“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออร์เดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที

“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออร์เดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด

คุณศิฑ-ศิรพงศ์ ศุภภัทรเศรษฐ์
คุณศิฑ-ศิรพงศ์ ศุภภัทรเศรษฐ์

การเริ่มต้นธุรกิจคาเฟ่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เนื่องจากปัจจุบันมีร้านกาแฟเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ซึ่งถ้าเกิดว่าร้านไหนที่ไม่ได้มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน อาจจะทำให้ธุรกิจไปต่อไม่ไหว

วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จึงอยากนำเสนอเรื่องราวของ คุณศิฑ-ศิรพงศ์ ศุภภัทรเศรษฐ์ อายุ 25 ปี จบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ แต่มีแพชชันที่อยากจะทำร้านคาเฟ่ & บาร์ ตัดสินใจทุ่มงบ 3 ล้านบาท รีโนเวตโกดังเก่าแก่ย่านเยาวราชของอากง จึงเกิดเป็นร้าน JAO.UN – 早安 (จ่าวอัน)

แต่แล้วเมื่อเปิดร้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ยอดขายกลับซบเซา บางวันแทบจะไม่มีลูกค้า ทำให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ร้านไม่เจ๊งและอยู่ต่อไปได้ จึงเริ่มทำคอนเทนต์ลงติ๊กต็อกชื่อช่องว่า กรรมกรคาเฟ่ 

จากผู้ติดตาม 0 คน จนปัจจุบันมีผู้ติดตาม 95.3k คน ซึ่งจะเป็นการทำคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ อัดคลิปชงชา พาไปซื้อผลไม้ พาไปเที่ยว ทำให้คนที่เลื่อนผ่านเกิดความสนใจ และรู้สึกชอบ จนเกิดเป็นไวรัลคลิปชาผลไม้ ที่มีคนดูหลักล้าน และมีลูกค้าตามรอยมาที่ร้าน และมีการสั่งออร์เดอร์ดีลิเวอรีกันรัวๆ จนทำให้ร้านกลับมาปังอีกครั้ง

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออร์เดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด
“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออร์เดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด

จุดเริ่มต้นที่ไม่ราบรื่น

คุณศิฑ เล่าว่า แต่เดิมเปิดในรูปแบบคาเฟ่และบาร์ ซึ่งจะเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน แต่ทว่ายอดขายกลับซบเซา ไม่มีลูกค้า บางวันขายไม่ได้เลยก็มี จน ณ ปัจจุบันไม่ได้ทำบาร์แล้ว เปิดเป็นคาเฟ่เต็มรูปแบบ

“คือตัวเองไม่มีความสุขกับการที่ต้องอยู่ที่ร้านดึกมากๆ อย่างเวลาเราไปเที่ยวบาร์ เรามีความสุขเพราะเราเป็นลูกค้า แต่พอทำเอง เราเหนื่อยจากการทำงานตั้งแต่เช้า แทนที่ 5 โมงเย็น เราจะได้กลับบ้าน แต่กลายเป็นว่า 5 โมงเย็นเราต้องเปลี่ยนจากคาเฟ่เป็นบาร์ แล้วทำต่อถึงเที่ยงคืน” เขากล่าว

โดยเมื่อก่อนจะมีคนช่วยเยอะ มีจ้างเพื่อนบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เพราะว่าค่าใช้จ่ายเยอะ สมมติเปิดบาร์ ก็จะมี ค่านักร้อง ค่าพาร์ตไทม์ที่ต้องจ้างเพิ่ม ซึ่งถ้าคำนวณแล้วได้กลับมาไม่คุ้ม

“จริงๆ ณ วันนั้น เรียกว่าร้านมันเจ๊งแล้วด้วยซ้ำ เพราะว่าติดลบติดกันมาหลายเดือนมาก” 

เขาจึงต้องหาทางออก เริ่มจากการที่ทำคนเดียว ทำทุกวิถีทางให้มีคนรู้จักร้านเราเพิ่มขึ้น สุดท้ายจึงเริ่มทำติ๊กต็อก ชื่อช่อง กรรมกรคาเฟ่ 

“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออเดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด
“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออเดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด

จุดเปลี่ยนสำคัญ

ด้วยความไม่ยอมแพ้ คุณศิฑตัดสินใจหันมาใช้ TikTok เป็นช่องทางในการโปรโมตคาเฟ่ของตัวเอง แม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่มั่นใจและความกลัวที่จะออกกล้อง แต่ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง คอนเทนต์ของเขาก็เริ่มได้รับความสนใจจากผู้ชมมากขึ้นเรื่อยๆ

“เริ่มจากผู้ติดตาม 0 คน และค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ เราไม่เคยยิงแอดเลย คือรู้สึกว่าเราทำติ๊กต็อกเพื่อจะหาเงินให้เรา ทำไมเราถึงจะต้องไปหาเงินให้ติ๊กต็อกอีก จึงใช้ความถี่และความสม่ำเสมอ”

ซึ่งเขาจะลงคลิปทุกวัน วันละ 3 คลิป ซึ่งหนึ่งในคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นคือ ‘คลิปทำชาผลไม้และชาไทย’ ทำให้กลายเป็นเมนูขายดีอันดับต้นๆ ของร้าน และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

“เรารู้สึกว่ามันเริ่มออกดอกออกผลแล้วนะ คือเริ่มมีคนมากินที่ร้านแล้วบอกว่าตามมาจากติ๊กต็อก ก็ดีใจมาก เหมือนเราได้เก็บเกี่ยวผลผลิตจากมันแล้ว”

เขาเล่าต่ออีกว่า จากที่เคยตื่น 07.30-08.00 น. ทุกวันนี้ต้องตื่นเร็วขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะจะได้มีเวลาไปเตรียมชาผลไม้มากขึ้น ต้องทำไว้ก่อนประมาณ 60-70 ขวด ซึ่งพอออร์เดอร์เข้ามา 10 โมง ก็ใส่ผลไม้ไปให้เต็ม เวลาประมาณ 11.30 น. ก็หมดแล้ว 

ชาผลไม้ 1 ขวด จะใส่ผลไม้มากสุดประมาณ 10 กว่าชนิด โดยหลักๆ ก็จะมีลิ้นจี่ กับเงาะ ที่ไม่ใช่ผลไม้สด ใช้เป็นเงาะกระป๋อง และลิ้นจี่แบบแช่แข็งแทน ส่วนผลไม้สดจะใช้ แตงโม แก้วมังกร แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น และมะม่วง โดยทางร้านจะใส่ปริมาณให้แน่นๆ ทุกขวด ตรงปกเหมือนในคลิปแน่นอน 

“ใส่ผลไม้แน่นๆ ทุกขวด จนแม่ต้องบอกว่ามันล้นแล้วนะ ศิฑอย่าไปกดสิ ศิฑไปกดปุ๊บข้างล่างมันก็ยุบสิ” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เพราะเขารู้สึกว่าถ้ามันไม่เต็มขวดก็จะไม่อยากปล่อยออกไปให้ลูกค้า

“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออเดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด
“คาเฟ่จ่าวอัน” จากร้านกำลังจะเจ๊ง สู่ออเดอร์ 30 แก้วใน 4 นาที! ด้วยกลยุทธ์คอนเทนต์ ความสำเร็จที่เกินคาด

ความสำเร็จที่เกินคาด

“แรกสุดเลย แตงโมครึ่งลูก ใช้เกือบครึ่งเดือน ใช้จนต้องทิ้ง เพราะมันฝ่อแล้ว มันเน่าแล้ว แต่ทุกวันนี้คือใช้แตงโมมากสุดวันหนึ่ง 7 ลูก”

เขาเล่าต่อว่า ตื่นเช้ามาจะต้องปอกแตงโมไว้เลยประมาณ 3 ลูก เพราะว่าใช้หมดภายในครึ่งวันเช้า และผลไม้อีกชนิดคือองุ่นไซมัสคัต ที่เมื่อก่อน 1 พวงอยู่ได้ 1 สัปดาห์ แต่เดี๋ยวนี้ใช้วันละ 3 พวง 

“อย่างคลิปที่เปิด 10 โมง แล้วปิดตอน 10.04 น. คือที่รอเวลา 4 นาทีเพราะคลิปก่อน ได้สัญญากับคนในติ๊กต็อกไว้ว่าจะเปิด 5 นาที แต่พอ 4 นาทีมันไม่ได้แล้ว ออร์เดอร์ไปประมาณ 30 กว่าออร์เดอร์แล้ว เราเลยต้องรีบปิด”

ออร์เดอร์ที่เข้ามาวันนั้น เขาใช้เวลาทำไปทั้งหมด 1 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งเขาบอกว่ามันถือว่าเป็นเวลาที่นานมาก แต่เมื่อมานั่งคิด เขาใช้เวลาทำแค่ออร์เดอร์ละ 2 นาทีเท่านั้น เพราะต่อ 1 ออร์เดอร์มีตั้งแต่ 2-10 ขวดต่อออร์เดอร์เลยทีเดียว

หลังจากนั้นเขาจึงปรับวิธีการรับออร์เดอร์ในแอปดีลิเวอรีใหม่ คือถ้ามีออร์เดอร์เข้ามา 10 ออร์เดอร์ ก็จะทำการปิดร้านในแอปก่อน แล้วเมื่อเคลียร์ออร์เดอร์เหลือประมาณ 3-4 ออร์เดอร์ จึงเปิดร้าน

บทเรียนที่ได้จากการทำธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ คุณศิฑ เล่าว่า เขาเคยไปลงเรียนคอร์สเกี่ยวกับบาร์เทนเดอร์ และเรียนเกี่ยวกับกาแฟด้วย ซึ่งส่วนที่เหลือเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านทาง YouTube เพราะว่ายูทูบสอนทุกอย่าง อยากรู้อะไรยูทูบมีหมด ทั้งสูตรขนม วิธีสกัดชาต่างๆ ซึ่งอยู่ที่ว่าดูคลิปไหน แล้วเอามาลองใช้ยังไง ลองแล้วชอบหรือเปล่า ถูกจริตกับสิ่งนี้ไหม

“อาหารมันไม่มีถูกผิด มีแค่ว่าทำออกมาแล้วเราชอบมันหรือเปล่า คำว่าอร่อยไม่อร่อยมันก็ไม่ค่อยมีด้วย ผมรู้สึกว่าคนเรากินไม่เหมือนกัน”

เมื่อถามต่อว่า คิดว่าประสบความสำเร็จกับธุรกิจนี้แล้วหรือยัง เขาตอบว่า

“จริงๆ ไม่กล้าเรียกว่าประสบความสำเร็จเลย เพราะรู้สึกว่าหนทางยังอีกยาวไกล เดือนหน้าอาจจะติดลบอีกก็ได้ ถ้าถามว่าภูมิใจไหม ก็ภูมิใจมากกับสิ่งที่เราทำให้กิจการกลับมาฟื้นได้”

อย่างเมื่อก่อนที่ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่จันทร์-อาทิตย์ 10 โมงเช้ายันเที่ยงคืน แต่ยอดขายกลับได้ไม่เท่าที่เปิดคาเฟ่เพียงไม่กี่วัน

“พอเราทำได้แล้วก็อาจจะฟังดูเหมือนพูดง่าย แต่ว่าเราผ่านมาก่อนในจุดที่ว่าทำยังไงก็ไม่มีคน เราเลยเข้าใจทุกคน เราก็เป็นคนหนึ่งที่เคยดูคนอื่นที่เขาประสบความสำเร็จ คนนั้นขายดีจัง เราก็หวังว่าวันหนึ่งเราอยากเป็นคนนั้นบ้าง จนตอนนี้เราทำได้แล้วก็ภูมิใจ”

เริ่มจากสิ่งที่ชอบ…ทำแล้วจะมีความสุข

เขาเล่าว่า ความรู้สึกที่มีต่อการทำเครื่องดื่มคือทำแล้วสนุก ชอบที่จะได้ลองสูตรใหม่ๆ ชอบที่อยู่ในคาเฟ่ รู้สึกว่าการได้เริ่มในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วไปได้ดี จะไม่เหนื่อยเท่ากับต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ

“สมมติว่าเราทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ดันทำเงินให้เรา ก็คงหยุดมันไม่ได้ แล้วก็คงไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น ต้องฝืนตัวเองที่จะทำต่อ แต่ถ้าทำในสิ่งที่ชอบ แล้วกลับทำเงินให้เราได้ด้วย ก็รู้สึกว่าคนคนนั้นเป็นคนที่โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักทุกวัน”

อย่างช่วงนี้แพลตฟอร์ม TikTok กำลังมาแรงมาก ถ้าเป็นสิ่งที่เริ่มทำได้ก็จะดี ช่วงแรกเขาก็ไม่กล้าที่จะถ่ายคลิป ไม่กล้าพากย์เสียง ไม่กล้าออกกล้อง แต่พอได้เริ่มทำก็จะมีความกล้าขึ้นทีละนิด

“ติ๊กต็อกเป็นสิ่งที่ไม่เคยเสียใจเลยที่เริ่มทำ เราบอกทุกคนเลยว่าอย่ากลัวที่จะเริ่ม เพราะตัวเองเป็นคนที่กลัวมาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้ละต้องลองดูสักตั้ง ตอนแรกก็กลัวทุกอย่าง แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรลงให้ตัวเองดูก็ได้ แล้วก็ลงไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้สามารถทำเงินให้เราได้จริงๆ”

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง