รู้หรือไม่ 5 สิ่งนี้ แม้แต่เศรษฐีพันล้าน ไม่เคยคิดจะซื้อ! ส่องแนวคิดจากเศรษฐีตัวจริง

รู้หรือไม่ 5 สิ่งนี้ แม้แต่เศรษฐีพันล้าน ไม่เคยคิดจะซื้อ! ส่องแนวคิดจากเศรษฐีตัวจริง

หากเราลองจินตนาการว่าถ้าเราเป็นเศรษฐีพันล้าน เราจะซื้ออะไรให้ตัวเองบ้าง แต่พอคุยกับเศรษฐีพันล้านจริงๆ คุณจะรู้ว่าไม่มีใครร่ำรวยขึ้นมาด้วยการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย

ทางเว็บไซต์ของ CNBC Make It ได้มีการไปคุยกับเศรษฐีพันล้านหลายคนและมักจะถามคำถามนี้เสมอว่า “คุณไม่ยอมใช้เงินไปกับอะไร?” คำตอบที่ได้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีเงินเหลือเฟือ แต่การใช้เงินอย่างชาญฉลาดก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณหวังที่จะเพิ่มพูนและรักษาฐานะของคุณไว้

สำหรับบางคนอย่าง Todd Baldwin เศรษฐีพันล้าน ที่คิดว่าการประหยัดเกือบจะเป็นเหมือนเกม เขามองว่า การสามารถซื้ออะไรสักอย่างได้ แต่เลือกที่จะไม่ซื้อ มันเป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกมาก 

และต่อไปนี้คือสิ่งที่เขาและเศรษฐีพันล้านอีก 4 คน ได้มาถ่ายทอดประสบการณ์และชี้ให้เห็นว่า พวกเขาไม่เคยใช้เงินไปกับอะไรบ้าง

1. Fast Fation

Jonathan Sanchez เศรษฐีพันล้านและผู้ก่อตั้ง Parent Portfolio ประหยัดค่าเสื้อผ้าด้วยการเลือกเสื้อผ้าธรรมดาๆ

เขาบอกว่า “ผมไม่คิดมากเรื่องชุด ผมมีเสื้อผ้าเรียบง่ายและไม่ตามยุค ในตู้เสื้อผ้ามีเพียงไม่กี่ตัว วันธรรมดาหรือเวลาสบายๆ ผมจะใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อยืดหรือเสื้อโปโล ถ้าไปงานทางการ ผมจะใส่สูทและผูกไท”

วิธีนี้ช่วยให้เขาประหยัดเงินไปกับเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ ที่ฉูดฉาดหรือราคาถูกแบบใช้แล้วทิ้ง

“ผมซื้อของใหม่เฉพาะเมื่อเสื้อผ้าตัวเก่ามีรูพรุนจากการสึกหรอตามปกติเท่านั้น”

2. ประกันการใช้สินค้า 

Steve Adcock ผู้จัดพิมพ์จดหมายข่าว Millionaire Habits ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้คนให้ประสบความสำเร็จด้านการเงินและเกษียณอายุเร็ว เช่นเดียวกับที่เขาทำได้ ด้วยการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ลงทุนอย่างชาญฉลาด และใช้ชีวิตอย่างประหยัด

สิ่งหนึ่งที่คุณจะไม่มีวันเห็นเขาใช้เงินไปกับมันคือ การรับประกันแบบขยาย (Extended Warranties) สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้านจากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่

“คุณอาจจะไม่ได้ใช้มัน มันเป็นเพียงกำไรเพิ่มเติมสำหรับร้านค้า” เขากล่าว

แทนที่จะเสียเงินไปกับการซื้อประกัน แต่เขาจะทยอยเก็บเงินสดเข้ากองทุนฉุกเฉินของเขาเล็กน้อยทุกเดือน เพื่อใช้สำหรับซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นเสีย เขาจะมีเงินเพียงพอที่จะซ่อม แต่ถ้าหากมันใช้งานได้ตลอดไป เขาก็สามารถนำเงินก้อนนั้นไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ ได้

3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาแพง

Jim Cramer พิธีกรชื่อดังของ CNBC เล่าว่า เขาถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่ที่ประหยัดมากๆ ถึงขนาดไม่ยอมให้ลูกๆ สั่งน้ำอัดลมที่ร้านอาหารจนกว่าอาหารจะมาเสิร์ฟ เพื่อเลี่ยงค่าเติมน้ำอัดลม

และปัจจุบันเขายังคงประหยัดกับเครื่องดื่ม เพราะมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับสิ่งของที่อยู่ได้ไม่นาน

“เวลามองเห็นขวดไวน์ราคา 500 ดอลลาร์ ผมจะคิดว่าช่างไร้สาระ” เขากล่าว 

คุณเอาเงินนั้นไปซื้อเสื้อสเวตเตอร์สวยๆ ดีกว่าไหม ลองนึกภาพสิ ว่าคุณจะได้เสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์แบบไหนในราคา 500 ดอลลาร์นั้น คุณซื้อได้ถึง 2 ตัวเลยนะ!”

4. ไอเทมกีฬาราคาแพง

Bernadette Joy’s ผู้ก่อตั้ง Crush Your Money Goals ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องใช้เงินไปกับอะไรที่แพง เพราะเสื้อผ้าฟรีๆ มันก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน

“ด้วยกระแสความนิยม บางครั้งการไปยิมดูเหมือนแฟชั่นโชว์มากกว่าการออกกำลังกาย” เธอกล่าว

เนื่องจากเธอไปร่วมงานประชุมและอีเวนต์ต่างๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งมักจะมีของแจกฟรี เธอยินดีที่จะใส่เสื้อยืดฟรีเหล่านั้นไปคลาสโยคะแทนที่จะเสียเงินไปกับเสื้อผ้าออกกำลังกายแบรนด์เนม

5. เที่ยวกลางคืน

เรื่องนี้ทำให้ลืมเรื่องการได้ของฟรีไปได้เลย เพราะ Baldwin คิดว่าทำไมเราจะต้องจ่ายเงินไปกับกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้ เขาแทบจะไม่เคยใช้เงินไปกับการออกไปทานอาหารที่ร้านอาหารหรือไปดูหนังเลย แต่มันก็เป็นเพราะว่าเขารู้วิธีที่จะได้รับเงินจากกิจกรรมเหล่านั้น

Baldwin เป็นนักช้อปปิ้งลับ (Secret Shopper) เขาได้รับเงินจากการออกไปทานข้าวข้างนอก ไปซื้อของชำ ตามไปดูหนัง แม้กระทั่งไปเยี่ยมชมโรงแรมและกาสิโน เพื่อแลกกับการให้ความเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เขาใช้

“ถ้าเพื่อนอยากไปบาร์หรือใครอยากไปดูหนัง ผมมักจะรอจนกว่าจะได้งานช้อปปิ้งลับ” เขากล่าว

“เพราะว่าถ้าคุณจะไปอยู่แล้ว คุณก็อาจจะได้ไปฟรีแถมยังได้รับเงินอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 5 แนวคิดนี้ เป็นเพียงแนวความคิดส่วนบุคคล แต่หนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นและสามารถนำมาปรับใช้ได้นั้น คือการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ประหยัด และไม่ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

ที่มา CNBC