เผยแพร่ |
---|
เช็กอาการโรคชอบเก็บของ Hoarding Disorder เริ่มเป็นได้ตั้งแต่วัยรุ่น
อาการแบบนี้เคยเป็นกันไหม รู้สึกว่าการทิ้งของบางอย่างเป็นเรื่องยาก รู้สึกเสียดายเมื่อต้องตัดใจทิ้ง จนภายในบ้านเต็มไปด้วยของที่ไม่มีมูลค่า ทั้งขวดน้ำ กล่องลัง ถุงหิ้วพลาสติก หรือของที่ชำรุดแล้ว รวมไปถึงอาการหวงของที่มากเกินพอดี ใครไปยุ่ง ไปแตะ ไปย้าย ก็ไม่ได้ จะเกิดอาการโมโห และถ้าของดังกล่าวถูกนำไปทิ้งโดยไม่บอกกล่าว จะโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
รู้หรือไม่ว่า? ว่าอาการเหล่านี้คือ โรคชอบเก็บของ หรือ Hoarding Disorder ซึ่งฟังดูแล้วดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้ว ผู้ที่มีอาการหนักมากๆ จะมีของที่เก็บไว้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถตัดใจทิ้งได้ รู้ตัวอีกทีข้าวของที่เก็บไว้ ก็กลายสภาพเป็นขยะรกๆ ภายในบ้าน จนไปรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง ซ้ำร้ายอาจสร้างความเดือดร้อนไปยังผู้อยู่อาศัยรอบบ้าน ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นตามวัยที่ร่วงโรย
โรคชอบเก็บของอาจเป็นโรคทางพันธุกรรม
โรคชอบเก็บของ แม้จะยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ได้มีการคาดการณ์ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรม เนื่องจากร้อยละ 50 ของคนที่เป็นโรคนี้ พบว่าคนในครอบครัวก็มีอาการแบบเดียวกัน โดยสามารถบ่มเพาะพฤติกรรมได้ตั้งแต่วัยรุ่น และอาการจะแสดงชัดเจนมากขึ้นเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป จะเริ่มไม่ยอมทิ้งอะไรสักอย่าง ตรงข้ามกับคนทั่วไปในวัยนี้ที่เริ่มแยกแยะของทิ้งและของเก็บออกจากกันได้อย่างชัดเจน
และอีกหนึ่งปัจจัยก็คือความบกพร่องทางสมองบางส่วน ที่อาจมีความผิดปกติในเรื่องความรู้สึกและการตัดสินใจ รวมไปถึงประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การสูญเสีย การถูกทอดทิ้ง ความยากลำบาก ก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการดังกล่าว
รักษาแบบไหน ทำอย่างไรให้เลิกเก็บ
ในทางการแพทย์มีวิธีการรักษา โรคชอบเก็บของอยู่ 2 วิธี ได้แก่ การบำบัดด้วยการพูดคุย เพื่อให้คนไข้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนความคิด และการรักษาด้วยยา แพทย์เจ้าของไข้จะทำการจ่ายยาเพื่อปรับสารเคมีในสมอง ในบางเคสใช้วิธีการรักษาทั้ง 2 วิธีควบคู่กันไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
ตัดใจทิ้งไม่ลง ปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ไหว นักจัดของช่วยได้
ส่วนใครที่คิดว่าปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ไหว หรือพูดไปอาจมีผลกระทบกับความรู้สึกของคนภายในบ้าน เดี๋ยวนี้เขาก็มีอาชีพนักจัดระเบียบบ้าน มาคอยช่วยเหลือ เช่น แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน นักจัดบ้านมืออาชีพชาวไทย ผู้สร้างกระแสบนโลกออนไลน์ ด้วยการพลิกโฉมบ้านรกๆ ให้กลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง หรือ มาริเอะ คนโดะ ราชินีนักจัดระเบียบบ้านชื่อดังชาวญี่ปุ่น เจ้าของเทคนิค Spark Joy หากของที่เก็บไว้ไม่จุดประกายความสุขก็จงทิ้งมันไปซะ
แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุ แนะนำว่าลองคุยกันดูดีๆ ก่อน เพราะต่อให้จ้างนักจัดระเบียบบ้านมาจัดการให้ถึงที่ แต่ถ้าพฤติกรรมไม่เปลี่ยน ของก็จะกลับมาเต็มบ้านเหมือนเดิมอยู่ดี และถ้ารู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมในสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้วจริงๆ ก็อย่าได้ลังเลที่จะไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รูปแบบในการรักษามีลักษณะเดียวกันกับการรักษาโรคซึมเศร้า ใช้ยาควบคู่ไปกับการปรับวิธีคิดและพฤติกรรม จบปัญหา ได้อย่างถาวร