เผยแพร่ |
---|
คุยกับเจ้าของ “ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส” กว่าจะเจอสูตรที่ใช่ ล้มเหลวมาแล้ว 42 ครั้ง ปัจจุบัน ขายได้พีกสุดวันละ 4,000 บาท
กรือโป๊ะ ของทานเล่นของคนใต้ ที่เกิดจากวิถีชีวิต หรือที่ใครหลายๆ คนรู้จักกันในนาม ข้าวเกรียบปลา ในอดีตกล่าวว่า การทำกรือโป๊ะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ถนอมอาหารและจัดการกับวัตถุดิบท้องถิ่นที่เหลือจากการจำหน่าย ได้ตกทอดวิธีการมาจนถึงปัจจุบัน
จากที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า กรือโป๊ะ ที่อร่อย ต้องต้นตำรับจากภาคใต้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดตรัง และได้พูดคุยกับคุณเอียด-สิงขร ปลอดแคล้ว เจ้าของแบรนด์ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส ถึงที่มาของการทำแบรนด์รวมไปถึงการพาแบรนด์ไปอยู่ใน OTOP ได้

จุดเริ่มต้นจากความชอบ ต่อยอดเป็นธุรกิจ
“เป็นคนชอบกินกรือโป๊ะอยู่แล้ว แต่เคยกินที่อื่นแล้วมันคันคอ เพราะมีผงชูรสเยอะ ก็เลยคิดว่าลองทำเองดีกว่า แบบไม่ใส่ผงชูรส จะได้กินได้ง่ายๆ”
คุณเอียด เจ้าของแบรนด์ เล่าว่า เคยเป็นลูกจ้างโรงงานมาก่อน ด้วยพื้นฐานเป็นคนชอบกินกรือโป๊ะที่ขายตาม 3 ชายแดนภาคใต้มาก่อน จนวันหนึ่งก็รู้สึกว่าน่าจะทำกินเอง เพราะกินของที่อื่นแล้วรู้สึกคันคอ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนี้
ในเรื่องของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต เขาใส่ใจในทุกขั้นตอน เพราะจะลงมือทำเองหมด วัตถุดิบหลักๆ เลยคือ ปลาทู คุณเอียดเลือกใช้ปลาทูที่รับมาจากแพจะเป็นปลาทูลัง และทำความสะอาด ตั้งแต่ควักไส้ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดยจะใช้ส่วนผสมจากปลาทูกว่า 50% ผสมเข้ากันกับแป้งสาคูต้น และงาดำ ทำให้กรือโป๊ะของเขาแตกต่างไปจากที่อื่นๆ
ในการผลิตแต่ละครั้ง เขาเล่าว่า จะต้องใช้ระยะเวลาถึง 5 วันเลยทีเดียว เพราะด้วยขั้นตอนที่หลากหลาย และกำลังการผลิตในขณะนี้ สามารถผลิตได้ถึง 10,000 ซองต่อเดือน ซึ่งสินค้ามีอายุการเก็บรักษาได้ถึง 6 เดือน
คุณเอียด เผยว่า ในปี 2560 เขาได้ทำการจดทะเบียน OTOP มาจนถึงวันนี้ก็ร่วม 7 ปีแล้ว จากนั้นก็ได้มีการทำแบรนด์ใหม่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้รับมาตรฐาน อย. ฮาลาล และ มผช. เป็นที่เรียบร้อย
“ความล้มเหลว” คือบทเรียนของ “ความสำเร็จ”
ไม่มีอาชีพไหนที่ทำแล้วจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว หรือถ้ามี ก็อาจจะน้อยมาก ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส กว่าจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ล้มเหลวครั้งแล้ว ครั้งเล่า
“ตอนแรกผมคิดว่าง่ายๆ ทอดแล้วไม่ฟู ปัญหาเยอะ ทิ้งไปก็มากถึง 24 ครั้ง แต่ก็ยังไม่จบ มีปัญหาอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ เข้ามาอีก จนครั้งที่ 42 ทำให้เรียนรู้ปัญหาหมดเลย” เขากล่าว
คุณเอียด บอกว่า ปัญหาหลักๆ คือ อุณหภูมิ โดยเฉพาะความเย็น ที่ไม่พอ ทำให้ความร้อนเข้ามาแทรกแซง ทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้มีอาการคันคอ จะทำให้คุณภาพของสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่ตนเองตั้งไว้
จากความล้มเหลวกว่า 24 ครั้ง ทำให้เขาปรับตัวได้ แต่ก็ยังมีปัญหาที่เกิดขึ้น จนทำให้เขาเจอกับคำตอบและเข้าใจถึงวิธีการแก้ไขทั้งหมด ในครั้งที่ 42
โอกาสทางธุรกิจ
หลังจากที่การพัฒนาแบรนด์เริ่มเข้าที่มากขึ้น เขาก็ได้มองหาแหล่งที่คิดว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้รายได้โตขึ้น โดยมีการวางขายตามร้านของฝากในจังหวัดตรัง ขายในงาน OTOP ต่างๆ และล่าสุดมีการเปิดขายในแพลตฟอร์ม TikTok Shop ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดออนไลน์ที่ดี แต่รายได้หลักๆ ยังคงมาจากการไปออกบูธขาย ซึ่งขายได้มากถึง 4,000 บาทต่อวัน
ไม่เพียงเท่านั้น คุณเอียด บอกอีกว่า ยังต้องการหาตัวแทนจำหน่ายเพื่อทำให้สินค้าของเขาขยายฐานลูกค้าออกไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากในอาเซียน เช่น ลาว และ กัมพูชา
ปัจจุบัน ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส มีรสชาติให้เลือกซื้อเลือกกินอยู่ 2 รสชาติคือ รสดั้งเดิท และ รสหม่าล่าต้มยำ โดยรสหม่าล่าต้มยำนี้เกิดจากการเข้าร่วมโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และในอนาคตเขามองว่าอยากจะมีการเพิ่มรสชาติอื่นๆ เข้ามาอีก
อย่างไรก็ตาม หน้าร้าน 80% ส่วนออนไลน์มีเพียงแค่ 20% เท่านั้น แนวทางของคุณเอียดที่จะพัฒนาแบรนด์ต่อไปคือ การทำการขายแบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย และสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
สุดท้ายนี้ หากใครอยากจะลิ้มรสทดลอง ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส สามารถเข้าไปสอบถามหรือดูรายละเอียดได้ที่
Facebook : ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ ฟาสฟอส
TikTok : ฟาสฟอส