รายได้ต่อเดือนเป็นล้าน! หนุ่ม ลาออกจากงานประจำ ทำธุรกิจตู้อัตโนมัติ รายได้เข้ากระเป๋าแบบเสือนอนกิน

เริ่มต้นจากความสนใจ ศึกษาหาข้อมูล ลองผิดลองถูก จนต่อยอดมาเป็นธุรกิจ Quinn Miller หนุ่มวัย 28 ปี ที่เป็นเจ้าของธุรกิจตู้อัตโนมัติที่สร้างรายได้ให้เขาเดือนละเป็นล้านบาท 

เขาเริ่มต้นมาจากความสนใจ และคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้มากกว่างานประจำที่ทำอยู่ จากนั้นจึงตัดสินใจลงมือทำ และผลตอบรับก็เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้

Quinn Miller เล่าว่า ก่อนเกิดโรคระบาด เขาทำงานที่บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีโฆษณาในแคลิฟอร์เนีย และได้รับเงิน 240,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8 ล้านบาทต่อปี รวมค่าคอมมิชชันการขายด้วย

เมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ในเดือนมีนาคม 2020 ลูกค้า ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และสถานบันเทิงจำนวนมากก็ได้รับผลกระทบไปด้วย 

ในฤดูใบไม้ผลิปีนั้น เขาได้อ่านบน Twitter ว่ามีบางคนสร้างรายได้แบบพาสซีฟด้วยการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในอาคารสำนักงาน ซึ่งทำให้เขาสนใจทันที

จนเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม เขาซื้อเครื่องจักร 2 เครื่องในราคา 5,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.7 แสนบาท เพื่อเริ่มต้นธุรกิจเสริม ตอนแรกธุรกิจไม่ค่อยดีนัก แต่ก็มีความหวังว่าจะขยายธุรกิจได้ 

จากนั้นเขาจึงลาออกจากงานประจำในปีนั้นเพื่อทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดให้กับงานนี้

“ฉันดีใจที่เสี่ยง วันนี้ ฉันมีเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 57 เครื่องกระจายอยู่ทั่วบ้านเกิดของฉัน และทำรายได้เฉลี่ยเดือนละ 30,000 ดอลลาร์” เขากล่าว

เขามองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจลาออก เพราะอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้เขาเดือนละ 1 ล้านบาท

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาใช้เงินไปประมาณ 160,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5 ล้านกว่าบาท ไปกับการซื้อเครื่องจักร เขาทำงานเพียง 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการดำเนินงานเครื่องจำหน่ายสินค้า และสามารถใช้เวลาที่เหลือไปกับโปรเจ็กต์อื่นๆ เช่นธุรกิจให้คำปรึกษาออนไลน์และพยายามหาตำแหน่งติดตั้งเครื่องใหม่

โดยครั้งนี้ Quinn Miller ได้พูดถึงกระบวนการ 5 ขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ

1. เลือกทำเลที่ตั้ง

วิธีที่ดีที่สุดในการหาทำเลที่ตั้ง คือการโทรติดต่อโดยตรง และมุ่งเป้าไปที่สถานที่ที่มีพนักงานหรือผู้คนพลุกพล่าน 

2. ซื้อเครื่องจักรที่มีคุณภาพ

เขาซื้อเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเครื่องแรกบน Craiglist ในราคา 1,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 30,000 บาท และยังได้รับข้อเสนอบางอย่างจาก OfferUp และ Facebook Marketplace แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ถือเป็นการเสียเวลาและเสียเงินเปล่าๆ เขาพบว่าการซื้อเครื่องจักรใหม่จากซัพพลายเออร์ในพื้นที่นั้นคุ้มค่ากว่า แม้ว่าจะมีราคาสูงแต่เครื่องจักรเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าและต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่า

3. ซื้อเครื่องอ่านบัตรเครดิต

เครื่องอ่านบัตรเครดิตช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการชำระเงินอื่นๆ การสูญเสียยอดขายเนื่องจากไม่มีเงินสดติดตัวถือเป็นเรื่องไม่ดีต่อธุรกิจ นอกจากนี้ ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต ไม่ใช่ผู้ขาย

4. ยอมจ่ายเพื่ออะไรที่ดีกว่า

เครื่องจำหน่ายสินค้ามีน้ำหนักมากและอาจอันตรายเมื่อเคลื่อนย้าย จึงทำให้ติดตั้งในพื้นที่แคบได้ยาก การจ้างบริษัทขนย้ายมืออาชีพ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรของคุณสามารถเชื่อมต่อคุณกับบริษัทขนย้ายในพื้นที่ที่มีประสบการณ์ได้

5. ซื้อสินค้าจากร้านขายส่ง

เขามีคลังสินค้าขนาด 2,000 ตารางฟุต ซึ่งเป๊ปซี่และซัพพลายเออร์ขายส่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขายในตู้อัตโนมัติ แต่เขาก็ยังคงซื้อสินค้าจากร้านค้าส่งจำนวนมากเพราะว่าราคาดี 

“เมื่อตัดสินใจว่าจะขายอะไร ให้เริ่มจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยม ทดสอบว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้ การเลือกซื้อสินค้าจะทำให้คุณมีกำไร 50-75%” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม การสร้างงานสร้างอาชีพ ต้องเริ่มต้นจากตัวเราเอง ว่ามีความชอบหรือความถนัดด้านไหน แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับอาชีพเสริม ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น หรือทำให้กลายเป็นอาชีพหลักได้ในอนาคต

ที่มา cnbc