เผยแพร่ |
---|
ข้าวมันไก่หน้าโจร เปิด 7 โมง 8 โมงครึ่งขายหมด! อินฟลูฯ เข้าฉ่ำ ขายดีเทน้ำเทท่า โกยรายได้หลักหมื่นต่อวัน
เลื่อนๆ หน้าจอโทรศัพท์อยู่ ไปสะดุดตากับเพจหนึ่งที่มีชื่อว่า ข้าวมันไก่หน้าโจร คลอง 7 ธัญบุรี ที่มักจะออกมาโพสต์อยู่เสมอว่า “หมดแล้วครับ” หรือ “วันนี้ของหมดแล้วครับ” ซึ่งช่วงเวลาที่โพสต์เป็นเพียงแค่ช่วงเช้าเท่านั้น
จากโพสต์ดังกล่าว ทำให้เราสนใจอยากจะพูดคุยกับเจ้าของร้านถึงวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารร้าน การคิดค้นสูตร หรือแม้แต่จุดเริ่มต้นของร้านนี้ ซึ่งเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณส้ม-อริยา สามทอง อายุ 34 ปี เจ้าของร้านข้าวมันไก่หน้าโจร คลอง 7 ธัญบุรี โดยมีเรื่องราวดังนี้

จากเหตุการณ์ในวันนั้น ต่อยอดมาเป็นอาชีพค้าขาย
คุณส้ม เล่าว่า เดิมทีเป็นพนักงานออฟฟิศ ทำงานเกี่ยวกับบัญชี แต่ว่าเกิดปัญหาสุขภาพ จึงทำให้ต้องเตรียมแผนการไว้รองรับ
“ด้วยความเครียด ทำให้เราเป็นความดันสูง แฟนเลยไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เลยอยากให้ออกมาดูแลครอบครัว จะได้ไม่ต้องเครียด” เธอเล่า
หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ด้วยที่ทั้งคู่เป็นคนชอบทำอาหารกินกันอยู่แล้ว และเมนูที่มักจะชอบกินกันเป็นประจำคือ ข้าวมันไก่ แฟนเธอ คุณพิมุกต์ สังขรัตน์ อายุ 35 ปี จึงพูดเล่นๆ ว่า “ถ้าออกมาก็ขายข้าวมันไก่”
เริ่มแรก ยังไม่มีเงินลงทุนมากเท่าไหร่นัก ด้วยที่มีความคิดว่า ไม่อยากเป็นหนี้ จึงต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวต่างๆ ไปขายเพื่อหาเงินทุน และเปิดครั้งแรกบนรถ Food Truck ใช้เงินลงทุนทั้งรถและอุปกรณ์กว่า 3 แสนบาท
ปรับเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น “เชื่อมั่นในตนเอง”
แรกๆ ที่ขาย ผลตอบรับยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ด้วยรสชาติ หรือแม้แต่การบริหารร้านต่างๆ
“ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่น อายุยังน้อย การตอบรับก็ยังไม่ค่อยดี ด้วยความที่เรามือใหม่ และยังไม่เคยจับทางในการเป็นพ่อค้าแม่ค้า เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องมีหลักการ มีทฤษฎีอะไรบ้าง เลยคิดแบบง่ายว่า ทำแล้วก็ขาย” เธอเล่า
ในช่วงแรกๆ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องการทำร้าน รวมไปถึงรสชาติอาหาร เพราะกว่าจะปรับได้เข้าที่อย่างทุกวันนี้ใช้เวลาถึง 2 ปีเลยทีเดียว
เธอเล่าให้ฟังว่า เรื่องรสชาติอาหาร ต้องยอมรับว่าตอนแรกยังไม่เป๊ะเท่าไหร่นัก และมักจะฟังลูกค้าอยู่เสมอว่าควรปรับตรงไหน ลดตรงไหน หรือเพิ่มตรงไหน แต่สุดท้าย เละไม่เป็นท่า จึงคิดว่าเราควรที่จะเป็นตัวของตัวเอง และเชื่อมั่นจนได้รสชาติข้าวมันไก่ที่อร่อยถูกปากอย่างทุกวันนี้
“ลูกค้าชิมก็ติ เปรี้ยวบ้าง เค็มบ้าง หวานไป เราก็ปรับจนสุดท้ายมันเละ มันเขว มันออกทะเลไปแล้ว สุดท้ายเราก็กลับมาอยู่ของเราจุดเดิม แล้วก็ปรับเป็นรูปแบบของเรา ให้เป็นเรา ให้ลูกค้าชอบในแบบของเรา” คุณส้ม กล่าว
นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว การเลือกใช้ข้าวก็สำคัญเช่นกัน ทั้งวิธีการหุงต่างๆ ใช้เวลาพอสมควรจนกว่าจะเจอในรูปแบบที่ถูกใจ พอข้าวได้ที่แล้ว ตัวไก่เองก็สำคัญ เธอบอกว่าอยากให้ลูกค้าได้กินของดี เลยต้องหาแหล่งจำหน่ายไก่ที่ดีกว่าแต่ก่อน
โดยตอนนี้ ราคาข้าวมันไก่อยู่ที่ ธรรมดา 50 บาท พิเศษ 60 บาท
การเปิดร้าน คือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด
ในเรื่องของการเปิดร้าน มันต้องเรียนรู้ไปทุกวัน เพราะปัญหาเกิดขึ้นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริการลูกค้า เรื่องของการบริหารเวลา หรือแม้แต่เรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบ
การเปิดร้าน คือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าจะมีหน้าร้านที่ใหญ่ขึ้น มีลูกน้องที่เพิ่มขึ้น แต่ว่าเรื่องของการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน หน้าร้าน และวัตถุดิบ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีปัญหาให้แก้ไขอยู่ทุกๆ วัน
“สิ่งที่เราคิดว่ามันดีแล้ว แต่มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด” คุณส้ม กล่าว
การเติบโต จากรถ Food Truck สู่หน้าร้านที่ใหญ่ขึ้น
คุณส้ม เล่าให้ฟังว่า เริ่มต้นขายจากรถ Food Truck เป็นเวลา 2 ปีกว่าๆ ซึ่งต้องบอกว่าระยะเวลาที่ขายมา ผลตอบรับมันเป็นขั้นบันได ค่อยๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละก้าว ลูกค้าก็เริ่มกลับมาซื้อซ้ำ และมีการบอกต่อๆ กัน ซึ่งตอนที่ขายบนรถ เป็นการขายกลับบ้านอย่างเดียว ลูกค้าได้มีฟีดแบ็กกลับมาว่า “น่าจะมีหน้าร้านนะ มีที่นั่งกินได้นะ”

จากนั้นจึงมองหาทำเล ซึ่งเริ่มคิดแล้วว่า ควรจะมีหน้าร้าน จึงลองเข้าไปขายที่บ้านของตัวเอง โดยเริ่มต้นจาก 3 โต๊ะ ใช้เวลาประมาณ 5 เดือน จึงขยับขยายเป็น 9 โต๊ะ หลังจากนั้นประมาณ 5-6 เดือน ผลตอบรับดีขึ้น จากกระแสรีวิว การโพสต์ของลูกค้า จึงขยับขยายมาเป็นหน้าร้านในปัจจุบันนี้

เหตุการณ์ร้านแตก จาก “เชลล์ชวนชิม”
เหตุการณ์ร้านแตกจริงๆ เป็นช่วงที่ขายในบ้าน โดยคณะกรรมการของเชลล์ชวนชิม เข้ามาชิม โดยไม่ได้บอกทางร้านแต่อย่างใด ซึ่งเขาเข้ามาชิมแล้วก็โพสต์ลงโซเชียล ซึ่งทางคณะกรรมการเชลล์ชวนชิมก็มาชิมกันประมาณ 3 รอบ จากนั้นทางร้านก็ได้เครื่องหมายการันตีความอร่อยจากเชลล์ชวนชิม
พอวันรุ่งขึ้นลูกค้าก็แห่กันมาตั้งแต่ 6 โมงเลยทีเดียว พอเปิดหน้าร้านตอนนั้น 07.30 น. และแจกบัตรคิวไปถึง 35 คิว ทางร้านเลยโพสต์ปิดร้านตั้งแต่เวลา 08.12 น. ทันที
ในตอนนี้ร้านข้าวมันไก่เปิดให้บริการตอน 8 โมง แต่บางวันลูกค้ามาต่อคิวตั้งแต่ 6 โมง บางวันก็ 06.30 น. หรือมีบางวันลูกค้ามาแล้วไม่ได้กินก็มี เพราะว่าของหมดก่อน
คุณส้ม บอกว่า ทางร้านมีการจำกัดจำนวนในการซื้อ 10 ห่อต่อคน เพราะว่าเรื่องของจำนวนยังคงเป็นปัญหา ลูกค้าค่อนข้างเยอะ และรอคิวค่อนข้างนาน ซึ่งลูกค้าที่ซื้อจำนวนเยอะ จะส่งผลให้ลูกค้าที่ถือบัตรคิวคนอื่นๆ ไม่ได้ของ ทางร้านจึงแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้
รายได้เรียกได้ว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากวันแรกๆ ได้หลักร้อย เพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน และในปัจจุบันนี้ที่มีคนเข้ามาร้านเยอะ เพราะว่ามีการรีวิว บอกต่อๆ กัน จากเหล่าอินฟลูฯ ที่บ้างก็บอกว่า เนื้อไก่นุ่ม เด้ง ฉ่ำ ไม่เหมือนใคร เป็นข้าวมันไก่สิงคโปร์ที่ราคาจับต้องได้ จนมีผู้คนเห็นมากขึ้น จนตอนนี้อยู่ที่หลักหมื่นต่อวัน
“เราก็ไม่ติดว่าเราจะมาถึงจุดนี้อย่างทุกวันนี้ ตอนที่เราเริ่มเข้าสู่อาชีพอิสระของเรา คิดแค่ว่าเราลองดู ถ้าวันหนึ่งมันไปไม่รอด เราก็แค่กลับไปนับหนึ่งใหม่ในการหางานใหม่” คุณส้ม กล่าว
ที่มาของชื่อ ข้าวมันไก่หน้าโจร
เริ่มแรกเลย เพื่อนแฟนเพิ่งเรียนจบมา และอยากมีรายได้ เลยเปิดร้านหม่าล่ากับแฟน เขาก็ไว้หนวดไว้เครา ก็เลยแซวเขาว่า พ่อค้าหน้าโจรเนอะ พ่อค้าทรงโจร ดูหน้าโจรทั้งคู่เลย ก็เลยใช้ชื่อว่า หม่าล่าหน้าโจร แต่พอเพื่อนได้งานทำ ก็เลยเลิกขายไป พอเรามาเริ่มทำธุรกิจข้าวมันไก่ ก็คิดอยู่นานว่าจะใช้ชื่อว่าอะไร ก็เลยพูดออกมาเล่นๆ ว่า ข้าวมันไก่หน้าโจรไหมล่ะ ก็เลยใช้ชื่อนี้เลย
ผลจากการตัดสินใจลาออก แล้วมาเริ่มต้นอาชีพนี้
จากวันแรกที่ขายบนรถจนตอนนี้มีหน้าร้านที่ใหญ่ขึ้น ใช้เวลาอยู่กับร้านข้าวมันไก่นี้กว่า 4 ปี สิ่งที่ได้จากการทำอาชีพนี้ คุณส้ม บอกว่า
“อย่างแรกเลยคือ ความสุข ความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว มีเวลาให้ครอบครัว ในตอนที่ทำงานประจำ ต้องหอบความเครียดกลับมาบ้าน ไม่มีเวลาเล่นกับลูก แต่พอมาทำอาชีพนี้ มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นด้วย”
หากใครสนใจอยากไปลิ้มลองข้าวมันไก่หน้าโจร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : ข้าวมันไก่หน้าโจร คลอง 7 ธัญบุรี
เผยแพร่แล้วเมื่อ: 3 ก.ค. 2024