ร้านอาหารตามสั่ง ยอดนิยมแห่งปี “พี่กร” เคยเจ๊งมาก่อน 2 หน แต่ไม่ท้อ

ร้านอาหารตามสั่ง ยอดนิยมแห่งปี “พี่กร” เคยเจ๊งมาก่อน 2 หน แต่ไม่ท้อ

เชื่อว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน แทบทุกคนต้องรู้จัก “ร้านพี่กร” ม.เกษตร บางเขน ร้านอาหารตามสั่งชื่อดังรสเด็ดในซอยงามวงศ์วาน 54 ที่ข้ามสะพานลอยจากประตูงามวงศ์วาน 1 เข้าไปในซอยอีกประมาณ 10 นาทีถึง

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ร้านพี่กร มีข่าวดีครั้งใหญ่คือการได้รับรางวัล Merchant Popular Award หรือรางวัลร้านอาหารตามสั่งยอดนิยมแห่งปี จากเวที Academy Awards 2022 เวทีมอบรางวัลคนตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่ โดยแอพพลิเคชั่น Robinhood ฟู้ดดีลิเวอรี่

ในวันนี้ พี่กร-ชินกร จันทรมานะ เจ้าของร้าน จึงมาขอแชร์จุดเริ่มต้นของร้านว่ากว่าจะได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้ เขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง

“เริ่มทำงานแรกหลังเรียนจบ เป็นพ่อครัวที่ร้าน Xpress Teppanyaki ทำอยู่ 2 ปี รู้สึกรายได้ที่ได้ไม่พอเลี้ยงตัวเอง เลยลาออกมาทำอะไรเล็กๆ ของตัวเองเพราะคิดว่าชีวิตน่าจะดีขึ้น จึงเริ่มทำจากสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยก่อน นั่นก็คืออาหาร ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบมาไม่นาน เลยยังพอรู้อยู่ว่าเด็กมหา’ลัยอยากกินอะไร ปริมาณเท่าใด เรนจ์ราคาประมาณไหน วัตถุดิบประมาณไหน รสชาติแบบไหน” คุณชินกร เริ่มต้นอย่างนั้น

หลังจากลาออกจากงานประจำแล้ว เขาจึงเริ่มเส้นทางของการเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่เส้นทางดังกล่าวช่างขรุขระและยากลำบาก

คุณชินกร จันทรมานะ

“ร้านแรกที่เปิดราวปี 2556 ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง แต่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเริ่มต้นจากศูนย์ ตอนนั้นมีเงินทุนอยู่ก้อนหนึ่งสำหรับจ่ายค่าอุปกรณ์กับค่าเช่าร้าน แต่ไม่มีเงินค่าเช่าห้องพัก เลยใช้ร้านเล็กๆ ธรรมดาๆ นี่แหละเป็นทั้งที่ขายของและที่อยู่ไปในตัว ตอนกลางคืน ต้องกางมุ้งปูเสื่อนอนที่พื้นร้าน แต่ก็เจ๊งไป” คุณชินกร เล่ายิ้มๆ

ก่อนบอกต่อ ส่วนร้านที่สอง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ แต่ก็ต้องเจ๊งอีก เพราะมีตัวเลือกของเมนูอาหารให้กับนักศึกษาน้อย แล้วก็อยู่ในทำเลที่ไม่ดี แต่จะโทษทำเลอย่างเดียว ก็คงไม่ได้เพราะที่ผืนนี้ก็เป็นที่ตั้งของร้านอาหารตามสั่งพี่กรในปัจจุบัน

ถ้าคุณผู้อ่านลองแทนตัวเองเป็นพี่กรแล้ว เชื่อว่าหากเจอความล้มเหลวถึง 2 ครั้งก็อาจจะตัดสินใจล้มเลิกแล้วกลับไปสู่วงจรของมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิม แต่สำหรับพี่กรแล้ว พี่กรเชื่อว่าทุกๆ ปัญหาย่อมมีทางออก เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแก้ปัญหามากกว่าจมดิ่งกับความรู้สึก

“ตอนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ง มีความรู้สึกท้อแท้บ้างครับ เพราะใจอยากให้ได้ไปต่อ แต่สุดท้ายก็ใช้ความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้น้อยมากๆ มีแต่คิดที่จะหาทางออก หาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า กำลังใจจากตัวเองสำคัญที่สุด ทุกปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย ถ้าไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เราจะไม่มีโอกาสได้ลองทำอะไรใหม่ๆ” เจ้าของกิจการ ร้านพี่กร บอกอย่างนั้น

เมื่อโจทย์ คือ ความหลากหลายของเมนูอาหาร เขาจึงเริ่มปรับที่ผืนเดิมให้เป็นร้านอาหารตามสั่ง

แน่นร้าน

“ตอนทำร้านก๋วยเตี๋ยว จะแบ่งเงินเป็นส่วนสำหรับตัวเอง และเงินของธุรกิจจริงๆ กำไรของร้านก็ไม่ได้เยอะนะ แต่จะมีตั้งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินเดือนของตัวเองอยู่ เวลาใช้เงินจะได้ไม่เอาไปปนกับเงินส่วนอื่น ที่ทำแบบนี้เพราะเวลาขายของได้เยอะ อาจจะเผลอเอาเงินไปใช้เยอะ แต่จริงๆ แล้วอาจจะยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าที่ ค่านู่นนี่เลย ดังนั้น เลยแบ่งเงินของตัวเองออกมาจากเงินร้านไว้ดีที่สุด” คุณชินกร เผยเทคนิคส่วนตัว

และว่า ตอนที่ร้านเจ๊ง เลยเอาเงินเก็บจากเงินเดือนของตัวเองไปซื้อเตา ซื้อเครื่องมือทำมาหากินใหม่ เปลี่ยนแปลงตกแต่งร้านใหม่ พอเปลี่ยนจากธุรกิจหนึ่งไปอีกธุรกิจหนึ่งก็เลยยังพอไปต่อได้

ช่วงเวลานั้นเองจึงเป็นจุดที่ชื่อเสียงของ ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน ได้เริ่มต้นขึ้น

“ช่วงแรกๆ ร้านพี่กรก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักนะ โชคดีที่ช่วงนั้นเริ่มเปลี่ยนวัตถุดิบให้มีคุณภาพ เลยทำให้พอมีลูกค้าคนแรกๆ มากิน พวกเขาเลยชอบแล้วเอาชื่อของร้านพี่กรไปบอกต่อกันปากต่อปาก หลังจากนั้นก็มีนักศึกษา ม.เกษตร ที่เป็น blogger มาแอบกินที่ร้านแล้วก็โพสต์ลงเพจของเขา ในวันรุ่งขึ้น ร้านพี่กรเลยกลายเป็นกระแสเลย หลังจากนั้น พี่ก็รักษามาตรฐานความอร่อยมาตลอดจนถึงทุกวันนี้”

สำหรับเมนูเด็ดที่มัดใจลูกค้าของร้านพี่กร ได้แก่ หมูทอดผัดพริกเกลือไข่ข้น และหมูสับคั่วซีอิ๊ว

น่ากิน

“จริงๆ สูตรหมูทอดพริกเกลือของร้านพี่กรก็คล้ายๆ กับสูตรในร้านอาหารทั่วไป แต่ในตอนนั้น เมนูนี้ส่วนใหญ่จะกินเป็นกับข้าว ปกติใครจะกินหมูทอดพริกเกลือ ต้องไปสั่งในร้านที่เป็นห้องอาหารกัน เพราะตามสั่งบางร้านก็ทำไม่เป็น พี่กรเลยเปลี่ยนจากเมนูกับข้าวให้เป็นเมนูราดข้าวให้ลูกค้าทุกคนสามารถสั่งได้

“ส่วนเมนูหมูสับซีอิ๊ว เกิดจากนักศึกษา ม.เกษตร คนหนึ่ง ชื่อน้องเป็ด น้องเขาบอกว่า อยากกินหมูสับ แต่ไม่ใส่พริก ใส่กระเทียมนิดหน่อย ใส่พริกไทยด้วย ใส่ซีอิ๊วดำเยอะๆ รสชาติเค็มๆ หวานๆ พี่เลยลองทำให้เขากินดู ไปๆ มาๆ เด็กคนนี้มากินเมนูนี้ที่ร้านพี่ทุกวันเลย สุดท้ายพี่เลยลองเอามาใส่ในเมนูก็กลายเป็นเมนูที่ขายดีไปเลย” คุณชินกร เผยที่มาเมนูดัง บอกถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของเขานั้น คือสิ่งเหล่านี้

หมูสับซีอิ๊วราดข้าว

“สิ่งที่ทำให้ร้านอาหารตามสั่งของพี่กรอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อน เป็นเรื่องวัตถุดิบ ความรวดเร็ว และความสะอาดในการทำงาน หนึ่ง คือเงินที่ลูกค้าจ่ายมากับคุณภาพและปริมาณอาหารที่ให้ ต้องสมเหตุสมผลกัน รสชาติของอาหารไม่เปลี่ยน เพราะมีสูตรตายตัวอยู่แล้ว เราเทรนพนักงานทุกคนมาอย่างดี สอง คือทำอาหารไว ตอบโจทย์ลูกค้าได้ในเรื่องของเวลา” คุณชินกร บอกจริงจัง

และว่า สาม คือความสะอาด ตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนครัวอยู่ที่วิทยาลัยดุสิตธานี โดนปลูกฝังเรื่องนี้มาโดยตลอด เลยทำให้เขาให้ความสำคัญมากเรื่องความปลอดภัยของอาหารและการแต่งตัวให้สะอาด การตัดผม มือเล็บจะต้องไม่สกปรก สะอาด ดูดี

นอกจากมาตรฐานด้านความสะอาดแล้ว วิทยาลัยดุสิตธานี ยังได้มอบอีกหนึ่งข้อได้เปรียบสำคัญไว้ให้

“วิทยาลัยดุสิตธานีสอนเรื่องเวลาเป็นอย่างมาก เพราะตอนสมัยเรียน อาจารย์จะให้นักศึกษามาเตรียมตัวที่ห้องเรียนก่อนเวลาเรียนจริงเป็นชั่วโมง เลยจะเป็นคนที่ทำอะไรเร็วกว่าคนอื่น ถ้าร้านอาหารอื่นรอบๆ เริ่มเข้าร้านไปเตรียมของตอน 8-9 โมง เราต้องขยันกว่าเขา ต้องเริ่มตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเช้า ต้องจองเวลาไว้ก่อนคนอื่น ต้องทำให้ไวกว่าคนอื่น จะได้มีโอกาสก่อนคนอื่น”

ไรเดอร์รอคิว

“บางร้านที่เขามาเตรียมตัวตอน 8 โมง ร้านเขาจะพร้อมเปิดตอน 10 โมง ถ้าพี่มา 6 โมง ช่วง 7 โมงครึ่งร้านพี่ก็เริ่มขายได้แล้ว เท่ากับว่าพี่ขายได้ก่อนร้านอื่น 2 ชั่วโมงครึ่ง ลองคิดดูนะว่าใน 1 สัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่พี่ขายก่อนร้านอื่นรวมกันแล้วได้เท่ากับอีก 1 วัน หมายความว่ารายได้ที่พี่กรจะได้เพิ่มขึ้นมาก็อาจจะพอๆ กับที่พี่ขาย 1 วันก็ได้ แล้วลองคำนวณดูว่า 1 เดือนพี่จะขายได้มากกว่าร้านอื่นเท่าไร”

ต้องขอบคุณวิทยาลัยดุสิตธานีที่ได้ให้สิ่งเหล่านี้ นอกจากนั้น ก็ยังมีคอนเน็กชั่นเพื่อนๆ ที่ทำงานในวงการเดียวกัน เราสามารถปรึกษากันได้ตลอดเวลา วิทยาลัยเราเป็นวิทยาลัยเล็กๆ อยู่กันอย่างอบอุ่น ครูบาอาจารย์ก็ให้คำปรึกษากับนักศึกษาได้ตลอด เลยถือว่าพี่กรมีคนให้ปรึกษาทุกครั้งที่มีปัญหา” คุณชินกร ทิ้งท้ายอย่างนั้น