
เผยแพร่ |
---|
ผู้บริโภคเปลี่ยน ร้านอาหารปรับ! เพิ่มความ “สเปเชียลตี้” ในยุคที่คนไทยมีความเฉพาะเจาะจงเหมือนคนญี่ปุ่นมากขึ้น
เข้าปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารจะทำอย่างไรให้อยู่รอด ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น เงินในกระเป๋ามีน้อยลง หรือการคาดการณ์ว่าภายในปีนี้ อาจจะเกิดความเสี่ยงอะไรบ้างอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋า ทั้งสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ การกีดกันการค้า หรือสงครามในต่างประเทศ ล้วนส่งผลกระทบ
เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ Torpenguin กล่าวว่า
จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ‘สตรีตฟู้ด’ ขายดี เพราะเป็นอาหารที่กินได้ง่าย เป็นสิ่งที่ลูกค้าจะนึกถึงในใจเวลาอยากกินอะไรสักอย่าง อย่างเช่น วันนี้อยากกินก๋วยเตี๋ยว วันนี้อยากกินข้าวมันไก่ วันนี้อยากกินข้าวหมูแดง เป็นต้น
ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพราะคนเราอยากอัปเกรดคุณภาพชีวิตไปเรื่อยๆ
“เรากินส้มตำรสชาติแบบเดิมมาเป็นสิบปี วันหนึ่งเราอยากค้นหารสชาติแบบต้นตำรับจริงๆ วันนี้เราเริ่มเห็น ร้านอาหารอีสานแบบนครพนม ร้านแบบอุบลฯ ร้านแบบโคราช ทั้งที่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนกรุงเทพฯ มองว่าอาหารอีสานเหมือนกันหมด ณ วันนี้เราเริ่มมีความเฉพาะเจาะจงเหมือนคนญี่ปุ่นมากขึ้น”
คุณต่อ กล่าวว่า ลูกค้าจะไม่เลือกกินสเต๊กในร้านอาหารที่มีอาหารญี่ปุ่นด้วย แต่อยากกินอะไรเขาจะไปกินร้านนั้นโดยเฉพาะ
“ถ้าไม่เชื่อ วันนี้เรามีร้านประเภทขายแต่เกี๊ยวซ่า มีร้านขายแต่ผัดไทยอย่างเดียว มีร้านขายข้าวกะเพราอย่างเดียว สมัยก่อนอาหารพวกนี้ต้องอยู่ในร้านตามสั่ง แต่เดี๋ยวนี้เรามีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น ก็เลยทำให้อาหารเหล่านี้ซึ่งเป็นอาหารข้างทางมีคุณค่ามากขึ้น
ผู้ประกอบการก็ต้องพัฒนาประเภทอาหารนี้ ให้มีความลึกให้มีความแตกต่างมากกว่าคู่แข่งยิ่งขึ้น เราเห็นชัดๆ เลย ข้าวมันไก่ แต่ก่อนก็คือข้าวมันไก่ เดี๋ยวนี้มีข้าวมันไก่ไหหลำ ยูนนาน สิงคโปร์ เบตง แล้วแต่ละข้าวมันไก่ก็มีกระบวนการที่ลึกมากขึ้น มันแทบจะเรียกว่าเป็นสเปเชียลตี้ข้าวมันไก่
ถ้าให้ผมสรุปง่ายๆ อาหารอะไรก็ตาม ทุกวันนี้ถ้าอยากอยู่รอด อยากจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะตัวได้ ต้องใส่ความสเปเชียลตี้เข้าไปด้วย คุณจะเป็นกาแฟคุณก็ต้องเป็นสเปเชียลตี้คอฟฟี่ คุณจะเป็นก๋วยเตี๋ยว คุณก็ต้องเป็นสเปเชียลตี้ก๋วยเตี๋ยวในเรื่องนั้นๆ
ผมถือว่าเป็นเรื่องดีในตลาด เพราะหมายถึงว่า ฟู้ดซีนในตลาดจะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น มันจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และนั่นเป็นโอกาสสำหรับคนคิดต่าง เป็นโอกาสสำหรับคนที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และหมายความว่า มันไม่ใช่พื้นที่สำหรับมือสมัครเล่นอีกต่อไป”