ผู้เขียน | ภาสกร กรุงทวี |
---|---|
เผยแพร่ |
“คาเฟ่แม่” คาเฟ่ขนมไทยโฮมเมดของคุณแม่ วัย 75 ปี ความตั้งใจของลูกสาว ที่อยากสร้างพื้นที่แห่งความสุขให้ครอบครัว
คาเฟ่แม่ คาเฟ่ที่เกิดจากความตั้งใจของลูกสาวที่อยากจะสร้างพื้นที่แห่งความสุขให้กับคุณแม่และน้าๆ วัยเกษียณได้ส่งต่อรอยยิ้ม ส่งต่อความอร่อย และส่งต่อความสุขไปยังลูกค้า
เรื่องราวแสนอบอุ่นในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณหนิง-มธุดานันท์ คชคง อายุ 47 ปี คุณแม่อารีย์ คชคง อายุ 75 ปี และคุณน้าอีก 2 ท่าน คือ คุณน้าต้อย-ทัศนีย์ กระต่ายทอง อายุ 70 ปี และคุณน้าแดง-พิมพาพัส เกตุสุวรรณ อายุ 68 ปีเจ้าของร้าน Cafe Mae “คาเฟ่แม่” คาเฟ่ขนมไทยโบราณสูตรคุณยายที่ทำกินกันจากรุ่นสู่รุ่น ต่อยอดและเริ่มทำเป็นคาเฟ่ขนมไทยในจังหวัดสุพรรณบุรี

จากข้าราชการวัยเกษียณ สู่แม่ค้าขนมหวาน
คุณหนิง เล่าว่า ก่อนที่คุณแม่และน้าๆ จะเกษียณ แต่ละท่านก็ทำงานเป็นข้าราชการกันมาก่อน โดยคุณแม่จะเป็นผู้คุม คุณน้าคนแรกเป็นครู อีกท่านเป็นผู้คุม ทุกวันนี้ทั้ง 3 ท่านกินบำนาญทุกคน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจเปิดคาเฟ่เลย ต้องย้อนกลับไปว่า พี่ชายของคุณหนิงมีร้านอาหารมาก่อน เขาจะทำเชฟเทเบิลอยู่ที่เชียงใหม่ คือที่ หุบเขาคนโฉด อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาในช่วงโควิด ผู้คนไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ ลูกค้าทางเชียงใหม่ก็น้อยลง เขาจึงตัดสินใจสัญจรที่สุพรรณบุรี ก็เปิดเป็นไฟน์ไดนิงเป็นรอบๆ ที่บ้าน แล้วก็เอาขนมที่ทางคุณแม่และน้าๆ ทำกินเองอยู่แล้วมาขายคนกันเอง ก็จะมีคนมาอุดหนุนเรื่อยๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้น
เมื่อมีผลตอบรับดีจากที่พี่ชายได้มาสัญจรที่สุพรรณบุรี จึงทำให้กลับมาคิดกันว่า เรามาเปิดร้านกันดีไหม บ้านเราก็มีที่ ฝีมือเราก็มี ก็เลยเปิดจากวันนั้นถึงวันนี้ได้ประมาณ 2 ปีกว่า
คุณหนิง เล่าต่อว่า ทำไมถึงใช้ชื่อว่า คาเฟ่แม่ เนื่องด้วยสถานที่ที่อยู่ก็เป็นของปู่ย่าตายายส่งต่อมา 4-5 รุ่น ดังนั้น จึงเป็นที่ของแม่ ขนมที่ทำขายลูกค้าก็เป็นฝีมือของแม่ เลยใช้คำว่า คาเฟ่แม่ เพราะเป็นชื่อที่บ่งบอกความเป็นตัวตนได้ชัดเจนที่สุด
ความโดดเด่นตามสไตล์ของคาเฟ่แม่ที่อยากส่งต่อ
การทำขนมไทยแบบโฮมเมด ถือเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่เป็นรสมือของแต่ละคน ทุกขั้นตอนผ่านกรรมวิธีอย่างพิถีพิถันจากความตั้งใจของคุณแม่และน้าๆ ที่อยากจะส่งต่อความอร่อยผ่านไปยังขนมไทยที่ทำเสิร์ฟให้กับลูกค้า
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ลูกค้ามักจะชื่นชมชื่นชอบคือ รสชาติของขนมหวานที่ไม่ได้หวานมากจนเกินไป มีหลากหลายคำพูดของลูกค้าที่มักจะบอกกับเราเสมอ เช่น
“กินแล้วไม่รู้สึกผิด” หรือ “หวานน้อย อร่อยมาก”
หากพูดถึงขนมที่เป็นซิกเนเจอร์ที่ใครๆ มาก็ต้องสั่ง ก็จะเป็น ข้าวต้มมัด ขนมตาล ตะโก้ และอีกมากมาย โดยขนมแต่ละชนิดทั้งคุณแม่และน้าๆ จะแบ่งหน้าที่กันเป็นคนทำ ใครถนัดทำอันไหนก็จะประจำขนมนั้น
ราคาของขนมมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย อาทิ ฝอยทอง 50 บาท เม็ดขนุน 45 บาท ตะโก้ 25 บาท เปียกปูน 25 บาท และข้าวต้มมัด 30 บาท
ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ ได้ถามคุณหนิงว่า ทำงานร่วมกันเยอะแบบนี้ มีทะเลาะหรือไม่เข้าใจกันบ้างไหม คุณหนิง บอกว่า
“การทำงานร่วมกันหลายๆ คน ก็อาจจะมีบ้างในเรื่องของปัญหาที่ไม่เข้าใจ แต่ก็จะให้จบกันแค่ในครัว ปรับความเข้าใจและเรียนรู้กันไปพร้อมๆ กัน”
ไม่ใช่ว่าจะมีฝีมือแล้วจะไม่เรียนรู้หรือปรับตัวใดๆ เลย คุณแม่และคุณน้าจะคอยพัฒนาตนเองอยู่ตลอด และจะหาไอเดียใหม่ๆ มาแชร์แล้วต่อยอดออกมาผ่านการทำขนม เพียงอยากให้ลูกค้าได้รับสิ่งดีๆ กลับไปเมื่อได้เข้ามาที่คาเฟ่แม่
นอกจากเรื่องของความอร่อยแล้ว การสร้างบรรยากาศของร้านให้เป็นเอกลักษณ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะนอกจากจะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการแล้ว ยังช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการอีกครั้งด้วย อย่างคาเฟ่แม่ ได้มีการประดับตกแต่งร้านให้มีความร่มรื่น ติดริมน้ำ เข้ามาแล้วรู้สึกสบายๆ จนทำให้มีลูกค้าที่มาบอกต่อๆ กันไป และตามมากันมากมาย
เปิดคาเฟ่ เติมเต็มความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต
หลายคนอาจมองว่า อายุของแต่ละท่านค่อนข้างมากแล้ว ทำไมถึงยังต้องมาทำงานอะไรแบบนี้อยู่ แต่เอาเข้าจริง สิ่งนี้แหละที่เรียกว่าความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต ทั้งคุณแม่และคุณน้าต่างก็มีความสุขและสนุกไปกับงานที่ทำ ถือว่าเป็นอีกข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้คนวัยเกษียณไม่เฉาและมีไฟในตัวพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายอยู่เสมอ
“หากไม่ทำอย่างนี้ เขาจะเหงา เหมือนแบตมันค่อยๆ หมดไป เหมือนของที่มันเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ถ้าสมมติว่ามันได้ใช้งานหรือได้ฝึกฝนทุกวันพี่ว่ามันจะไม่เสื่อม มันจะคงอยู่และเป็นการยืดอายุคนวัยเกษียณได้ดีอีกทางหนึ่ง” คุณหนิง กล่าว
ในบางวันคุณแม่เองก็จะออกมาดูลูกค้าบ้าง หรือออกมาถามว่าลูกค้ามาหรือยัง ลูกค้าว่าอย่างไรบ้าง พอบอกแกว่าลูกค้าชมนะว่าอร่อย แกก็จะยิ้มดีใจ นี่ก็ถือว่าเป็นการเติมความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง
นอกจากเรื่องของความสุขที่ได้รับแล้ว รายได้ที่ได้มา ก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตมากๆ ในระดับหนึ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จเยอะมาก เพราะในตอนแรกไม่ได้คาดหวังมากถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังคงต้องพัฒนาและทำให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุดต่อไป
“บอกต่อ ดีกว่าโฆษณา” แนวคิดที่ใช้ในการทำธุรกิจ
ในการทำธุรกิจ การโฆษณาเป็นเรื่องสำคัญเพื่อโปรโมตให้ลูกค้าทราบ และดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพื่อสร้างรายได้ แต่คุณหนิงเองมีความเชื่อว่า การบอกต่อ มักจะดีกว่าการโฆษณา
“ถ้าคุณมีของดี งัดออกมา ถ้ามันมีศักยภาพ เดี๋ยวคนตามมาเอง เราไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้มากหรอก คำว่าบอกต่อ มันดีกว่าการโฆษณาอีกนะ”
อย่างไรก็ตาม ทุกสินค้า ทุกบริการล้วนต้องมีคุณภาพและตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค เช่นเดียวกันกับ คาเฟ่แม่ ที่ตั้งใจและพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด และหวังว่าลูกค้าทุกท่านที่ได้มาทานขนมหรือมาดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่ร้านจะได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไป และบอกต่อๆ กัน
หากใครอยากจะไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของคาเฟ่ที่เหมือนไปเที่ยวบ้านแม่ ทานขนมไทยแสนอร่อย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Cafe Mae “คาเฟ่แม่”
พิกัด
เลขที่ 52/5 หมู่ 4 ถนน 340 (สุพรรณบุรี-ชัยนาท) ตำบลสนามชัย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โทร. 063-564-2998