ผู้เขียน | พารนี ปัทมานันท์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ไม่ใช่หน้าที่ แต่คือ Passion อธิการ ม.รังสิต เดินหน้าดูแลนักศึกษา-บุคลากร ทั้งกายใจ
“เรื่องทางกายภาพ การบริการ และความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญ เราจะทำให้มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นพื้นที่ปลอดภัยทุกตารางนิ้ว นักศึกษาต้องได้รับการดูแลเหมือนลูกหลาน มีเครื่องอำนวยความสะดวก ตลอดจนมีสิ่งที่สนับสนุนการเรียน-การสอน ทุกระดับ”
คือ คำกล่าวของ ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งเป็นประธานใน “งาน 40 ปี ม.รังสิต” เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้เป็นพ่อ ในฐานะ “ผู้ก่อตั้ง” มหาวิทยาลัยรังสิต อีกด้วย

และเมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการดูแล นักศึกษา-บุคลากร-ชุมชน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ชื่อเรียกขาน RSU Clinic (อาร์เอสยู คลินิก)
“มหาวิทยาลัยรังสิต มีบริการสุขภาพคือ คลินิกเวชกรรม และหน่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา ให้แก่นักศึกษาและบุคลากร โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันความต้องการขอเข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น ด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ” ดร.อรรถวิท เริ่มต้นให้ข้อมูล
ก่อนเผย ปัจจัยแรก ได้แก่ จำนวนนักศึกษาที่เข้ามาเรียนมากขึ้น จากปีละประมาณ 5,000 คน เป็นปีละ 10,000 คน ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เป็นจำนวนย่างเข้าเป็นปีที่ 3 แล้ว ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยคือ ปัญหาแวดล้อม ที่ทำให้ทั้งนักศึกษาและบุคลากร ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ

“ปัญหาร่างกาย ถ้าใครเจ็บป่วย อุบัติเหตุเล็กน้อย เรามีคลินิกเป็นที่ปฐมพยาบาล ถ้ามีอาการรุนแรงกว่านั้นสามารถส่งไปโรงพยาบาลที่มี Connection เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาให้ปลอดภัย แต่ปัญหาด้านจิตใจจะทำกันอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อม ช่วง 4 ปีหลังมานี้ มีหลายเรื่องทำให้เด็ก เกิดความเครียดกันมาก” ดร.อรรถวิท ระบุ
และชี้ให้เห็นถึง “ปัจจัยรุมเร้า” นับตั้งแต่ ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงโควิด-19 หลายคนทำงานไม่ได้ บางคนมีธุรกิจก็ล้ม มีปัญหาการเงิน พ่อแม่เครียดลูกก็เครียด นอกจากนี้ เด็กๆ บางคน ที่ช่วงเวลาดังกล่าว เรียนอยู่ ม.3 – ม.6 อาจได้ไปโรงเรียนไม่กี่วันต้องอยู่แต่กับบ้าน เพราะสถานการณ์โรคระบาด เกิดความเครียดสะสม
ดร.อรรถวิท กล่าวต่อว่า โลกโซเชียล นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยส่งผลต่อความเครียดของคนในสังคม ประกอบกับเด็กสมัยนี้ เติบโตมากับแอปพลิเคชันต่างๆ แม้จะทำให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี มีความรู้ทันสมัย แต่อาจไม่ได้ถูกฝึกฝนในเรื่องของความอดทน เวลาเจอสิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคในชีวิตจริงๆ กลายเป็นรับไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาใช้ชีวิตชินกับความง่าย อยากหาอะไรก็ทำได้ใน 1 นาที
“โลกโซเชียล มีทั้งดีและร้าย ดี คือ ให้ข้อมูลความรู้มากมาย แต่ข้อเสียมีหลายเรื่อง ที่ผ่านมาสังเกตมานานแล้ว ผู้คนมักอวดกัน มีสตางค์ไปเที่ยวต่างประเทศ ใช้รถหรู รถแพง ทำให้เด็กที่มีไม่เท่าเด็กปานกลาง หรือเด็กที่มีน้อยกว่า เกิดปมในใจ กับอีกหนึ่งปัญหา ที่เรียกกันว่าทัวร์ลง ซึ่งบางเรื่องคนในท้องเรื่องอาจทำผิดจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ถ้าเด็กต้องเจอกับทัวร์ลง บางทีทนไม่ไหว กลายเป็นซึมเศร้า เป็นแพนิก ทำร้ายตัวเองได้” อธิการบดี ม.รังสิต อธิบายให้เห็นภาพ
จากปัจจัยต่างๆ ทางสังคมดังที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับจำนวนประชากรนักศึกษาและบุคลากรเจ้าหน้าที่ ในมหาวิทยาลัยมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มหาวิทยาลัยรังสิต จึงจำเป็นต้องมี “คลินิก” แห่งใหม่ ชื่อว่า RSU Clinic (อาร์เอสยู คลินิก)
โดยให้มีพื้นที่และอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นให้พอเพียงในการให้บริการทั้งบริการปกติ และบริการอุบัติเหตุฉุกเฉินที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานของสถานพยาบาล และได้เพิ่ม คลินิกสุขภาพจิต คลินิกแพทย์เฉพาะทาง คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกการพยาบาล และคลินิกเวชกรรม และยังมีห้องประชุม ห้องบริการส่งเสริมสุขภาพ คลินิกอดบุหรี่ บริการชุมชนรอบมหาวิทยาลัย อีกด้วย
“การดูแลชุมชนรอบข้าง เช่น ชุมชนหลัก 6 นั้น ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าไปช่วยเหลือในหลายโอกาส อย่าง ช่วงโควิดมีอะไรช่วยเขาได้ก็ช่วยกัน และถ้ามีโอกาสอีกก็จะดูแลให้ดีขึ้น เพียงพอมากยิ่งขึ้น” ดร.อรรถวิท บอกอย่างนั้น

เมื่อถามถึง งบประมาณลงทุน RSU Clinic ครั้งนี้ อธิการบดี ม.รังสิต เผยตัวเลขกลมๆ อยู่ที่ 30 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างอาคาร ส่วนอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ใช้งบเท่าไหร่ ยังไม่ทราบแน่ชัด
กับสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำไมยอมลงทุนกับ Facility ด้วยเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย ดร.อรรถวิท บอกจริงจัง
“ผมว่าเป็นสิ่งดี ที่นอกจากจะต้องดูแลเด็กให้เก่ง ให้มีความสามารถ มีความรู้ทันสมัยแล้ว เรื่องการดูแลจิตใจ การดูแลร่างกาย นับเป็นสิ่งสำคัญ อยากดูแลให้ดี มันเป็น Passion ของเรา”
กับอีก 1 คำถาม งานในหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักศึกษาในความดูแลนับหมื่นนั้น หนักหนามากน้อยแค่ไหน ดร.อรรถวิท ยิ้มน้อยๆ ก่อนบอกส่งท้าย
“เป็นงานที่เหนื่อย แต่ทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกัน ไม่ใช่แค่อธิการ พวกเราต้องทำงานหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการเรียน เรื่องการดูแลจิตใจ เรื่องความปลอดภัย เรารู้ว่าทำดีที่สุดแล้วและหวังว่าทุกอย่างคงจะดี หากจุดไหนยังมีข้อบกพร่องต้องช่วยกันปรับ สิ่งที่ทำกันอยู่นี้ ไม่ใช่งานในหน้าที่อย่างเดียว แต่เป็นงานที่ทำแล้วได้บุญได้กุศล ได้ช่วยเด็ก ได้ช่วยพัฒนาชาติด้วย”