ยอดขาย 300 ล้าน “จอลลี่แบร์” ขนมเยลลี่รูปหมีสัญชาติไทย ทำยังไงให้ครองตลาดมานานกว่า 50 ปี

ยอดขาย 300 ล้าน
ยอดขาย 300 ล้าน "จอลลี่แบร์" ขนมเยลลี่รูปหมีสัญชาติไทย ทำยังไงให้ครองตลาดมานานกว่า 50 ปี

ยอดขาย 300 ล้าน “จอลลี่แบร์” ขนมเยลลี่รูปหมีสัญชาติไทย ทำยังไงให้ครองตลาดมานานกว่า 50 ปี

จอลลี่แบร์ ถือเป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวสัญชาติไทย ที่ถือหุ้นและบริหารโดยคนไทย 100% มีชื่อเสียงโลดแล่นในตลาดมานานกว่า 50 ปี ผลิตโดย บริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด ที่มีจุดเริ่มต้นจากการผลิตลูกอมแบบแข็ง แต่ด้วยสภาพตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้ทายาทรุ่นที่ 2 ที่มารับช่วงต่อต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต โดยหันมาผลิตเยลลี่รูปหมีแทน

คุณนิค-พลากร เชาวน์ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์จอลลี่แบร์
คุณนิค-พลากร เชาวน์ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์จอลลี่แบร์

คุณนิค-พลากร เชาวน์ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์จอลลี่แบร์ ทายาทรุ่นที่ 3 เล่าให้ฟังว่า ต้องยอมรับว่า ในยุคนั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักเยลลี่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนตัดสินใจซื้อ เลยตัดสินใจทำการตลาดผ่านสื่อโฆษณาในช่องทางหลักอย่าง ทีวี หนังสือ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาบริษัทจะไม่ได้สร้างแบรนด์อย่างจริงจังเหมือนเดิม แต่แบรนด์ก็ยังคงสามารถขายสินค้าได้ด้วยตัวของแบรนด์เอง

กระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นรายอื่นเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากต่างประเทศ บริษัทจึงต้องมุ่งสร้างแบรนด์อย่างจริงจังอีกครั้ง เนื่องจากแบรนด์ จอลลี่แบร์ อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนาน ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่ๆ อาจไม่สามารถเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ได้ อีกทั้งรูปแบบการทำการตลาดแบบเดิมๆ ผ่านช่องทางหลักอาจไม่ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคที่ใช้เวลาในโลกโซเชียลมากขึ้น

จอลลี่แบร์
จอลลี่แบร์

สำหรับรูปแบบการสร้างแบรนด์และทำการตลาดที่ทางบริษัทใช้ในปัจจุบันคือ การทำผ่านออฟไลน์ ควบคู่กับออนไลน์ แต่จะเน้นที่ออนไลน์เป็นหลัก โดยการใช้อินฟลูเอนเซอร์ทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง YouTube, Facebook, TikTok และ Instagram ในการรีวิวสินค้าช่วยสร้างกระแสก่อให้เกิดการบอกต่อ ทำให้เกิดการมองหาสินค้า ตัวสินค้าเองก็ต้องได้มาตรฐาน เดินหน้าพัฒนาสินค้าให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ ทั้งรสชาติใหม่ แพ็กเกจจิ้งใหม่ หรือหาพันธมิตรในการออกสินค้าใหม่ร่วมกันก็ได้

“การยืนหยัดในตลาดที่มีผู้เล่นจำนวนมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพราะแบรนด์ที่ดีจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น เชื่อใจ และน่าเชื่อถือให้กับองค์กรและสินค้า”

โดยการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้ คุณนิค กล่าวว่า ต้องอาศัย 3 ข้อหลักๆ คือ 1. หาจุดแข็งของสินค้าให้เจอ สำหรับจอลลี่แบร์ก็คือ ความคุ้มค่า มีประโยชน์ มุ่งเน้นความปลอดภัย 2. สร้างมาตรฐานให้กับสินค้า สินค้าต้องได้มาตรฐานสากลในทุกด้าน และ 3. เดินหน้าหาพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน อย่างในช่วงหนึ่ง จอลลี่แบร์ได้จับมือแบรนด์รองเท้ากีโต้ เพื่อทำรองเท้าของจอลลี่แบร์ออกมาช่วงหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี

โดยทั้ง 3 สิ่งนี้ทำให้จอลลี่แบร์ยังคงอยู่ในตลาดได้ พร้อมอัตราการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทมียอดขายสูงถึง 300 ล้านบาท

“อยากให้ SMEs จำไว้ว่า เมื่อไหร่ที่หยุดสร้างแบรนด์ก็จะมีปัญหาเมื่อนั้น เพราะคู่แข่งพร้อมที่จะมาแซงเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แบรนด์ จึงเป็นหัวใจหลักที่เราต้องรักษาและทำให้ดี” เจ้าของแบรนด์จอลลี่แบร์ กล่าวทิ้งท้าย ในกิจกรรมสัมมนาออนทัวร์ ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดขอนแก่น หัวข้อ “SME New Gen สร้างตัวตนให้เป็น ยอดขายก็ปัง”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2024