เมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน อาชีพเสริม สร้างรายได้ มากกว่าเงินเดือน

เมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน อาชีพเสริม สร้างรายได้ มากกว่าเงินเดือน

ใครหลายๆ คนคงรู้จัก เมี่ยงคำ ที่มีส่วนผสมหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ใบชะพลู เนื้อมะพร้าวคั่ว มะนาว หอมแดง ขิง กุ้งแห้ง พริก ถั่ว น้ำเมี่ยง ซึ่งทุกอย่างต่างให้ประโยชน์แก่ร่างกายทั้งสิ้น หลายคนเคยกินเมี่ยงที่ใช้ใบชะพลูในการห่อกันมา แต่วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ขอนำเสนอ เมี่ยงกลีบบัว ที่ใช้กลีบบัวหลวงแทนใบชะพลู ซึ่งมีความอร่อยลงตัวเป็นอย่างมาก จากร้าน เมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน

คุณอ้วน-อ้อมจันทร์ พรายพรรณ เจ้าของร้านเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวกว่าจะเป็นเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน ต้องเจออะไรมาบ้าง และต้องผ่านอะไรมามากมาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน ที่คิดอยากจะลองทำอะไรสักอย่างโดยใช้สิ่งที่มีอยู่รอบๆ ตัว อย่างที่คุณอ้วนทำ

จุดเริ่มต้นของเมี่ยงกลีบบัว

จุดเริ่มต้นของการทำเมี่ยง ต้องบอกว่า เธอได้ทำกินเล่นอยู่เป็นประจำกับครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งตอนแรกก็ใช้ใบทองหลาง ใบชะพลูปกติ แต่ด้วยแฟนของเธอเป็นคนต่างจังหวัด และกินกลีบบัวจิ้มน้ำพริกเป็นปกติอยู่แล้ว ประกอบกับเธอชอบดอกบัวเป็นทุน 

วันหนึ่งได้นำกลีบบัวมากินกับเมี่ยงคำแล้วเห็นว่าเข้ากันดี และที่บ้านได้ทำบุญ จึงทำเมี่ยงกลีบบัวถวายพระและได้ทำให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักกันได้กิน จนน้องที่สนิทได้นำไปลงในสื่อโซเชียลเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว จนเกิดเป็นความสนใจของใครหลายๆ คน 

“เอ้ย ซื้อที่ไหน บัวกินแล้วเป็นยังไง รสชาติเป็นยังไง กลีบบัวกินได้เหรอ นั่นนู่นนี่ เขาก็ถามเข้ามาในเฟซของน้อง จนน้องบอกว่ามีคนถามเข้ามาเยอะแล้ว ป้าทำขายเถอะ” คุณอ้วน เล่า

ในตอนแรกก็ปฏิเสธไป เพราะในการทำขายจะต้องมีอะไรอีกหลายอย่างตามมา ไม่ว่าจะเป็น ภาชนะที่ใส่ อุปกรณ์ วันแรกปฏิเสธ วันที่สองปฏิเสธ จนวันที่สาม เธอก็กลับมานั่งคิดกับแฟนว่าจะเอาอย่างไรดี เพราะมีหลายคนรอเมี่ยงของเราอยู่

“เราก็กลับมานั่งคิดว่า เออ หรือมันจะถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว พี่ก็คุยกับแฟนว่า เออพี่เอาไงดี จะทำไหม ถ้าทำก็ต้องหาอุปกรณ์ เขาก็บอก อะ ก็ลองดู” คุณอ้วน เล่า

จะบอกว่าตอนที่ตัดสินใจทำ ก่อนหน้านี้เคยได้ทำน้ำเมี่ยงให้กับคนคนหนึ่งชิม ซึ่งเขาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ของรายการอาหารรายการหนึ่ง เขาบอกว่า น้ำเมี่ยงอร่อย กินแล้วมันคล่องดี เธอจึงมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเมี่ยง ลูกค้ากลุ่มแรกเป็นเพื่อนของน้องซึ่งมีประมาณ 19-20 กล่อง ผลตอบรับถือว่าดีมากในวันแรก ได้รับคำชมว่า อร่อย ทำให้มีความมั่นใจกับตัวเองมากขึ้น และได้ทำต่อมาเรื่อยๆ แล้วก็มีคนสั่งต่อๆ กันมา 

ปัญหาที่แก้ได้

จะบอกว่าการทำร้านย่อมมีปัญหาตามมาเสมอ อยู่ที่แต่ละร้านจะมีการบริหารจัดการและรับมือกับมันอย่างไร อย่างคุณอ้วนก็พบเจอกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาของวัตถุดิบที่มีราคาเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่การรับมือกับลูกค้า 

ปัญหาช่วงแรกๆ อาจจะมีอยู่บ้างที่ลูกค้าไม่เข้าใจถึงราคาของสินค้า โดยคิดว่า ราคา 150 บาท แพงเกินไป แต่เมื่อได้ลองซื้อไป ก็จะเห็นว่าวัตถุดิบต่างๆ ที่เลือกใช้ คุ้มค่า คุ้มราคาที่ลูกค้าจ่ายไปจริงๆ จึงทำให้ผ่านไปได้ในเรื่องของราคา ซึ่งขายราคานี้มาตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงปัจจุบัน

อีกหนึ่งประเด็นในเรื่องของปัญหาคือ วัตถุดิบที่มีราคาเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกๆ เธอเครียดมากกับเรื่องวัตถุดิบ เพราะในบางช่วง บางอย่างมีราคาที่มากขึ้นกว่าเดิม แต่จะทำอย่างไรให้ขายแล้วได้กำไรในราคาแค่ 150 บาท เพราะเธอไม่ได้มีความคิดในเรื่องของการตลาดเลยสักนิด แต่ตั้งราคาตามทั่วไปที่เคยเจอ เมื่อวัตถุดิบมีความผันผวนไป ในแต่ละหน้า ในแต่ละฤดู จึงทำให้มีราคาแพงขึ้น 

ในปีแรกก็พบเจอกับปัญหาวัตถุดิบนี้ จากกำไรที่เคยได้ เมื่อของแพง กำไรก็ลดลงอย่างน่ากลัว เธอจึงไปคุยกับพ่อค้าที่ขายหอมจากศรีสะเกษ เขาบอกว่า ของมันขึ้นตามหน้าของมัน เดี๋ยวมันก็จะลงมา จากประสบการณ์ปีแรก ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ จนทำมาตอนนี้ 6 ปีกว่าแล้ว

ทำไมถึงขายได้เยอะมากขนาดนี้?

ต้องบอกว่าลูกค้าเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวนของคุณอ้วน มีเยอะมาก และกลุ่มลูกค้าไม่ใช่เป็นเพียงคนสูงวัยเท่านั้น แต่เป็นคนทุกช่วงวัยเลยก็ว่าได้ เพราะในบางครั้งพ่อแม่ซื้อไป แต่ลูกก็กินด้วย และด้วยตัวเมี่ยงสามารถเลือกใส่ได้เองตามใจชอบ เด็กๆ จึงสามารถกินได้ 

และด้วยตัววัตถุดิบที่มีความสะอาด สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า การเลือกวัตถุดิบก็ใช้ของดี อย่างกลีบบัว ก็ใช้กลีบบัวที่มีอยู่ในสวนที่บ้าน ปลอดสารพิษแน่นอน หรือถั่วอย่างทั่วไปก็ใช้ถั่วลิสงธรรมดา แต่ร้านของเธอใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างมาก ในส่วนของน้ำเมี่ยง ก็เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งปรับมาจากสูตรของครอบครัว ทำให้มีความคงที่ และอร่อยทุกกล่อง และที่สำคัญ ราคาก็เข้าถึงง่าย เพียงกล่องละ 150 บาท ถึงแม้ในบางครั้งวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น แต่ราคาของเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน ยังคงเท่าเดิม 

“พี่ว่าอย่างหนึ่งของพี่ที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ มันคือในเรื่องของความสะอาด เราต้องทำในเรื่องของอาหารนะ มันต้องทำเหมือนกับเรากินเอง พี่กินยังไงพี่ก็ทำให้ลูกค้าอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้” คุณอ้วน กล่าว

นอกจากที่จะทำเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวนแล้ว เธอยังได้ต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ โดยใช้น้ำเมี่ยงเป็นตัวหลักในการทำ ด้วยที่ลูกค้าแนะนำมา เลยนำมาต่อยอดเป็น กระท้อนทรงเครื่อง ซึ่งทำมาร่วม 3 ปีแล้ว แต่กระท้อนทรงเครื่องจะทำเฉพาะฤดูกระท้อนเท่านั้น คือช่วง พฤษภาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่กระท้อนอร่อยที่สุด

รายได้ที่มากกว่าเงินเดือน

จะบอกว่า ร้านเมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน ไม่ได้มีหน้าร้าน ขายออนไลน์อย่างเดียว แต่ด้วยความโชคดี เพราะคนที่เคยซื้อไปก็จะไปฝากให้กับคนอื่นๆ เป็นเสมือนการบอกต่อ ทำให้คนรู้จักแล้วกลับมาสั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้จะไม่มีหน้าร้านแต่รายได้ของการขายเมี่ยงนี้บอกเลยว่า คุ้มค่าจริงๆ เพราะรายได้ต่อเดือนได้มากกว่าเงินเดือนของงานประจำเสียอีก ถึงแม้จะเป็นอาชีพเสริมแต่รายได้ถือว่าตั้งหลักได้ดีเลยทีเดียว เพราะยอดสั่งซื้อต่อวันเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 50 กล่อง ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นการสั่งไว้ล่วงหน้า เพราะบางคนก็สั่งไปจัดเลี้ยง เป็นของฝาก หรือสั่งไปกินเอง แต่บอกเลยว่าสั่งไว้ล่วงหน้าได้กินแน่นอน 

ฝากไว้ให้คุณ

“ต้องบอกว่าธุรกิจอาหาร มันก็หลายคนที่ทำ บางคนอยู่ยั้งยืนยง บางคนมาแล้วก็ไป ณ ตอนนี้พี่ประสบความสำเร็จในมุมของพี่ เราจะต้องมีความตั้งใจที่จะทำมัน ตั้งใจในทุกเรื่อง ตั้งใจในเรื่องของการหาวัตถุดิบ ตั้งใจในการที่จะทำทุกอย่างให้มันออกมาดี และก็มีความซื่อสัตย์ในการทำ และให้มีความขยัน และอดทน บางอย่างต้องใช้เวลาในการที่มันจะดำเนินต่อไปในระดับที่ดี เอาปัญหาอุปสรรคมาเป็นแรงผลักเราในการที่เราจะก้าวไป” คุณอ้วน กล่าว

 

สุดท้ายนี้ ใครสนใจอยากลองลิ้มรสของเมี่ยงกลีบบัว สามารถสั่งซื้อได้เลยที่ 

Facebook : เมี่ยงกลีบบัวบ้านสวน

Line : @lotus881

โทร. : 065-619-9654

เผยแพร่แล้วเมื่อ: 12 ก.ย. 2023