รถชนเปลี่ยนชีวิต สร้าง “Rain Forest Resort & farm” อยู่กับธรรมชาติ ชีวิตดี มีความสุข

Rain Forest Resort & farm” ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ โดยด้วยความตั้งใจที่ต้องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นมิตร ที่นี่จึงไม่เคยหยุดที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อดูแลธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความจำเป็นของการออกแบบบ้านพักให้ผสมผสานกลมกลืนกับสรรพสิ่งในธรรมชาติที่มีอยู่แต่เดิมด้วยความรักและเอาใจใส่

คุณณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ Rain Forest Resort เกริ่นให้ฟัง ก่อนจะเล่าเพิ่มเติมว่า “ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเป็นตัวอย่างการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้กับชุมชน เยาวชน และนักท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นตัวอย่างให้กับชุมชน เรื่องของปศุสัตว์ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ การใช้พลังงานทดแทน การคัดแยกขยะ การทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกป่าแบบผสมผสานเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางใช้ทรัพยากรธรรมชาติ”

เพราะประสบอุบัติเหตุ

ได้ฤกษ์มาอยู่ จ.พิษณุโลก

คุณณัฐวัฒน์ ย้อนความหลังให้ฟังว่า “ผมเป็นคนจังหวัดราชบุรี ก่อนหน้าที่จะได้มาอยู่ที่นี่ ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เชียงราย และได้เดินทางมาพักฟื้นร่างกายที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว จุดเปลี่ยนของชีวิตก็อยู่ตรงที่ได้มาพักฟื้นร่างกายที่นี่ จึงตัดสินใจที่จะอยู่ และพัฒนาที่ดินให้เหมาะกับธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้ไปโดยปริยาย  สิ่งที่ทำให้เอาชนะความเจ็บป่วยมาได้ก็ด้วยเหตุผลว่า หมอบอกเราทุกวันว่า เราทำงานไม่ได้ แต่เราอยากสร้างชีวิตให้มีคุณค่า ไม่ใช่แค่อยู่ไปวันๆ เหมือนผักปลา จึงพยายามจะฟื้นร่างกายตัวเอง โดยทำประโยชน์ให้กับตนเอง และยังสามารถสร้างประโยชน์ให้คนอื่นด้วย มันคงจะดีกว่าการที่มีเงินมากมาย การที่หาเงินเยอะๆ แล้ววันหนึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้ จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของการสร้างรีสอร์ต Rain Forest Resort

โดยมีแนวคิดมาจากการให้ความสำคัญ 4 ประการ คือ

  1. รีสอร์ตยังผลิตขยะอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากอาหารเหลือ อย่างเศษผัก ขวดพลาสติกต่างๆ กระดาษ เราต้องจัดสรรสิ่งเหล่านี้ให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำเอากลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
  2. คนไทยเป็นโรคมะเร็งกันเยอะมาก ทั้งจากปัจจัยหลายอย่าง การทานอาหาร การใช้ชีวิต จึงอยากทำแปลงปลูกผักอินทรีย์เพื่อให้ได้อาหารที่ปลอดสารพิษเพื่อใช้บริโภคในรีสอร์ต
  3. พลังงานที่เหลือใช้ทิ้งเยอะมากในรีสอร์ต ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากสิ่งเหลือใช้ในรีสอร์ต กิ่งไม้ต่างๆ เลยลองคิดเอามาเผาทำถ่านได้ไหม หรือแปรรูปพลังงานจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่งได้หรือไม่ และอย่างสุดท้ายคือ
  4. ความพอเพียง โดยแนวคิดดังกล่าวได้มาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เริ่มศึกษาจากการไปเข้าร่วมอบรมกับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งใช้เวลาดูงาน 1 ปี ก่อนจะนำเอามาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเรา”

ตัวอย่าง กิจกรรมที่ Rain Forest Resort ทำ ก็เช่น เลี้ยงปลา ทำบ่อไส้เดือนดิน เลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงเป็ด สิ่งหนึ่งก็เพื่อย่อยพวกเศษอาหารอย่างเศษผัก มีโรงเพาะเห็ด ใช้พลังงานทดแทนอย่างไบโอดีเซล เตาเผาถ่าน น้ำหมักชีวภาพ เตาเผาแกลบดำ ปุ๋ยหมักชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ ฮอร์โมนไข่

ทั้งทำผลิตภัณฑ์ใช้ภายในรีสอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ครีมอาบน้ำ แชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า ยาหม่อง พิมเสนน้ำ ตระไคร้หอมกันยุง ผักผลไม้อินทรีย์ และตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งการปลูกผักสวนครัวต่างๆ สำหรับใช้เองในส่วนร้านอาหาร ผลิตภัณฑ์แปรรูป ชาสมุนไพรรสต่างๆ เช่น อัญชัน ใบเตย หม่อน ทุเรียนเทศ มะรุม รางจืด เป็นต้น ที่สำคัญพื้นที่ของรีสอร์ตใช้การปลูกป่า ตามแนวคิดป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างอีกด้วย

กิจกรรมสร้างสรรค์

รางวัลการันตีเพียบ

ตั้งแต่เริ่มต้นทำ Rain Forest Resort มาตั้งแต่ปี 2553 คุณณัฐวัฒน์ ก็ตั้งใจที่จะทำให้รีสอร์ตเป็นแหล่งเรียนรู้ถึงการทำธุรกิจอยู่ร่วมกับธรรมชาติไปด้วย โดยที่นี่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเป็นตัวอย่างการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับชุมชน เยาวชน และนักท่องเที่ยว และเป็นตัวอย่างให้กับชุมชน เรื่องของปศุสัตว์ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ การใช้พลังงานทดแทน การคัดแยกขยะ การทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกป่าแบบผสมผสานเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อลดการใช้สารเคมี และสามารถช่วยผลิตพลังงานทดแทนได้

ทั้งยังต้องการปลูกจิตสำนึกให้กับชุมชนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว โดยจัดฝึกอบรมหลักสูตร “การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจ” ด้วยเหตุผลของคุณณัฐวัฒน์ที่ว่า แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเกษตรกรเพียงอย่างเดียวอย่างที่เข้าใจกัน แต่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นยาจกหรือมหาเศรษฐี ก็สามารถนำหลักแนวคิดมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจได้ด้วย

“ด้านสถานที่ของ Rain Forest Resort มีพื้นที่ทั้งหมด 7 ไร่ ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน ในการจัดสรรรีสอร์ตเพื่อให้มีพื้นที่ปลูกป่า ปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์ได้ เพื่อทำให้พื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนที่สนใจเข้ามาศึกษา เรียนรู้ และนำเอาผลผลิตมาใช้ในรีสอร์ตเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงานภายในรีสอร์ตด้วย อีกทั้งที่นี่เปิดให้เข้าฟรีด้วย ซึ่งระบบนี้ 1-3 ปีแรก จะยังไม่คืนทุน” คุณณัฐวัฒน์ บอก พร้อมกับบอกต่อว่า

นอกจากนี้ Rain Forest Resort ยังเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำหรับการล่องแก่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก โดยเริ่มจากชวนพนักงานในรีสอร์ตไปเก็บขยะ ดูแลรักษาลำน้ำก่อน หลังจากนั้นได้ชักชวนผู้ประกอบการต่างๆ ชาวบ้านในชุมชน ตลอดจนเด็กนักเรียนจากโรงเรียภายในละแวกใกล้เคียง มาทำกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเก็บขยะตามสถานที่ท่องเที่ยว น้ำตก รวมถึงให้ความรู้และจัดอบรมเรื่องการจัดการขยะให้แก่สมาชิกชมรมและชุมชน

อีกทั้งยังพยายามฟื้นฟูคุณภาพของลำน้ำเข็ก และอนุรักษ์สัตว์หายาก เช่น แมงกะพรุนน้ำจืด ปลา และสัตว์อื่นๆ ที่เป็นสัตว์ตามธรรมชาติในพื้นที่ ให้คงอยู่ด้วย

จากการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Rain Forest Resort ได้รับรางวัลมากมาย ทั้งยังได้รับมาตรฐานออร์แกนิก ไทยแลนด์ ในการปลูกพืชผลทางการเกษตร ในชื่อ Rain Forest Farm always organic และได้รับรางวัลอีกมากมาย  อาทิ การเข้าร่วมโครงการโรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ จัดโดย มูลนิธิใบไม้สีเขียวและ สสส. ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน  ได้รับประกาศเกียรติบัตรจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เมื่อ วันที่ 8 มิถุนายน 2555 ชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก ได้รับประกาศเกียรติคุณจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปศึกษาดูงานได้ที่ เลขที่ 42 หมู่ 9 ถนนมิตรภาพ ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก 65220 โทรศัพท์ (055) 293-085-6 หรือเข้าไปดูรายละเอียดรีสอร์ตได้ที่  www.rainforestthailand.com Facebook : Rain Forest Resort, Rain Forest Farm, Khek River Club