจะซื้อที่สี่มุมเมืองครับเพราะว่าถูกที่สุด เบ็ดเสร็จใช้งบไปประมาณ 150,000 บาท”

เจอปัญหาตั้งแต่วันแรก

ถึงแม้ว่าร้านนี้จะเริ่มต้นจากความตั้งใจเต็มเปี่ยม แต่ทว่าวันแรกเขากลับต้องเจอปัญหาหนัก เมื่อน้ำกะทิเสีย ลูกค้ารายแรกกินไปคำเดียวก่อนจะเดินออกไป

ต้องเท้าความก่อนว่า ก่อนที่จะมาเป็นบัวลอยสูตรปัจจุบันนั้น คุณวินได้มีการไปตระเวนชิมบัวลอยทั่วกรุงเทพฯ กว่า 30 ร้านเลยก็ว่าได้ ทำการหาข้อมูลว่าที่ไหนเป็นยังไง จุดเด่น จุดด้อยแบบไหน จนกระทั่งมาเจอร้านหนึ่งที่ชอบที่สุด เป็นคุณลุงที่ขายแถวพระราม 2 

ด้วยความที่เขาเคยทำคาเฟ่มาก่อน เลยไม่ได้คิดว่าต้องทำเอง เพราะตอนทำคาเฟ่จะเป็นการซื้อมาขายไป เขาจึงคิดว่า การทำขนมหวานน่าจะเหมือนกัน นั่นคือ ซื้อของแช่แข็ง นำมาต้ม แล้วก็ขาย จึงขอคุณลุงว่าสามารถทำส่งให้ได้ไหม สุดท้ายคุณลุงก็ยอมทำส่งให้

“ตอนที่เปิดร้านวินเพิ่งมารู้ว่าขนมไทยเป็นสิ่งที่ทำยากมาก มีโอกาสเสียง่าย ปัญหาเยอะ จำได้เลยว่าวันแรกที่เปิด มีคุณลุงเข้ามากินคนแรก เขากินคำเดียวแล้วเดินออกเลย วินก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คิดในใจว่าคงไม่อร่อยมั้ง เลยลองชิมดู ปรากฏว่ามันเสียหมดเลยครับ วินเลยรีบวิ่งไปคืนเงินแล้วก็ขอโทษ”

จากนั้นเขาจึงตัดสินใจผลิตทุกอย่างเอง ตั้งแต่การทำแป้งบัวลอย ปรับสูตรน้ำกะทิ โดยเขาทำการปรับสูตรมากกว่า 100 ครั้ง จนได้บัวลอยที่ต้องการคือ เม็ดเล็กเหมือนไข่มุก เคี้ยวหนึบเหมือนโมจิ และน้ำกะทิหอมมัน

“จากคนที่ไม่เคยจับแป้งเลย ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าแป้งต่างกันยังไง ศึกษาทุกอย่างใหม่หมด แม้แต่การใส่เพิ่ม 5-10 กรัมทุกอย่างจะรสชาติเปลี่ยนหมด การต้มก่อนต้มหลัง การทิ้งไว้นานไม่นาน ทุกอย่างมีผลหมดเลย ทำให้เรารู้ว่าขนมหนึ่งอย่างมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”

ปรับสูตรด้วย AI

“จริงๆ วิธีที่วินเรียนรู้มากที่สุดคือคุยกับ ChatGPT ครับ”

คุณวินตั้งใจพัฒนาสูตรและเพิ่มกำลังผลิตเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า โดยเลือกที่จะคุยกับ ChatGPT ในการปรับสูตรบัวลอยให้ได้รสชาติที่ต้องการ

เขาเล่าว่า ChatGPT สามารถตอบเราได้ทุกอย่าง แม้แต่ถามความเห็นว่าจะใช้กะทิยี่ห้ออะไรดี ChatGPT ก็จะลิสต์ทั้งข้อดีข้อเสียของแต่ละยี่ห้อมาให้เลือก โดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งอ่านรีวิว ประหนึ่งปรึกษาเพื่อนเลยก็ว่าได้ ทริกของเขาคือจะบอกกับ ChatGPT ว่าต้องการกะทิแบบไหน 

“วินลองเอาสูตรของ ChatGPT ไปเทียบกับที่อื่นดู จะมีแพตเทิร์นคล้ายๆ กัน มีน้ำกะทิ เกลือ น้ำตาล หลักๆ จะมีเท่านี้ครับ แต่อย่างที่วินบอกว่าวินจะมีรสชาติที่เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว อยากได้ติดเค็มแต่ไม่หวานมาก ทำให้ต้องทำเป็นร้อยรอบเหมือนปรับความหวานให้ลงตัว”

“วินจะเขียนสูตรให้ ChatGPT ก่อนว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วอยากทำให้รสชาติดีขึ้น ก็จะบอก ChatGPT ว่าช่วยปรับให้หน่อยได้ไหม จะง่ายตรงที่มันคำนวณตัวเลขให้เรามาเลย”

สมมติว่า อยากลดปริมาณกะทิลง 50 มิลลิลิตร ก็ไม่ต้องมานั่งเทียบบัญญัติไตรยางศ์เอง แต่ให้ ChatGPT ช่วยคำนวณสูตรให้เลย เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องเสียเวลามาคำนวณเองด้วย

จากจุดต่ำสุดสู่จุดเปลี่ยน

พอเริ่มเข้าเดือนที่ 4 ของการเปิดร้าน เป็นช่วงที่เริ่มผลิตเองได้แล้ว ทำให้ต้นทุนลดลง แต่กลับกลายเป็นว่าลูกค้าหน้าร้านก็ลดลงเช่นกัน

“มีวันหนึ่งจำได้แม่นเลยครับ เป็นวันฮาโลวีน เรียกได้ว่าเป็นวันปล่อยผีจริงๆ เลยครับ ตั้งแต่ 4 โมงถึง 3 ทุ่ม มีลูกค้ามากินแค่ 1 ถ้วย คือไม่มีคนเลยครับ”

“วันนั้นก็เลยมานั่งคิดกันว่ามันไม่ไหวแล้วนะ เราจะทำยังไงกันดี เราจะถอยดีไหม มันมืดแปดด้านมากเลย แต่ก็คิดว่าลองไปดูให้ถึงสิ้นปี พอเริ่มพฤศจิกา ธันวา คงดีขึ้นแหละ จนพอมาถึงคือแย่ลงกว่าเดิมอีกครับ”

คุณวิน เล่าถึงความรู้สึกที่มืดแปดด้าน แต่เขายังไม่ยอมแพ้ และตัดสินใจเดินหน้าต่อ 

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ “คุณเดียร์ เพื่อนที่มหา’ลัย” มาที่ร้านและลงคลิปรีวิวใน TikTok หลังจากที่คลิปเผยแพร่ออกไป ลูกค้าเริ่มเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน จนสามารถขายได้พีกสุดประมาณ 175 ถ้วยภายในไม่กี่ชั่วโมง

“ตอนนั้นเพื่อนทักมาบอกครับว่ามาทำงานแถวนี้พอดีเลยอยากแวะมากิน แต่อาจจะมาดึกหน่อย เราก็ดีใจมาก เตรียมเปิดร้านรอเลยครับ จริงๆ วันนั้นหน้าร้านคนน้อยมาก อย่างน้อยได้คุณเดียร์อีกออร์เดอร์หนึ่งก็ยังดี”

“เขาก็ถ่ายสตอรี่ แล้วก็ถามว่าทำยังไงบ้าง พอได้กินแล้วชอบก็เลยสั่งทุกเมนูเลยครับ เราก็คิดในใจเพื่อนคงชมเป็นมารยาทหรือเปล่า” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงดีใจปนยิ้ม

จนกระทั่งหลังจากที่คลิปเผยแพร่ ก็เป็นไวรัลอย่างมาก มีลูกค้าโทรมาตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน ว่าร้านอยู่ไหน เปิดกี่โมง พอถึงเวลาเปิดร้านออร์เดอร์ทั้งจากดีลิเวอรีและหน้าร้านก็เข้ารัวๆ จนเพื่อนที่อยู่หน้าร้านบอกว่า “ไม่ไหวแล้วร้านแตก!”

“ตอนนั้นวินเลิกกินข้าวแล้วกลับมาที่ร้านทันที พอมาถึงลูกค้ายืนรอหน้าร้าน ไรเดอร์อีกเป็นสิบคันเลยครับ”

เมนูไอศกรีมกะทิบัวลอย ทรงเครื่อง
เมนูไอศกรีมกะทิบัวลอย ทรงเครื่อง

ไวรัลเปลี่ยนชีวิต

จากเมื่อก่อนที่ขายได้เฉลี่ยไม่เกิน 10-15 ถ้วย แต่หลังจากที่คุณเดียร์ลงคลิปไปวันนั้นขายได้ 60-70 ถ้วย ของหมดภายใน 2 ชั่วโมง พอวันรุ่งขึ้น ซึ่งตรงกับวันจันทร์เขาก็คิดว่าคนน่าจะน้อยลงเพราะเป็นวันธรรมดา แต่ปรากฏว่าคนเยอะกว่าเดิมขายหมด 70 ถ้วยภายในครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“ตอนนั้นเราไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องสร้างติ๊กต็อกเพื่อมาทำแบรนด์หรือว่าต่อยอด แต่เราก็คิดว่าอยากขอบคุณลูกค้า เลยสร้างติ๊กต็อกขึ้นมาแล้วก็อัดคลิปไหว้ขอบคุณ คือมันเกินที่เราจะฝันมากๆ เราไม่ได้คิดว่าคลิปที่เราขอบคุณจะเป็นไวรัล คือตลอดเดือนธันวาเหมือนเปลี่ยนชีวิตร้านเราไปเลย”

เมื่อได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้วจะสามารถทำได้ 10-15 กิโลต่อวัน จนทำให้ขายได้พีกสุด 175 ถ้วยต่อวันเลยทีเดียว

“วินเริ่มเชื่อแล้วว่าการรีวิว การทำการตลาดเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริงๆ อย่างน้อยต่อให้จะมีคนมากินหรือไม่มา แต่เขาก็ได้รู้จักแล้วว่ามีร้านนี้อยู่บนโลก ลองแล้วชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที แต่การที่เราไม่รู้เลยว่ามีร้านนี้อยู่บนโลกนี้ อันนี้น่ากลัวกว่ามากๆ”

“การสร้างตัวตน การมีแพลตฟอร์ม มันสำคัญมากจริงๆ อันนี้คือบทเรียนจากการทำธุรกิจที่นี่เลยครับ”

 

@baanbualoy_ กว่าจะมาเป็น ’บ้านบัวลอย‘ ขอบคุณลูกค้าและผู้ชมทุกท่านที่ให้โอกาสพวกเรานะครับ ร้านเปิดอีกทีวันศุกร์ที่ 3 มกรา แล้วมาเจอกันใหม่ปี 2025 นะครับ 🤍👋🏻🙏🏻 #บ้านบัวลอยbaanbualoy #บ้านบัวลอย #baanbualoy #วังหิน #บัวลอย #รีวิวของอร่อย #ของอร่อยบอกต่อ #localserviceชิงมง ♬ เสียงต้นฉบับ – y0urmine

ฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการ

ก่อนที่จะทำธุรกิจนี้หลายคนเตือนว่าอย่าทำเลย เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ทำแล้วไม่คุ้ม ยิ่งมาเปิดแถวบ้านยิ่งไม่แนะนำ เพราะทำเลส่งผลต่อยอดขายมากๆ แต่เขาก็คิดแล้วว่า “ของดีอยู่ที่ไหนก็มีคนมากิน”

“แต่ความคิดนี้ของวินถูกแค่ครึ่งเดียว ของดีมันมีคนมากินจริงๆ แต่ของดีจะทำยังไงให้คนได้รู้จักสิ่งนี้ ของดีถ้าไม่มีคนมากินก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยากจะบอกเลยคือ การทำธุรกิจอย่าไปกลัว การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์สำคัญไม่แพ้กับคุณภาพสินค้า อย่างน้อยที่สุดต้องมีคนรู้จักร้าน แล้วเขาถึงค่อยตัดสินใจว่าจะมากินหรือไม่กิน”

“วินเชื่อว่าไม่มีใครที่ทำธุรกิจอาหารแล้วทำลวกๆ วินเชื่อว่าเราต้องชอบในสิ่งที่เราทำออกมาให้คนอื่นกิน อยากให้ลองหาทางทำให้คนรู้จักร้านได้มากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างรีวิว การสร้างคอนเทนต์เอง หรือมีคนมารีวิวให้ ทุกอย่างล้วนเพิ่มโอกาสทางการมองเห็นทั้งนั้น ยิ่งคนเห็นเยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสขายได้มากขึ้นครับ”

ช่องทางการติดต่อ

Facebook : บ้านบัวลอย 

พิกัด : บ้านบัวลอย สี่แยกวังหิน ฝั่งเสนานิคม อมรพันธ์

เวลา : 16.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ)

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง