เริ่มธุรกิจเสริมในร้านขายยาเก่า กวาดรายได้ 29 ล้านในปีเดียว! ด้วยขนมพื้นถิ่นจากฝรั่งเศส

เริ่มธุรกิจเสริมในร้านขายยาเก่า กวาดรายได้ 29 ล้านในปีเดียว! ด้วยขนมพื้นถิ่นจากฝรั่งเศส
เริ่มธุรกิจเสริมในร้านขายยาเก่า กวาดรายได้ 29 ล้านในปีเดียว! ด้วยขนมพื้นถิ่นจากฝรั่งเศส

เริ่มธุรกิจเสริมในร้านขายยาเก่า กวาดรายได้ 29 ล้านในปีเดียว! ด้วยขนมพื้นถิ่นจากฝรั่งเศส

ใครจะไปรู้ว่าจากขนมพื้นถิ่นของฝรั่งเศส ที่หากินได้ยากในอเมริกา จะกลายเป็นสินค้าพลิกชีวิตของเธอคนนี้ Elisabeth Galvin สาวผู้มีความฝันและเดินตามหาความสำเร็จตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

Elisabeth Galvin ย้ายจากฝรั่งเศสมาอยู่สหรัฐอเมริกา ในช่วงยุค 90 เพื่อตามหาความฝันที่อยากจะเป็นผู้ประกอบการ ในตอนนั้นเธอแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำให้เธอต้องเข้ามหาวิทยาลัยเนวาดา เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ สื่อสารมวลชนและคณิตศาสตร์

ส่วนช่วงกลางคืน เธอใช้เวลาอยู่ในครัวเพื่อหาความสุขจากการทำอาหาร อย่าง Pralines (พราลีน) หรือขนมที่มีส่วนประกอบของถั่ว เป็นขนมของฝรั่งเศสที่เธอโปรดปรานมากที่สุด แต่ไม่สามารถหากินได้ในอเมริกา

เธอจึงนำสูตรเด็ดประจำครอบครัวมาปรับปรุง และแบ่งให้เพื่อนๆ ชาวอเมริกันได้กิน ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประทับใจในรสชาติของมัน

วันหนึ่ง Elisabeth Galvin ได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้วันชาติสหรัฐฯ และเธอได้นำขนม Pralines ไปงานปาร์ตี้ด้วย จนกลายเป็นดาวเด่นของงานและดึงดูดความสนใจของแขก 2 คน ที่บังเอิญเป็น CEO ของสายการบิน Reno Air และภรรยาของเขา ซึ่งเป็นฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดัง

“พวกเขาถามฉันว่า สามารถทำขนม Pralines ให้สายการบิน Reno Air และทำให้มันกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ได้ไหม ภายในเวลา 3 เดือน ฉันเลยบอกเขาไปว่า ได้แน่นอน” เธอกล่าว

Elisabeth Galvin รู้ว่าโอกาสนี้จะทำให้เธอประสบความสำเร็จได้ เธอจึงตัดสินใจขยายกิจการ เริ่มจากสั่งหม้อทองแดงแท้ 3 ใบจากอิตาลีมาฝึกทำ Pralines แต่หม้อก็มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับครัว เธอเลยต้องย้ายไปคั่วถั่วในโรงรถ

ขณะเดียวกันก็มองหาสถานที่ที่ใหญ่กว่า แล้วทำเรื่องขออนุญาตต่างๆ จนได้รับใบรับรองประกอบวิสาหกิจ และจัดตั้งบริษัท Delyse Inc ขึ้นมาได้สำเร็จ และทำเป็นธุรกิจเสริม เพราะขณะนั้นเธอยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย

“ฉันเริ่มขาย Pralines ในมหาวิทยาลัยและงานแข่งกีฬา ฉันตั้งชื่อให้ขนมชนิดนี้ว่า Thoz Nuts จนขนมชนิดนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบในร้านขายของชำ และขายหมดที่บูธของฉันในงานแข่งกีฬา ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต ฉันเจอสถานที่ที่เคยเป็นร้านขายยา และได้ตกลงเช่า” เธอกล่าว

นอกเหนือจากความท้าทายในการแบ่งเวลาเรียนกับการสร้างธุรกิจแล้ว อีกหนึ่งความท้าทายคือการหาพนักงาน ในตอนที่เรียนสื่อสารมวลชน เธอมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคน จึงได้โน้มน้าวพวกเขามาทำงานด้วยกัน จากนั้นก็จ้างพนักงานประจำคนแรก ซึ่งยังคงทำงานกับเธอมาจนถึงทุกวันนี้ก็ 30 ปีแล้ว Elisabeth Galvin เล่า

อย่างไรก็ตาม Elisabeth Galvin สามารถใช้เวลา 2 เดือน ในการเริ่มต้นสร้างรายได้ เธอขายถั่ว Thoz Nuts ในราคาถุงละ 1 เหรียญ และขายได้ 1,000 ถุงต่อเกมฟุตบอล และขายหมดทุกเกม

ในเดือนที่สาม สายการบิน Reno Air ก็ทำตามสัญญา นำถั่ว Thoz Nuts เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริการ เธอจึงเริ่มต้นด้วยการผลิต Thoz Nuts 20,000 ถุงต่อสัปดาห์ ที่ราคาถุงละ 0.50 เหรียญ ในปีแรกของการดำเนินธุรกิจในปี 1992 Delyse มีรายได้ประมาณ 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 29 ล้านบาท และเธอก็เติบโตไปพร้อมกับสายการบิน Reno Air

นอกจากนี้ Elisabeth Galvin ได้ดึงดูดลูกค้าสายการบินอย่าง United, American Airlines, American Eagle, Northwest Airlines, Skywest และสถานที่ภายในสนามบินอีกมากมาย ทำให้เธอได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดัง เช่น American Express, Motorola, Ty Warner, AOL, CompuServe, Prodigy, General Motors, Newsweek, Book of the Month และ AT&T

ทั้งหมดนี้ สามารถผลักดันให้ Delyse มีรายได้ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 110 ล้านบาทต่อปี และทำให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

แต่ถึงอย่างนั้น Delyse ต้องหยุดขายถั่ว Thoz Nuts บนสายการบิน เนื่องจากอาการแพ้ถั่วรุนแรงที่เพิ่มขึ้น แต่ Delyse ยังคงเติบโตและให้บริการด้วยขนมอื่นๆ ที่โดดเด่นที่สุด คือเพรทเซล และได้เปิดร้านเบเกอรี่เพรทเซล นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Stellar Snacks บริษัทที่สองที่ได้ร่วมก่อตั้งกับ Gina Galvin ผู้เป็นลูกสาว ซึ่งกำลังศึกษาปริญญาโท ด้านการตลาด เรียกว่าเป็นธุรกิจเสริมของลูกสาว

โดย Delyse ได้นำเสนอเพรทเซล Stellar Snacks ให้กับสายการบิน United Airlines, Alaska Airlines, American Airlines และ JetBlue ทำให้ขนมเพรทเซลถูกเสิร์ฟให้กับผู้โดยสารหลายร้อยล้านคนต่อปี วางจำหน่ายในร้านค้าปลีกหลายพันแห่งทั่วประเทศ และเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าประจำ ทำให้รายได้ขยับไปเกินกว่า 8 หลัก

ข้อมูลจาก www.entrepreneur.com