ขายได้พีกสุดวันละ 12,000 บาท! สาวสถาปัตย์ ทำอาชีพเสริม ขายขนมอาลัว ปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ สร้างรายได้แบบปังๆ

ขายได้พีกสุดวันละ 12,000 บาท! สาวสถาปัตย์ ทำอาชีพเสริม ขายขนมอาลัว ปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ สร้างรายได้แบบปังๆ

“อาลัว” ขนมที่มีชื่อแปลกอย่างฝรั่ง และเป็นขนมกวนชนิดหนึ่ง ลักษณะจะคล้ายๆ ทรงหยดน้ำ ภายนอกกรอบแต่ภายในยังนุ่มอยู่ 

หากพูดถึงขนมอาลัว ทุกๆ ท่านคงจะนึกเป็นภาพเดียวกันว่าเป็นทรงหยดน้ำเล็กๆ ซึ่งก็ไม่ผิดแปลก เพราะเป็นสิ่งที่หาง่ายและเห็นได้ทั่วๆ ไป แต่วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ ร้านเรือนจ้าวจันทร์ ที่คิดค้นทำขนมอาลัวที่มีรูปแบบและรูปทรงต่างไปจากที่อื่นๆ

คุณปลายฟ้า-พัชริดา เสนีย์วงศ์ เจ้าของร้าน เรือนจ้าวจันทร์ ได้มาพูดคุยกับเราถึงเรื่องราวต่างๆ ต้องบอกว่าเรื่องราวของเธออาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ ท่านได้มากเลยทีเดียว

คุณปลายฟ้า-พัชริดา เสนีย์วงศ์
คุณปลายฟ้า-พัชริดา เสนีย์วงศ์

จุดเริ่มต้น จากสาวสถาปัตย์ สู่แม่ค้าขายขนมอาลัว

คุณปลายฟ้า เล่าว่า เธอเรียนจบเกี่ยวกับสถาปัตย์ ทำงานเป็นนักวิจัย และอาจารย์พิเศษอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาคุณแม่เปิ้ล-แพรวพรรณ พูลทวี แม่ของเธอได้เกษียณพอดี เลยคิดว่าต้องหาอะไรให้คุณแม่ทำสักอย่าง เพราะปัจจัยหลักๆ เลย คือกลัวว่าคุณแม่จะเป็นอัลไซเมอร์ เนื่องจากมีอายุเยอะแล้ว

คุณแม่เปิ้ล-แพรวพรรณ พูลทวี
คุณแม่เปิ้ล-แพรวพรรณ พูลทวี

คุณปลายฟ้าจึงเลือกมาทำขนมอาลัว เพราะเริ่มจากความชอบในงานศิลปะ โดยเปลี่ยนจากภาพวาดมาเป็นศิลปะแขนงอื่นๆ ในตอนแรกคิดว่าอยากจะลองทำเป็นงานอดิเรก แต่เมื่อได้ลองขาย ยอดสั่งซื้อก็เพิ่มมากขึ้นจนตั้งรับไม่ทัน 

ขนมโบราณ แต่ทำอย่างไรให้ซื้อใจคนรุ่นใหม่

ขนมอาลัว ต้องยอมรับว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาโดยตลอด ซึ่งร้านเรือนจ้าวจันทร์เองก็คำนึงถึงคุณภาพและกระบวนการทำต่างๆ ให้ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยปรับเปลี่ยนทั้งรสชาติ และรูปแบบให้ดูเข้าถึงง่าย เล็งเห็นว่าคนในปัจจุบันกินรสชาติอย่างไร เธอจึงให้คุณแม่ช่วยปรับสูตรให้เข้ากับคนสมัยใหม่มากขึ้น 

“อาลัวทั่วไป จะมีความหวาน เลยรู้สึกว่ามันหวานจัด กินได้ไม่เยอะ จึงลดความหวานและเน้นความหอม ทำให้ลูกค้าติดและกลับมาซื้อซ้ำ” เธอกล่าว

เมื่อรสชาติเริ่มคงที่ เธอจึงหาวิธีการใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้า โดยปรับเปลี่ยนลักษณะของขนมอาลัว จากทรงหยดน้ำ ให้มาเป็นทรงดอกไม้สวยงาม โดยเลือกแป้นพิมพ์ให้เหมาะสม เพราะแป้นพิมพ์บางอันจะทำให้แป้งสุกทั่ว และทำให้ขนมกรอบ แข็ง และทำให้รสชาติไม่ชัดเจน ส่วนแป้นพิมพ์บางอันจะทำให้แป้งนุ่ม อย่างเช่น ลายดอกบัว ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน จะมีความหอม กรอบนอกนุ่มใน และรสชาติกำลังดี  

“ปลายใช้ทักษะของการวาดรูป ความเชี่ยวชาญในเรื่องการระบายสี การลงสี เลยรู้ว่าอันไหนเหมาะกับอะไร ลงสีทองประมาณไหนถึงจะได้ความวาว ค่อยๆ ลองผิดลองถูกไป” เธอกล่าว   

หลังจากปรับให้ร่วมสมัยมากขึ้น ก็เริ่มมีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อยๆ เลยตัดสินใจเปิดร้านอย่างจริงจัง และให้คุณแม่เข้ามาช่วยดูแลร้าน

จากทดลองตลาด ลองขายเล่นๆ สู่ตัวแทนจำหน่ายหลายที่

ตอนที่ทำครั้งแรก ลองตลาด ขายได้ประมาณ 5,000-6,000 บาทเลยทีเดียว จากที่ทำมา ขายได้เกือบหมด ซึ่งเธอก็ตกใจอยู่พอควร เพราะคิดว่าทำขายเล่นๆ ทำมาน้อยๆ เริ่มต้นชิ้นละ 8 บาท ไปจนถึง 40 บาท 

เมื่อลองตลาดครั้งนั้น เลยทำให้เธอกลับไปคิดว่า ควรจะเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น และเริ่มหาตัวแทนจำหน่าย อย่างเช่น วางขายที่ตลาดน้ำ ตลาดนัด คาเฟ่ ร้านกาแฟ แหล่งท่องเที่ยว มหาวิทยาลัย 

“ค่อยๆ เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะร้านเพิ่งเปิดจริงจังได้แค่ 3 เดือน แต่ผลตอบรับที่ได้มาทุกวันนี้ สำหรับที่เราเริ่มต้นจากงานอดิเรก มันเกินคาด” คุณปลายฟ้า กล่าว

จากวันแรกขายได้ 6,000 บาท ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน การเติบโตค่อนข้างก้าวกระโดด เป็นวันละราวๆ 12,000 บาท ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่สร้างรายได้และไม่เหนื่อยเกินกำลังที่จะทำไหว

ในเรื่องของการลงทุน ในช่วงแรกๆ ลงทุนไม่เยอะ เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ มีแค่ไม่กี่กลิ่นเท่านั้น แต่พอธุรกิจเริ่มไปได้สวย ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องใส่ใจในการทำและใส่ใจผู้บริโภคมากขึ้น จึงลงทุนเพื่อตอบโจทย์และสร้างทางเลือกให้กับลูกค้า    

ด้วยรูปทรงที่แปลกตา ยิ่งทำให้ลูกค้าเกิดความอยากซื้อมากขึ้น คุณปลายฟ้า บอกกับเราว่า

“อาลัวรูปแบบเดิมๆ ของคนไทย ที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ จะเป็นทรงหยดน้ำ เลยคิดว่าขนมของเรามีความสวยงาม และเหมาะที่จะเพิ่มมูลค่าได้ ในส่วนของข้อเสียอาจจะใช้เวลาทำนาน แต่ข้อดีคือเป็นการเพิ่มมูลค่าและกลายเป็นของฝากได้”

จะบอกว่ากลุ่มลูกค้าที่ทางร้านตั้งไว้ แรกๆ คิดว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยภาพจำว่าเป็นขนมไทย แต่ความเป็นจริงแล้ว ลูกค้าตัวยงเริ่มตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงวัยกลางคน กลุ่มผู้สูงอายุมีบ้างประปราย ด้วยรูปแบบของขนม แพ็กเกจจิ้งต่างๆ จึงสามารถเจาะกลุ่มวัยรุ่นได้สำเร็จ

คติที่ใช้ ทั้งในการดำเนินชีวิต และการทำธุรกิจ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าใครก็ตามต่างหาความชอบของตัวเองอยู่แล้ว แต่จะนำความชอบของตนเอง มาก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ซึ่งคุณปลายฟ้า ก็ได้ฝากแนวคิดเอาไว้ให้กับทุกๆ คนว่า

“บางทีแค่ความรักในสิ่งที่ชอบมันไม่พอ ต้องดูว่าถนัดที่จะทำอะไร แล้วสิ่งที่เราถนัดเราจะได้การยอมรับว่าคนอื่นมีศักยภาพไม่เท่าเรา ลองค่อยๆ หาดูว่าความชอบของเราคืออะไร จากนั้นลองคิดต้นทุน และลองดู มันไม่บาดเจ็บมากและไม่ได้เสียหายอะไร และลองสังเกตดู”

อีกทั้งยังกล่าวเสริมว่า

“ลำพังแค่งานประจำอย่างเดียวมันไม่พอ คนเราควรจะมีงานมากกว่าหนึ่งอย่างในทุกวันนี้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจและอะไรหลายๆ อย่าง อยากให้ทุกคนใช้เวลาเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น”         

หากใครอยากลองชิมขนมอาลัวจากร้าน เรือนจ้าวจันทร์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เรือนจ้าวจันทร์ 

หรือโทรได้ที่เบอร์ 065-389-7824 (คุณปลายฟ้า)

เผยแพร่แล้วเมื่อ: 20 มิ.ย. 2024