เบียร์คราฟต์ สุราก้าวหน้า โลกใบใหม่ของ SMEs เตรียมปังในตลาดโลก

เบียร์คราฟต์ สุราก้าวหน้า โลกใบใหม่ของ SMEs เตรียมปังในตลาดโลก

ถ้าให้นึกภาพหรือนึกชื่อสุราในชุมชนบ้านเกิด หรือแม้แต่ในประเทศตัวเองว่ามีอะไรบ้างก็คงต้องบอกว่า ตอบไม่ได้เลยจริงๆ จนเมื่อเกิดกระแสเรื่องสุราก้าวหน้าฟีเวอร์ ทำให้ต้องมานั่งหาข้อมูลว่าในประเทศไทยยังมีผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นชุมชนอย่างนี้อยู่ที่ไหน

เช่นเดียวกับ คุณบอย-เอนก มงคลวุฒิเดช หนึ่งในผู้ปลุกสร้าง คราฟต์เบียร์ไทย ในยุคเริ่มแรกของวงการ เป็นอดีตโปรแกรมเมอร์ กับทั้งเป็นผู้ซึ่งเคยปฏิเสธของมึนเมา ที่ผันชะตาชีวิตดูแลกิจการร้านขายส่งเบียร์ของที่บ้าน จนสุดท้ายกลายเป็นผู้เสพ ผู้ผลิต ผู้แนะนำ และผู้จำหน่าย ครบวงจร

การต่อต้านของคุณบอย บอกจริงจังว่า พุทธศาสนา สอนเรื่องของศีล 5 แล้วเห็นตัวอย่างหลายรายดื่มแล้วโวยวาย กักขฬะ จึงรู้สึกไม่ชอบ แต่เมื่อจะมารับบทบาทคนขายเบียร์ ก็ต้องรู้จัก สามารถอธิบายจุดเด่น จุดดี ของสินค้าที่จะขายให้ได้ จึงหัดชิม หัดดื่ม กระทั่งตระหนัก เบียร์นั้น ไม่ได้เป็นปัญหา พฤติกรรมของคนดื่มต่างหากที่เป็นปัญหา

“เพื่อนของน้องเขย มาบอกจะนำเข้าเบียร์มาขายในเมืองไทย แต่ไม่มีคนช่วยและไม่มีตลาด น้องเขยจึงมาถามจะไปช่วยขายไหม แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักเบียร์ แอนตี้เบียร์ แต่ตอบกลับไปว่า เอามาก็ได้” คุณบอย ย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่ม

คุณบอย นำบริษัท ยัมมี่ เฮาส์ เป็นผู้จัดจำหน่าย เบียร์นำเข้าอยู่หลายปี เกิดมีปัญหาเรื่องการปรับภาษีใหม่ จึงเลิกขายเบียร์นำเข้าดังกล่าวไป แต่ทางบริษัท ขอใบอนุญาตจำหน่ายสุราไปแล้ว และต้องเสียค่าใบอนุญาตปีหนึ่งเป็นหมื่นบาท จึงรู้สึกเสียดาย สุดท้ายก็ได้เป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับคราฟต์เบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งนับเป็นการเปิดโลก “งานศิลปะดื่มได้” ให้กับเขาเป็นครั้งแรก

จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์คนไทยกลุ่มหนึ่งรวมตัวกัน และเรียกตัวเองว่า ขบวนการเสรีเบียร์ ไปต้มเบียร์ที่เมืองนอก ก่อนจะนำกลับเข้ามาขายในเมืองไทย และพวกเขาต้องการคนช่วยกระจายสินค้า

“อยากช่วยคนไทยขาย เพราะพวกเขาทำเบียร์ดีมาก แต่อาจไม่ชำนาญในเรื่องขนส่ง การขาย และถ้าเรารับคราฟต์เบียร์คนไทยกลุ่มนี้มาขาย ก็เท่ากับว่าสามารถขายไปทั่วประเทศ ตลาดเปิดกว้างมากขึ้น จะไม่ถูกบล็อกอยู่แค่ภาคตะวันออกเหมือนก่อนหน้านี้ เลยตกลงร่วมธุรกิจกับขบวนการเสรีเบียร์ โดยที่ตอนนั้นยังไม่ทราบเลยว่าจะขายได้ไหม” คุณบอย อธิบายอย่างนั้น

ขอให้ย้อนประสบการณ์แรก สมัยไปเป็นผู้จัดจำหน่ายคราฟต์เบียร์ไทย ราว 4-5 ยี่ห้อ ของขบวนการเสรีเบียร์ คุณบอย เล่าว่า มีหลายคนชอบว่าไปต้มเมืองนอก แล้วบอกว่าเบียร์ไทยได้ยังไง ก็ต้องอธิบายว่า ให้ดูที่เจ้าของสินค้าเป็นใคร มีต้นกำเนิดจากไหนมากกว่าดูสถานที่ผลิต ซึ่งช่วงเวลานั้น ต้องยอมรับคราฟต์เบียร์เมืองไทยขายยากมาก แทบไม่มีใครรู้จัก

“เดินไปถึงปุ๊บ ส่วนใหญ่เจ้าของร้านบอกว่า วางไว้เลยน้องเดี๋ยวพี่ชิม พอได้ชิมก็หายบ้าง ติดต่อมาบ้าง บางทีหิ้วไปชิมกับลูกค้าทีละ 12 ขวด ต้นทุนในการชิมแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าพันบาทแทบทุกร้าน ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะขายได้หรือเปล่า ปีแรกๆ เสียตัวอย่างเป็นร้อยลังเลยนะ ดูเหมือนขายได้เยอะ แต่กำไรก็ไม่ได้เยอะแยะ เพราะเราควักกระเป๋าจ่ายกันเอง เรื่องนี้ส่วนใหญ่เจ้าของเบียร์ไม่ค่อยทราบ” คุณบอย เล่าออกรส

ยอดขายลุ่มๆ ดอนๆ อยู่พักใหญ่ กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนในราวปี 2560 จากเหตุการณ์ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ขณะนั้นอายุราว 28 ปี เป็นบัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาผลิตคราฟต์เบียร์ เพราะความชื่นชอบและขายให้กลุ่มเพื่อน กระทั่งเขาถูกตำรวจและสรรพสามิตจังหวัดนนทบุรีจับกุม และศาลแขวงนนทบุรีตัดสินให้รอลงอาญา

“หลังจากคุณเท่าพิภพ โดนจับ พอวันรุ่งขึ้น ออร์เดอร์เข้ามาเยอะมากๆ จนพวกผมทำงานกันไม่ทันเลย ตอนนี้เลยภาวนาอย่างมาก ให้เขาโดนจับอีกครั้ง เราจะได้ขายของดีขึ้น” คุณบอย เล่าก่อนหัวเราะร่วน

และบอกว่า ปัจจุบัน สถานการณ์ คราฟต์เบียร์ไทย ดีกว่าเดิมมาก ขายง่ายขึ้น ตลาดมีความต้องการเป็นวงกว้าง ล่าสุดเขาจึงมีความคิดผุดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ อย่าง พาทัวร์ร้านอาหารเด่นๆ ที่ขายคราฟต์เบียร์ไทย หรือพาเยี่ยมชมโรงต้มเบียร์ของคนไทย

“สถานการณ์คราฟต์เบียร์ไทย ผมว่าถึงจุดเปิดแล้ว อนาคตอันใกล้จะมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกเยอะ กระแสบริโภคคราฟต์เบียร์ไทยไม่เหมือนในสมัยก่อน ที่ผมไปขายต้องเล่าเรื่องให้ร้านอาหารเป้าหมายฟังว่าคราฟต์เบียร์คืออะไร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้วผมรู้สึกภูมิใจที่มีส่วนผลักดันให้คราฟต์เบียร์ไทย มีที่ยืนบนฐานที่แข็งแรง”