เผยสารพัดไอเดียแปรรูปข้าว ให้โกอินเตอร์ สู่ตลาดสากล

ข้าว มีความสำคัญกับคนไทยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นผลผลิตที่มีความสำคัญของประเทศในการส่งออกไปยังนานาประเทศอีกด้วย แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัญหาเรื่องราคาข้าว และอีกหลายปัญหาเรื่องผลผลิตข้าว ด้วยสาเหตุและปัจจัยหลายๆ อย่าง จึงมีโครงการมากมายของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ออกมาเพื่อช่วยสนับสนุน และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้าวไทย

คุณพลรชฎ เปียถนอม เกษตรกรอาชีพ วัย 60 ปี และเป็นผู้ดูแลโครงการพัฒนาการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพ หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ “ข้าวหอมยั่งยืน” เล่าว่า “ผมเริ่มสนใจการพัฒนาเรื่องเกี่ยวกับข้าวมาได้สักพักตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2557 ซึ่งเป็นจังหวะที่ฝ่ายเศรษฐกิจของคณะ คสช. สนใจในเรื่องการพัฒนาความหอมของข้าว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการที่จะศึกษาความหอมของข้าวและการพัฒนาข้าวไทยให้สามารถแปรรูปหรือสามารถพัฒนาระดับความหอมให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศได้”

จากการศึกษาพบว่า ที่ข้าวสวยไม่หอม มีประเด็นอยู่ 2 ข้อ คือ

  1. มีความหอมไม่ถึง 1 PPM ด้วยซ้ำ จากการเก็บตัวอย่างทั้งข้าวสารและข้าวสุก ทั้งๆ ที่ความหอมของข้าวที่ควรจะมีต้องไม่ต่ำกว่า 3 PPM หรือหากต้องการทำตลาดข้าวไปสู่ประเทศจีน ความหอมต้องมีตั้งแต่ 4-6 PPM ขึ้นไป
  2. ความหอมของข้าวในตลาดต่างประเทศไม่ได้มีเกณฑ์มาตรฐานในการวัดค่าความหอมของข้าว ยกตัวอย่างเช่น การดมแล้วหอม หรือหุงแล้วหอม ดังนั้น เมืองไทยจึงไม่ได้ขายไฮไลต์ความหอมของข้าว จึงไม่มีจุดขาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าข้าวของไทย ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะแต่เดิมข้าวไทย มีชื่อเสียงในเรื่องความหอมของข้าว แต่ในปัจจุบันความหอมของข้าวลดลง ควรต้องส่งเสริมให้ชาวนาทำข้าวที่มีความหอมด้วย

คุณพลรชฎ บอกว่า “จากการศึกษาที่รู้ว่าผู้บริโภคชอบทานข้าวที่หอม ทำให้ต้องพัฒนาข้าวที่หอมมากในระดับที่ผู้บริโภคต้องการ และต้องการเน้นพัฒนาให้ชาวนาทำนาแบบออร์แกนิก ปลูกข้าวให้ได้มาตรฐาน แต่กว่าจะทำให้ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องใช้เวลา 3-5 ปี ในขณะเดียวกัน ก็พัฒนาไปสู่การแปรรูปข้าว เป็นผลิตภัณฑ์สู่การส่งออกอีกรูปแบบหนึ่ง

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่แปรรูป ในปัจจุบัน มีข้าวสวยพร้อมทาน ซึ่งการเก็บข้าวในรูปแบบฟรีซเป็นข้าวกล่องแบบนี้ จะทำให้เก็บได้นานและคงความหอมได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม คือ ข้าวไรซ์มิลล์ ซึ่งพัฒนามาจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ส่งออกไปยังออสเตรเลีย อเมริกา ซึ่งตอบโจทย์คนยุโรปจำนวนมากที่แพ้นมวัว นมข้าวจึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้

และยังมีผลิตภัณฑ์คิมิไรซ์ หรือที่เรียกกันว่า ข้าวใส่นม ซึ่งส่งขายไปยังออสเตรเลีย อเมริกา และโซนยุโรป ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตัวนี้ ใช้นมนำเข้ามาจากนิวซีแลนด์เป็นส่วนประกอบในการทำผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไปสู่การเป็นออร์แกนิกให้ได้ด้วย และผลิตภัณฑ์อีกตัวคือ ไรซ์ฟู้ดดริงซ์ หรือข้าวในน้ำกะทิ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะเป็นสินค้าที่มาแรง และกลายเป็นเทรนด์ เนื่องจากคนต่างชาติรู้จักคุณค่าของน้ำมะพร้าว ทำให้มองว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้น่าจะกลายเป็นเทรนด์และมาแรงในไม่ช้านี้ ซึ่งตอนนี้ก็ส่งออกไปยังห้างสรรพสินค้า ยกตัวอย่างเช่น คอทโก้ อเมริกา, เทสโก้ ที่อังกฤษ และอิออน ที่ญี่ปุ่น เป็นต้น”

ปัจจุบัน กำลังการผลิตและส่งออกของสินค้าแต่ละประเภทต่อเดือน มีดังนี้ ข้าวสวยพร้อมทาน ประมาณ  5 ล้านถาด, ไรซ์มิลค์ 1 ล้านกล่อง และคิมิไรซ์ อยู่ที่ 6 ล้านถ้วย”

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าว ได้ที่ ตลาด อ.ต.ก. หรือ  www.organichubthai.com โทรศัพท์ (081) 873-2005, (081) 873-8006