นิตยาไก่ย่าง เปลี่ยนสู่ รุ่นลูก ปั้นอาณาจักรอาหาร ให้มีครบทั้ง คาว-หวาน การันตี อร่อยเหมือนเดิม!

หากพูดถึงร้านอาหารอีสานอร่อยๆ ที่มี ไก่ย่าง เป็นเมนูที่ใครก็ห้ามพลาดแล้วล่ะก็ เชื่อว่า นิตยาไก่ย่าง คงเป็นหนึ่งในชื่อร้านที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคนเป็นชื่อแรกๆ เป็นแน่แท้

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ พาไปคุยกับ คุณเบนซ์-ภเดช กันตจินดา กรรมการบริหาร ร้านนิตยาไก่ย่าง รุ่นที่ 2 ถึงที่มาที่ไปและการเข้ามารับช่วงบริหารร้าน โดยคุณเบนซ์ เล่าว่า แรกเริ่มเดิมที นิตยาไก่ย่าง เป็นร้านห้องแถวเล็กๆ ขนาดประมาณ 70 ตร.ว. ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดยครอบครัวลักษณวิสิษฐ์ ครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ที่มีใจรักในอาหารอีสาน

“ตอนเปิดกิจการแล้ว ผลตอบรับจากลูกค้าก็เรียกว่าดีเลยครับ จากนั้นก็เป็นที่รู้จักมาเรื่อยๆ เพราะมีหม่อมถนัดศรี และ เชฟหมึกแดง ตามมาทานแล้วรีวิวให้ ทีนี้ลูกค้าก็ตามมาทานกันเยอะแยะเลยครับ จนต้องปิดร้าน เพื่อมาเปิดเป็นสแตนด์อโลน ที่พระนั่งเกล้า จากนั้นผมก็เข้ามาช่วยดูต่อ ก็เริ่มขยายสาขามาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีสาขากว่า 25 สาขา กระจายทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล และก็ปรับเปลี่ยนระบบใหม่ คิดเมนูใหม่ๆ ปัจจุบันก็เรียกว่า นิตยาไก่ย่าง ดำเนินธุรกิจมาได้กว่า 22 ปีแล้วครับ”

“ตอนเข้ามาทำร้านต่อ ก็ต้องมาเรียนรู้กับพี่ๆ พนักงานที่เขาทำมาก่อนครับ เรียกว่าทำการบ้านค่อนข้างเยอะเลย แม่จะชอบพูดเสมอว่า เวลาแม่ทำร้าน แม่จะทำด้วยความรู้สึก เพราะจุดเริ่มต้น ท่านก่อตั้งร้านเพราะชอบทานอาหารอีสาน ท่านไปชิมมาทุกร้านก็ยังไม่ถูกใจ จนเอามาปรับเองจนได้อาหารอีสานรสกลางๆ ที่กินได้ทุกเพศทุกวัย แต่พอเป็นรุ่นเรา เราจะตัดสินใจจากข้อมูลในมือ จำนวนสาขา และความเห็นของลูกค้าต่างๆ” คุณเบนซ์ ว่าอย่างนั้น

นอกจากนั้น เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 ยังเล่าต่อว่า ตลอดเวลา 22 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา จุดแข็งของร้านแน่นอนว่าเป็นเรื่องของ เมนูอาหาร ซึ่งร้านมีครัวกลางในการผลิตและส่งให้ร้านนิตยาทุกสาขา ทำให้ รสชาติอาหารมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทานที่สาขาไหนก็รสชาติเหมือนกัน และยังมีการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าทุกอย่าง โดยมีผู้จัดการร้านประจำเขตนั้นๆ คอยควบคุมดูแล

“เมนูของที่ร้าน มีกว่า 200 เมนู แน่นอนว่าเมนูยอดนิยม ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่ร้าน คือ ไก่ย่าง ซึ่งวันๆ หนึ่ง เราใช้ไก่เยอะมากครับ ทำให้เรามีการเน้นคัดเลือกตั้งแต่การเลือกว่าจะใช้สายพันธุ์ไหน ซึ่งเราใช้ไก่บ้านผสมกับพันธุ์ปกติ ที่สั่งมาจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานที่ทำการค้ากันมานานหลายปี และเราก็ไม่หวงเครื่องในการหมัก ทำให้เนื้อไก่ที่ร้านเรามีรสสัมผัสที่พอดี ไม่แห้ง ไม่แฉะจนเกินไป ถือเป็นเสน่ห์ของไก่ย่างแบบอีสาน นอกนั้นก็มีอีกหลายเมนูที่ลูกค้าชื่นชอบ อย่าง ส้มตำไทย ส้มตำไทยไข่เค็ม ยำปลาดุกฟู และตำหลวงพระบาง เป็นต้น” คุณเบนซ์ ว่าอย่างนั้น

นอกจากเรื่องของอาหารแล้ว คุณเบนซ์ ยังเล่าว่า เขาให้ความสำคัญกับเรื่อง การตลาด เป็นอย่างมาก โดยในช่วงที่ผ่านมา ร้านให้ความสำคัญกับการเพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้าไปเป็นตัวเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น ทั้งที่หน้าร้านและ การสั่งซื้อออนไลน์ เพราะเมื่อโควิด-19 แพร่ระบาด ลูกค้าก็หันมาใช้บริการดีลิเวอรี่กันมากขึ้น และชื่นชอบการจัดโปรโมชั่นในการซื้อทางออนไลน์ ซึ่งทางร้านมีการเก็บข้อมูลและนำมาปรับการจัดโปรโมชั่นด้วย

“ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะมีเมนูใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าเลือกมากมายครับ ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ที่เราให้ความสำคัญ เพราะปัจจุบัน ลูกค้าเราเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาใช้บริการกันมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนจะเป็นกลุ่มครอบครัวเสียมากกว่า มันทำให้แบรนด์นิตยาไก่ย่าง มีคาเฟ่เพิ่มเข้ามาด้วย เน้นขายเมนูกาแฟสด เครื่องดื่มประเภทปั่นและเฟรปเป้ ให้ลูกค้ารู้สึกไม่น่าเบื่อ”

“และในเรื่องของโปรโมชั่น เราก็มีการเข้าร่วมกับผู้ให้บริการหลายๆ เจ้านะครับ หนึ่งในนั้นก็คือ KTC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเจ้าหนึ่งที่มีความสม่ำเสมอในเรื่องของโปรโมชั่น ทำให้คนเกิดภาพจำว่า ถ้าจะใช้บัตรเครดิตในร้าน ถ้าเป็นของ KTC จะได้โปรโมชั่นที่พิเศษกว่า เรียกว่าร้านแฮปปี้ ลูกค้าก็แฮปปี้ครับ ที่ได้พอยต์ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการใช้จ่าย”

“ในอนาคตก็วางแผนเอาไว้ว่า ภายในเวลาอีก 3 ปี นิตยาไก่ย่าง เราจะขยายสาขาไปตามหัวเมืองในต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่ก็ดูระบบอะไรหลายๆ อย่างอยู่ และก็อยากจะลองทำร้านให้เล็กลง อาจจะเป็นคีออส จัดเมนูให้ลูกค้าซื้อง่ายขึ้น เหมาะกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในปัจจุบัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เราเรียนรู้แล้วว่า ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพราะเวลาที่หากสั่งปิดอีก เราจะมีเวลาจัดการกับวัตถุดิบที่เราสต๊อกเอาไว้ยังไง คนทำร้านอาหาร มันหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว” คุณเบนซ์ ทิ้งท้ายอย่างนั้น

สอบถามเพิ่มเติมที่ เฟซบุ๊ก นิตยาไก่ย่าง (Nittaya Kai Yang Restaurant)

เผยแพร่เมื่อ 13 ธันวาคม 2565