เผ็ดมาร์ค กะเพราเจ้าดังย่านเอกมัย พัฒนาสูตร 1 ปีเต็ม มุ่งหวังครองใจชาวโลก

“เราอยากให้โลกรู้ครับ ว่าเมืองไทยเนี่ย ไม่ได้มีเมนูขึ้นชื่อ แค่ผัดไทยกับต้มยำกุ้ง”

ในย่านเอกมัย แหล่งรวมร้านอาหารสุดฮิป ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลายประเภท แต่มีร้านหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา จากการแต่งร้านด้วยสีแดงตัดกับสีเหลือง และความยาวของแถวที่ต่อคิวล้นออกมานอกร้าน นั่นคือ “เผ็ดมาร์ค” ร้านกะเพราเจ้าดัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย เผ็ดร้อน และวัตถุดิบชั้นดี มีคุณภาพ

จุดเริ่มต้นของ “เผ็ดมาร์ค”

เผ็ดมาร์ค ก่อตั้งขึ้นโดยแพชชันของทั้ง 4 คน ได้แก่ คุณ Mark Wiens (มาร์ค วีนส์) ที่เป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังอันดับต้นๆ ของโลก คุณเทพ-พงศ์เทพ อนุรัตน์ ดารา นักแสดงชื่อดัง ที่หลายคนคงเคยเห็นหน้าผ่านตากันมาไม่มากก็น้อย เพราะเป็นดาราที่เล่นอยู่ในหนังร้อยล้านเยอะมาก เชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม เป็น Celebrity Chef ที่เป็นเจ้าของร้านเลิศทิพย์ วังหิน และสุดท้าย ITAN หรือ คุณแทน-กิตติเดช วิมลรัตน์ นักวิจารณ์อาหาร นักชิม อินฟลูฯ เกี่ยวกับอาหาร ที่ในวันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยและสัมภาษณ์ ถึงจุดเริ่มต้นในการทำร้านเผ็ดมาร์คขึ้น

ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีที่แล้ว ยังไม่มีร้านกะเพรา ที่เป็น Top Of Mind ของคน แบบที่พูดว่า “กะเพรา” แล้วนึกถึงร้านนี้ทันที เพราะเมื่อถามว่ากะเพราร้านไหนอร่อย ทุกคนก็จะตอบไม่ตรงกัน ไม่มีใครพูดชื่อขึ้นมาซ้ำๆ กัน หรือเหมือนกันในร้านเดียว คนส่วนใหญ่จะมีร้านกะเพราเป็นร้านแถวบ้าน ที่คุ้นลิ้น หรือกินมาตั้งแต่เด็ก

พวกเขาเลยคุยกันว่า “ทำไมไม่ลองทำร้านกะเพรา สำหรับไว้เป็นคำตอบให้คน ว่าพูดถึงกะเพรา ต้องไปร้านนี้สิ”

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้ง 4 คน อยากทำร้านกะเพรา ที่ให้ชาวโลกรู้ว่าเมืองไทยไม่ได้มีดีแค่ผัดไทยกับต้มยำกุ้ง เขาเล่าว่า ก่อนจะออกมาเป็นกะเพราสูตรของเผ็ดมาร์ค พวกเขาได้มีการตระเวนไปลองชิมกะเพรา เรียกได้ว่าทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ไปลองและกลับมาพัฒนาสูตรอยู่ 1 ปีเต็ม ซึ่งเผ็ดมาร์ควันแรกเริ่มต้นที่ 16 ตารางเมตร 8 ที่นั่งเท่านั้น 

สูตรเด็ด เผ็ดสะใจ

เผ็ดมาร์ค ไม่ได้พิเศษแค่ชื่อเสียง แต่ยังพิเศษที่รสชาติ เพราะกะเพราของที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เผ็ดร้อนถึงใจ ผัดด้วยไฟแรงจนได้ความหอม กรอบ อร่อย เข้ากันได้ดีกับเนื้อสัตว์ และไข่ดาวเป็ดที่มาเสริมองค์ประกอบความอร่อย เมื่อทานเข้าไปแล้วจะมีรสสัมผัสที่เข้ากันอย่างลงตัว

เขาเล่าว่า เฉพาะสูตรกะเพรา เชฟกิ๊กผัดเป็นพันๆ กระทะ หรือจะเป็นไข่เป็ดที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน เชฟกิ๊กดาวเป็นพันๆ ฟอง 

“ถ้าอยากให้เกิดการจดจำ ต้องใช้ไข่อะไร ดาวยังไงให้สวย ให้มันเกิด Texture ที่กินเข้าไปกับเนื้อสัตว์แล้วดี”

นอกจากนี้ การเลือก “เนื้อสัตว์” ที่นำมาทำ พวกเขาก็ได้ลองเนื้อวัวจากฟาร์มของเกษตรกรในประเทศ เรียกได้ว่าคัดจากฟาร์มชั้นนำทั่วประเทศ กว่าจะเลือกว่าจะเอาเนื้อจากฟาร์มไหนมาทำเป็นกะเพราที่นี่

ในส่วนของ “พริก” พวกเขาได้ลองพริกทุกชนิด ว่าใน 1 จาน ควรจะใส่พริกกี่ชนิด และได้ลอง “กะเพรา” เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น กะเพราขาว กะเพราแดง กะเพราป่า เป็นต้น

หลังจากทำ R&D มา 1 ปี เขาใช้อีก 1 ปี เพื่อขายเพียงเมนูกะเพราเมนูเดียว และเนื้อสัตว์ มีแค่หมูสับกับเนื้อสับ มีความเผ็ดระดับเดียว คือระดับกลาง แต่ในปัจจุบันได้มีการเพิ่มเนื้อสัตว์ และสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้

จุดเด่นคือความตั้งใจ

ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าจะเรียกว่าเราแตกต่างจากที่อื่น คงเรียกว่าจุดเด่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น จุดเด่นจริงๆ ของทางร้าน คือเรื่องการทำวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และเรื่องความสม่ำเสมอ เขายังบอกอีกว่า หากมีคนเข้ามาทานกะเพราที่ร้าน แล้วบอกว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิม “เชฟกิ๊กจะต้องเข้ามาทันที” เพื่อมาดูว่าเด็กที่ร้านพลาดตรงไหนไปหรือเปล่า

“กะเพราเราถ้ามากินแล้วชอบ มากินอีกกี่ครั้ง ก็จะชอบ แต่ถ้ามากินแล้วไม่ชอบ ร้านกะเพรามีทั่วบ้านทั่วเมือง มีเต็มไปหมดเลย กินร้านที่ชอบ”

“จะบอกว่าไม่ต้องปรับตัวเพื่อเรา แบบยอมกินเผ็ดมากแล้วปวดท้อง ผมพูดเสมอว่ากินร้านที่ชอบ เพราะนี่คือรสนิยมของเรา 4 คนจริงๆ แต่ถ้าเกิดเรารสนิยมตรงกัน มากินร้านนี้สักครั้งหนึ่ง แล้วคุณก็คงจะแบบ อยากกลับมากินมันบ่อยๆ”

ทำให้คนเข้าใจ

ทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า “ทำไมแห้ง ทำไมเผ็ด ทำไมมีกลิ่นเครื่องเทศ ทำไมมันร้อนพริกไทย ทำไมมันต้องใช้กะเพราหลายชนิด ทำไมมันต้องใช้พริก 5 อย่าง”

เพราะฉะนั้น ความท้าทายของพวกเขานั่นคือ การทำให้คนรู้สึกว่า กะเพรารสชาติที่ทั้ง 4 คน เลือกมา มันถูกปากเขา

“ทำให้คนเข้าใจครับว่าเราชอบแบบนี้ แล้วก็ทำให้คนรู้สึกว่า นี่คือรสนิยมของพวกเขา พวกเขาคือพวกเราทั้ง 4 คนเนอะ มันยากพอสมควร ที่เราจะเอารสนิยมเราออกไปเที่ยวป่าวประกาศให้ใครต่อใครก็ตาม มาฟังแล้วก็มาคล้อยตาม” เขากล่าว

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า กะเพราเผ็ดมาร์ค ทำ R&D มา 1 ปี เขาบอกว่า การผัดกะเพราที่เขารับได้ คือ “การผัด 1 เตา ไม่เกิน 2 จาน” เพราะฉะนั้น ในระยะเวลาประมาณ 5 นาที จะสามารถสร้างกะเพราออกมาจากตรงส่วนครัวได้เพียง 2 จาน

“ถ้าเราตั้งใจ แล้วเรารักษาไว้ซึ่งสิ่งที่เราตั้งใจ สุดท้ายมันก็จะดีเอง”

เผ็ดมาร์ค ไม่ได้เป็นแค่อีกหนึ่งร้านกะเพรา แต่เป็นตัวแทนของ “ความตั้งใจ” “ทุ่มเท” และ “ความรักในอาหาร” ที่มุ่งมั่นจะนำเสนอกะเพราที่ดีที่สุด สดใหม่ อร่อย คุ้มค่า และเป็นที่จดจำสำหรับทุกคน