รสดีเด็ด มรดกร้านที่พ่อสร้าง สู่ จักรวาลร้านอาหาร ที่ใครๆ ก็พูดถึง!

รสดีเด็ด มรดกร้านที่พ่อสร้าง สู่ จักรวาลร้านอาหาร ที่ใครๆ ก็พูดถึง!

หากใครชื่นชอบการทาน เนื้อวัว แล้วล่ะก็ เชื่อว่า รสดีเด็ด เป็นร้านในตำนานที่ถูกพูดถึงกันมากร้านหนึ่ง ซึ่ง รสดีเด็ด เติบโตมาจากการเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณนพ-สิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 ถึงที่มาที่ไปของร้านอันเป็นมรดกตกทอดจากคุณพ่อผู้เป็นที่รัก สู่ อาณาจักรเนื้อแบบครบวงจรในปัจจุบัน

คุณนพ-สิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจ้าของร้านรุ่นที่ 2

คุณนพ หรือ เฮียนพ เล่าว่า ร้านรสดีเด็ด เดิมที่เป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ที่ก่อตั้งโดย คุณพ่อเล็ก ภัทรพุทธากร เมื่อปี 1965 นับๆ แล้วปัจจุบัน ร้านมีอายุกว่า 57 ปีเลยทีเดียว ซึ่งคุณพ่อเล็กได้แรงบันดาลใจในการเปิดร้านมาจากการที่ตัวเองนั้นเป็นคนชอบกิน จึงศึกษาหาความรู้เรื่องอาหารเรื่อยมา และมีความฝันอยากจะทำร้านอาหารเป็นของตนเอง

ก๋วยเตี๋ยว จาก ร้านรสดีเด็ด

กระทั่งโดนเกณฑ์ให้ไปประจำการเป็นทหารร่วมรบในสงครามเกาหลี และเมื่อปลดประจำการมา ก็เดินหน้าทำตามฝัน เปิดร้านก่วยเตี๋ยวเนื้อ รสดีเด็ด ขึ้น เพราะคุณพ่อเล็กเล็งเห็นว่า ในสมัยเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว อาหารประเภท ก๋วยเตี๋ยว ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ในวงการอาหารเมืองไทย จึงเลือกที่จะทำร้านก๋วยเตี๋ยว โดยทำการวิเคราะห์และวิจัยสูตรเอง จนกลายเป็นรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน รสดีเด็ด ในที่สุด

ก๋วยเตี๋ยว จากร้านรสดีเด็ด

“พอมาถึงรุ่นผม ก็เป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งจริงๆ ผมเรียนจบคนละสายกับการทำร้านอาหารเลยนะ เวลามีคนถามว่า เรียนทำอาหารมาเหรอ เรียนมาจากไหน ก็จะบอกว่า เป็นประสบการณ์จากตอนเด็กๆ ที่ได้เข้าไปช่วยคุณแม่ทำอาหารในครัวบ่อยๆ เพราะเมื่อก่อนคุณแม่ทำข้าวแกงขายด้วย ก็เลยมีวิชาความรู้จากคุณแม่ติดมาตั้งแต่ตอนนั้น และด้วยความที่ผมเป็นคนคิดอะไรค่อนข้างนอกกรอบ ไม่เหมือนชาวบ้าน ก็เลยมีความสามารถในการแปลงอาหาร ทำให้มันต่อยอดออกมาได้ พอเข้ามาดูร้านต่อจากคุณพ่อ ผมก็เริ่มมีการพัฒนาต่อยอด”

รูปจาก ร้านรสดีเด็ด

“ประจวบกับโชคดีที่คุณพ่อสร้างมาดีมาก เลยทำให้ร้านรสดีเด็ดมีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างเหนียวแน่น และพอผมมาทำต่อ มันก็เป็นยุคที่วิทยาศาสตร์ทางการเกษตรมันทันสมัยขึ้นมาแล้ว นักวิชาการ เกษตรกรก็เก่งกันขึ้น ทำให้ ประเทศไทยเรามีวัตถุดิบดีๆ มากขึ้น รสดีเด็ดเราใช้เนื้อวัวไทย ซึ่งเรามีการทำงานร่วมกับเกษตรกรจังหวัดบุรีรัมย์และนักวิชาการเก่งๆ อีกหลายท่านที่ช่วยพัฒนาปรับปรุงสายพันธ์ุวัวให้เนื้อวัวออกมาดี ซึ่งร้านเรามีก๋วยเตี๋ยวเนื้ออยู่แล้ว ทีนี้ก็เริ่มมีการอาบน้ำเนื้อ ให้เป็นเนื้อพรีเมี่ยม ให้คนได้มีตัวเลือกในการทานมากขึ้น”

รูปจาก ร้านรสดีเด็ด

“จากนั้นก็มาคิดว่า แล้วรสดีเด็ด เราจะทำอะไรต่อดี เพราะผมก็อยากให้แบรนด์ที่คุณพ่อสร้างมามันแข็งแรง อยู่ไปนานๆ และอยากมีสินค้าที่หลากหลายออกไปสู่ท้องตลาดมากขึ้น ก็เลยไปได้ไอเดียในการนำเนื้อวัวไทยมาทำ ปิ้งย่าง เลยต่อยอดออกมาเป็นร้าน รสดีเด็ดปิ้งย่าง ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์ที่ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าที่ดีเลย จากนั้นก็มานั่งคิดๆ ต่อ เราจะทำอะไรกับเนื้อวัวได้อีก ให้มันเป็นที่สุดของที่สุดที่นำเนื้อวัวมาทำ มันก็ออกมาเป็น สเต๊กเฮ้าส์ ก็เลยขยายไลน์ ผุด รสดีเด็ด เดอะ สเต๊กเฮ้าส์ ขึ้นมาอีกแบรนด์ ให้ตอบโจทย์ลูกค้า วัวตัวหนึ่ง ผมก็จะแบ่งพาร์ทเลยว่า ชิ้นส่วนหลักอยู่ร้านสเต๊ก ชิ้นส่วนรองอยู่ร้านปิ้งย่าง และร้านอื่นๆ เลยเป็นเหตุผลที่ รสดีเด็ด มีหลายร้าน เพราะเราเอาเกษตรกรเป็นที่ตั้ง จนบางคน เขาก็เรียกร้านเราว่า จักรวาลรสดีเด็ด” คุณนพ เล่าอย่างนั้น

รูปจาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นอกจากนั้น เจ้าของร้านรุ่น 2 ยังเผยอีกว่า สำหรับตนแล้ว ร้านรสดีเด็ด เปรียบเสมือน ห้องทดลองขนาดใหญ่ ในการทำวิจัยสินค้าที่ผลิตหรือแตกไลน์ออกมา หรือเป็นกระทั่งห้องคิดค้นเทคนิคในการทำอาหารและรสชาติที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค มีการทดลอง วิจัย เก็บสถิติ เพื่อนำมาพัฒนาแบรนด์ รสดีเด็ด ให้แข็งแรงและเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อโอกาสมาถึง

“การจะทำร้านอาหารให้มีหลายๆ ไลน์ หลายๆ แบรนด์แบบนี้ ผมบอกเลยว่า จะต้องมี ความรัก รักในร้าน รักในการทำอาหาร รักในอาชีพของตัวเอง เพราะถ้าเรามีความรัก ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ยังไงเราก็มีความสุข แต่ลึกๆ แล้ว หลังบ้าน มันก็จะมีความวุ่นวายอยู่ แต่อย่างที่ผมบอก เราจึงต้องรักในธุรกิจที่ทำ รักในลูกค้า รักในสิ่งที่ทำ มันจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความจริงใจ พอเราใส่อะไรเข้าไป ซึ่งมันมาจากใจ ยังไงคนรับเขาก็รู้สึกได้”

รูปจาก ร้านรสดีเด็ด

“แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในทุกวันนี้และผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีเลยคือ การเป็นนักวิจัยและพัฒนา เพราะนอกจากเป็นเจ้าของร้านแล้ว ทำอาหารได้อร่อยแล้ว ผมยังเป็นนักวิจัยตัวยงเลย ฉะนั้น ผมสามารถคิดเมนูใหม่ๆ ออกมาได้เสมอ แต่ในการที่จะสร้างเมนูออกมา เราก็ต้องดูด้วยว่า เทรนด์เป็นอย่างไร ทำออกมาแล้วตอบโจทย์ไหม ถ้าลูกค้าทานแล้วจะชอบ จะติดใจไหม ซึ่งเป็นจุดสำคัญเช่นกันนะ ในการทำธุรกิจ” คุณนพ ว่า

รสดีเด็ด เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่มีอัตราการเติบโตสวนทางกับสถานการณ์เศรษฐกิจในบ้านเรา เพราะในช่วงโควิดที่ผ่านมา เจอทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้วัตถุดิบต่างๆ ราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบนำเข้า ซึ่ง รสดีเด็ด เป็นร้านที่ทำงานอยู่กับเกษตรกรไทย จึงเรียกว่า แทบไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าร้านจะสยายปีกได้สวยหรูนักท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้

รูปจาก ร้านรสดีเด็ด

“โอ้โห ต้องยอมรับเลยว่า โควิดทำเราเหนื่อยมาก กว่าจะฝ่าฟันมันมาได้ สาขาที่ไปเปิดที่ มาเลเซีย ก็ปิดตัวลงไปแล้วครับ เพราะโควิดนี่แหละ นอกนั้นที่ฟิลิปปินส์ก็ยังไปได้ดีอยู่ครับและกำลังเตรียมเปิดสาขาที่ 2 ส่วนที่ลาว ประมาณต้นปี 66 ประมาณมีนาคม ร้านสาขาที่ 3 ก็น่าจะเสร็จเตรียมเปิดได้ครับ ก็เรียกว่าไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่ เรียกว่าเป็นธุรกิจที่ดีธุรกิจหนึ่ง ที่ช่วยสร้างชื่อให้คนไทยด้วย และสืบทอดปณิธานของคุณพ่อคุณแม่ผมด้วยที่อยากให้ร้านคงอยู่ไปนานๆ”

รูปจาก ร้านรสดีเด็ด

“ถามว่า ความสำเร็จของรสดีเด็ด จะไปถึงขั้นไหน ผมก็ยังตอบไม่ได้ แต่คิดว่าในอีก 2-3 ปี ก็อยากจะทำเป็นโรงงานขนาดใหญ่ เพื่อแปรรูปเนื้อวัวไทยดีๆ ส่งออกไปต่างประเทศบ้าง แล้วก็อยากจะทำเป็น ยูเนียนสโตร์ เข้าพวกช้อปปิ้งมอล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เชลฟ์ขายของอะไรพวกนี้ แล้วผมก็กำลังวิจัยสินค้าขึ้นมาอีกหลายตัวเลย เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวนี่แหละครับ แล้วก็พวกบะกุ๊ดเต๋ ติ่มซำเนื้อ ซาลาเปาหิมะไส้เนื้อไทยวากิว ประมาณนี้ ก็ต้องรอติดตามกัน ดังนั้น มูลค่าของรสดีเด็ด มันไม่สามารถบอกได้หรอกว่า จะไปได้ไกลแค่ไหน ธุรกิจนี้มันอาจจะขาดทุนหรืออาจจะมีกำไร มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น” คุณนพ ว่าอย่างนั้น

สอบถามเพิ่มเติม เฟซบุ๊ก Roddeeded / รสดีเด็ด by นพ