รับทรัพย์ 18 ล้านบาทต่อปี! ชายวัย 32 ทำอาชีพเสริมเกี่ยวกับตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สร้างรายได้ปังๆ ด้วย 5 ข้อนี้

รับทรัพย์ 18 ล้านบาทต่อปี! ชายวัย 32 ทำอาชีพเสริมเกี่ยวกับตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สร้างรายได้ปังๆ ด้วย 5 ข้อนี้

Marcus Gram ชายหนุ่มวัย 32 ปี ที่เคยทำงานประจำเป็นผู้จัดการและมีรายได้ทั่วไป แต่เขาคิดว่าต้องหาอะไรทำเพื่อสร้างเงินให้กับตัวเองได้มากกว่างานประจำ

Marcus Gram
ภาพจาก Facebook : Marcus Gram

ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาอยู่กับคุณแม่ที่เมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ทำงานเป็นผู้จัดการ รายได้ชั่วโมงละ 17 ดอลลาร์ หรือประมาณ 600 บาทต่อชั่วโมง แต่เมื่อปี 2018 ก็มีเพื่อนคนหนึ่งได้จุดประกายไฟในตัวเขา ทำให้อยากย้ายไปที่ฟิลาเดลเฟียเพื่อเริ่มธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ

Marcus Gram ใช้เงินเก็บ 10,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.6 แสนบาท ซื้อตู้ขนม ตู้เครื่องดื่ม เครื่องรูดบัตรเครดิต 2 เครื่อง

ในปีแรก ธุรกิจนี้เป็นเพียงงานเสริมที่สร้างรายได้เพียง 5,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2 แสนบาท ในปี 2021 มียอดขาย 300,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 10 ล้านบาท และในปี 2022 เขามียอดขายแตะ 500,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 18 ล้านบาท ในปัจจุบัน เขามีตู้จำหน่ายสินค้ากระจายอยู่ 6 รัฐด้วยกัน

ภาพจาก Facebook : Marcus Gram
ภาพจาก Facebook : Marcus Gram

จากการทำธุรกิจนี้ Marcus Gram ได้ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย และได้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจเสริมที่ประสบความสำเร็จ 5 ข้อ ดังนี้

1. ทำให้ธุรกิจค้นหาได้ง่ายบนโลกออนไลน์

อีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่สุด คือการปรับปรุงเว็บไซต์

เขาได้ปรับปรุงทั้งเลย์เอาต์ของเว็บไซต์และลงทุนเพิ่มเติมในด้าน Search Engine Optimization (SEO) ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ให้ความสนใจเข้ามาติดต่อเพิ่มมากขึ้น และได้รับการติดต่อจากธุรกิจใหม่ประมาณ 5 รายต่อเดือน 

ลูกค้าเหล่านี้ได้เข้ามาพูดคุยและเห็นว่าเขาจริงจังกับสิ่งที่สัญญาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการทำงาน การเติมสินค้าตามความต้องการ การตอบสนองต่อปัญหาด้านการบำรุงรักษาภายใน 24 ชั่วโมง และการติดตั้ง QR Code บนตู้จำหน่ายสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถขอคืนเงินได้อย่างรวดเร็วกรณีที่ทำเงินหายไป

2. เปิดใจรับลูกค้าใหม่ๆ 

เดิมทีแล้ว บริษัทของเขาให้บริการติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแค่โรงเรียนและอาคารสำนักงานเป็นหลัก แต่ในปีนี้เริ่มขยายตลาดไปยังโรงงานอุตสาหกรรมด้วย การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อรายได้สุทธิของบริษัท เนื่องจากโรงงานเหล่านี้มักเสนอราคาสินค้าแบบอุดหนุนให้กับพนักงาน

การกำหนดราคาแบบอุดหนุน หมายความว่า สินค้าภายในตู้จำหน่ายจะมีราคาลดลงสำหรับพนักงาน โดยพนักงานแต่ละคนจะได้รับบัตรเติมเงินที่มีวงเงินจำกัด เมื่อสิ้นเดือน บริษัทของเราจะส่งรายงานยอดขายและใบแจ้งหนี้ไปยังสถานที่นั้นๆ และสถานที่นั้นจะชำระเงินส่วนต่างให้กับเรา

แม้ว่าการกำหนดราคาแบบอุดหนุนจะทำให้กำไรต่อชิ้นลดลง แต่ก็ช่วยรับประกันยอดขายรายเดือนหลายพันดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่าทางธุรกิจ

3. ยิ่งธุรกิจขยายตัวมากขึ้น ยิ่งต้องจ้างคนมากขึ้นเท่านั้น

ในปี 2022 บริษัทของเขาได้ติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าในสำนักงานที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีพนักงานประจำอยู่ภายในอาคารตั้งแต่ 400-700 คนต่อวัน เพราะสถานที่บางแห่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นจำนวนเงินหลักหมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน

ความท้าทายที่สำคัญอย่างหนึ่งในการขยายธุรกิจ คือการหาพนักงานมาเติมสินค้าให้เพียงพอ เนื่องจากบางสำนักงานต้องการบริการเติมสินค้าทุกวัน บางแห่งต้องการเติมสินค้าถึง 2 ครั้งต่อวัน มีบางครั้งที่เขาจำเป็นต้องเดินทางไปเติมสินค้าให้กับตู้จำหน่ายเองด้วยซ้ำ

แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน บริษัทสามารถจัดระบบการจัดการพนักงานให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 10 คน โดยเป็นพนักงานพาร์ตไทม์เกือบทั้งหมด

4. เรียนรู้จากความผิดพลาด

ในปีนี้ บริษัทของเขาได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ คือการติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติจำนวนมากไว้ในวิทยาลัย 2 แห่งที่รัฐเพนซิลเวเนีย เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี

หลังจากใช้เงินลงทุนไปประมาณ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท สำหรับตู้จำหน่ายสินค้า 20 เครื่องใหม่ เครื่องอ่านบัตรสินค้า ค่าสินค้า และค่าพนักงาน 

สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นการลงทุนที่ผิดพลาด เพราะกว่าจะคืนทุนได้ก็คงต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ปี เขาเลยตัดสินใจย้ายตู้จำหน่ายสินค้าออกหลังจากนั้น 5 เดือน

“อย่ากลัวที่จะยอมรับว่าคุณตัดสินใจผิดพลาด และรีบตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเมื่อเห็นชัดว่าการลงทุนของคุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นที่ดีกว่าได้” Marcus Gram กล่าว

5. การส่งต่อ

หนึ่งในเป้าหมายหลักของเขา คือการหาสถานที่ติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าให้กับพนักงานทุกคน เพราะอยากช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของตัวเอง

นอกจากนี้ เขายังอยากช่วยเหลือธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าของแม่อีกด้วย และล่าสุด Marcus Gram เพิ่งมอบตู้จำหน่ายสินค้าให้กับแม่ที่บ้านเกิด เมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะดูว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป

“แม้ว่าอาจจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ผมคิดว่าเราควรตั้งเป้าหมายที่สูงไว้เสมอ” Marcus Gram กล่าว

ที่มา cnbc