จับเทรนด์ “วัยทองครองเมือง” ผุดสารพัดสินค้าดูแล

 

 

 

ไม่มีใครปฏิเสธว่า กลุ่มผู้สูงอายุเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจมหาศาล บริษัทต่างๆ จึงพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ รวมถึงลูกหลานที่เป็นห่วงบุพการีอันเป็นที่รัก

เฉพาะในสหรัฐ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเมินว่า จำนวนผู้สูงอายุชาวอเมริกัน วัย 65 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 46.2 ล้านคนในปี 2557 และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 82.3 ล้านคน ภายในปี 2583 และ 98.2 ล้านคน ภายในปี 2603

เหตุผลที่ทำให้หลายๆ ประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว รวมถึงไทย เพราะวิทยาการด้านการแพทย์ที่พัฒนาขึ้น ทำให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น

บริษัทน้อยใหญ่จึงพากันนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อเอาใจคนกลุ่มนี้มากขึ้น รวมทั้งบรรดาบริษัทน้องใหม่ หรือสตาร์ตอัพ จำนวนไม่น้อย ก็พากันคิดค้นและพัฒนาสินค้าและบริการสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ

elder1

เครดิตภาพ : http://www.straitstimes.com

อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตในสิงคโปร์ก็เริ่มหันมาเอาใจใส่ลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งแต่เดิมมักต้องพึ่งพาลูกหลานให้ช่วยจัดการรถเข็นช็อปปิ้ง ทำให้ไม่ค่อยสะดวก แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสามารถช็อปปิ้งกันได้เองโดยไม่ต้องรบกวนใคร

เพราะซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ชื่อว่า “เอ็นทียูซี แฟร์ไพรซ์” ใช้รถเข็นช็อปปิ้งที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานของเหล่านักช็อปสูงวัย โดยรถเข็นช็อปปิ้งจะสวมประกบกับรถวีลแชร์ที่ผู้สูงอายุนั่งอยู่

รถเข็นแบบใหม่เป็นหนึ่งในความพยายามของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับลูกค้าสูงอายุและผู้พิการมากขึ้น โดย “เอ็นทียูซี แฟร์ไพรซ์” ตั้งเป้าจะให้บริการรถเข็นแบบนี้ในสาขาใหม่ 4 แห่ง ที่จะเปิดในสิงคโปร์ปีนี้

ขณะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆ ก็หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากรถเข็นช็อปปิ้งที่เป็นมิตรกับวีลแชร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งยังติดตั้งปุ่มกดสำหรับขอความช่วยเหลือไว้ที่บริเวณทางเข้าและชั้นวางสินค้า

รวมไปถึงติดตั้งแว่นขยายไว้บริเวณชั้นวางสินค้า เพื่อให้ลูกค้าใช้อ่านฉลากก่อนตัดสินใจซื้อ และปรับความสูงของชั้นวางสินค้าให้ลดลง เพื่อจะได้เหมาะกับผู้ใช้รถเข็นหรือผู้สูงอายุ

elder4

เครดิตภาพ : http://agewellnewyork.com

ขณะที่สินค้าก็จะคำนึงถึงผู้สูงวัยมากขึ้น โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอาหารเสริมที่เหมาะสำหรับคนวัยนี้

ส่วนที่อินเดีย บริษัทสตาร์ตอัพต่างก็พยายามคิดค้นสินค้าและบริการที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของคนวัยเกษียณดีขึ้น

“บิวตี้ฟูลเยียร์ส” สตาร์ตอัพแดนโรตีเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่หันมาเน้นการออกแบบและตกแต่งบ้านให้เป็นมิตรกับผู้สูงวัย

“วลาดี รัปโป” ผู้ร่วมก่อตั้งบิวตี้ฟูลเยียร์ส บอกว่า ผู้สูงอายุทุกๆ 1 ใน 3 ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และราว 20% ของการลื่นล้มเหล่านี้เป็นอันตรายต่อชีวิต ขณะที่มากกว่า 50% ของอุบัติเหตุเหล่านี้สามารถป้องกันได้

เขาบอกด้วยว่า ปัจจุบัน มีบริษัทอย่างน้อย 10 แห่งในเมืองบังกาลอร์ของอินเดียที่นำเสนอบริการออกแบบและตกแต่งบ้านให้เป็นมิตรกับเด็กๆ แต่บิวตี้ฟูลเยียร์สเป็นบริษัทแรกที่ฉีกแนวมาเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ซึ่งเน้นความปลอดภัยและสะดวกในการอยู่อาศัย

เทรนด์บ้านที่เป็นมิตรกับผู้อาวุโสก็กำลังบูมในสหรัฐและยุโรปเช่นกัน “สเตรติจี้ อนาลิติกส์” ประเมินว่า ในปีที่แล้ว มีบ้านเรือนที่ติดตั้งเทคโนโลยีสำหรับคนสูงอายุเพียง 75,000 หลังในสหรัฐ และ 30,000 หลังในยุโรปตะวันตก

elder7

เครดิตภาพ : http://www.channelnewsasia.com

แต่ภายในปี 2563 มีแนวโน้มว่าบ้านเรือนแนวคิดเพื่อคนวัยเกษียณในสหรัฐจะเพิ่มเป็น 600,000 หลัง และในยุโรปตะวันตกอยู่เพิ่มเป็น 570,000 หลัง หรือเพิ่มมากกว่า 600%

ขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแถวหน้าของโลกที่เผชิญกับสังคมผู้สูงอายุ โดยสัดส่วนประชากรญี่ปุ่นอายุ 65 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 25% เทียบกับในสหรัฐที่ 15% ทำให้คนญี่ปุ่นคิดค้นนวัตกรรมสำหรับคนวัยนี้มากมาย

“โตโยต้า มอเตอร์” ค่ายรถยนต์เบอร์ 1 ของญี่ปุ่น อยู่ระหว่างทดลองหุ่นยนต์ช่วยเหลือมนุษย์สำหรับใช้งานในบ้าน ซึ่งผู้สูงอายุอาศัยอยู่ตามลำพัง

เจ้าหุ่นยนต์นี้จะติดตั้งระบบโทรศัพท์ที่มีภาพวิดีโอ ซึ่งควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรล ช่วยให้ลูกหลานและเพื่อนฝูงสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ แม้จะอยู่ไกลกัน เช่น ลูกชายใช้อุปกรณ์แท็บเลตตรวจสอบสภาพในห้องนอนของพ่อ จากนั้นก็สั่งให้หุ่นยนต์เปิดม่าน และนำน้ำให้ดื่มก่อนนอน

elder2

เครดิตภาพ : https://enablingvillage.sg

อีกหลายๆ แบรนด์ก็คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเอาใจคนสูงวัยโดยเฉพาะ เช่น “พานาโซนิค” ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด “เจ คอนเซ็ปต์” ที่เน้นใช้งานสะดวก และน้ำหนักเบา เหมาะกับคนวัยนี้ที่ไม่มีเรี่ยวแรงมากเหมือนก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าและตู้เย็นที่มีขนาดเล็กลง แถมอ่านตัวอักษรบนแผงหน้าปัดใช้งานได้ง่าย

ด้านร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ก็จับตลาดดีลิเวอร์รี่อาหารถึงบ้าน ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง

A shopper chooses goods at an Aeon chain store in Tokyo July 6, 2011. Aeon Co, Japan's No.2 retailer, raised its full-year net profit forecast on Wednesday by a quarter because it cost less than expected to repair the damage its stores suffered in the March 11 earthquake and tsunami. REUTERS/Kim Kyung-Hoon (JAPAN - Tags: BUSINESS) - RTR2OINC

เครดิตภาพ : http://mmbiztoday.com

สอดคล้องกับห้างสรรพสินค้า “อิออน” ที่ทำการตลาดแบบเอาใจคนสูงวัยที่อยู่คนเดียว โดยจำหน่ายสินค้าไซซ์เล็ก เช่น ผักบร็อกโคลี่ขนาดเล็ก รวมถึงมีกิจกรรมให้ผู้อาวุโสทำแก้เบื่อ เช่น เรียนการใช้งานคอมพิวเตอร์ และถักไหมพรม

ผลคือ ผู้สูงอายุใช้เวลาในห้างอิออนมากขึ้น 50% และใช้จ่ายมากขึ้น 40% ด้วย