แปรรูปเห็ด ปลูกผักสลัดลงดิน งานสร้างเงิน ของ “ไอดอล” คนโดนเลิกจ้าง

แม้ถูกเลย์ออฟตอนอายุสี่สิบกว่า แต่ไม่ฟูมฟายต่อโชคชะตา ล่าสุดไอดอลคนดัง ที่เคยสร้างปรากฎการณ์คนอ่านนับล้าน หันเพิ่มมูลค่าผลผลิตปลูกผักสลัดลงดินและแปรรูปเห็ดสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ย้ำใจรักซะอย่างไปรอดแน่นอน

เปิดตัวครั้งแรกที่ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และสามารถสร้างปรากฏการณ์ “คนอ่าน-คนไลค์-คนแชร์”กันถล่มทลาย จนสื่อหลายสำนักรุมตอมขอสัมภาษณ์จนจัดคิวแทบไม่ทัน กระทั่งทุกวันนี้กลายเป็น “เน็ตไอดอล” มีแฟนคลับเป็นของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับ คุณเอีย-อารี เพ็งสุทธิ์ อดีตพนักงานประจำบริษัทประกันภัยระดับผู้บริหาร ที่ชีวิตพลิกผัน โดน “เลย์ออฟ”ตอนอายุสี่สิบกว่า แต่ไม่เคยฟูมฟายหรือย่อท้อกับโชคชะตา ผันตัวมาทำเกษตรอินทรีย์ บนที่ดินเช่าเพียงหนึ่งร้อยตารางวาย่านรามอินทรา ตั้งหน้าตั้งตาปลูกสารพัดผัก มีทั้งโรงเห็ดภูฎาน ค้างบวบ ค้างถั่วฝักยาว ชะอม มะเขือเปราะ พริกขี้หนู ต้นอ่อนผักบุง ต้นอ่อนทานตะวัน

เมื่อผลผลิตออกดอกผล ก็ทำการแพ็คลงถุงส่งขายให้เพื่อนฝูงตามออฟฟิศที่พร้อมอุดหนุน แถมบางครั้งยังขับรถตระเวนขายไปทั่วตามสไตล์คนอัธยาศัยดี เห็นร้านส้มตำที่ไหนเป็นจอดแวะถามไถ่รับซื้อผักปลอดสารพิษมั๊ย แรกๆแม่ค้าส้มตำคิดว่าล้อเล่น เพราะเห็นขับรถราคาคันละเป็นล้าน

ล่าสุดทราบข่าวว่า คุณเอีย เพิ่งได้รับการชักชวนให้ไปทำงานประจำในสายงานที่ถนัดแล้ว หากเธอยังไม่ทิ้งอาชีพปลูกผักขาย แต่ได้ “ออกแบบ”การบริหารจัดการเสียใหม่ เพื่อให้งานที่รักทั้งสองอย่างเดินควบคู่ไปด้วยกันได้

5102-160817073719

ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์”รวบรวมมาไว้แล้วนับจากนี้

“หลังจากชีวิตถูกถ่ายทอดผ่านเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีคนรู้จักเยอะแยะมากมาย ทั้งโทร ทั้งไลน์ ทั้งเฟซ มีทั้งมาหาถึงที่เฮย์เดย์ ฟาร์ม  ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างตั้งตัวไม่ทัน เขาบอกว่าดูมาจากเว็บไซต์เส้นทางเศรษฐี อยากเข้ามาดูเราทำยังไงถึงตั้งตัวได้”คุณเอีย เริ่มต้นบทสนทนา สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเคย

ก่อนบอก  ส่วนมากคนที่เข้ามาหาเธอ คือ คนมีปัญหากับชีวิต  ประเภทตกงาน ไม่รู้จะทำอะไร บ้างก็อยากออกจากงานประจำมาหาอะไรทำ พอเห็นว่าทำแบบนี้แล้วยืนได้แบบไม่อดตาย เขาจึงสนใจมาศึกษาว่าเริ่มต้นอย่างไร

“คำถามแรก คือ พี่เริ่มต้นยังไง พี่ทิ้งงานประจำพี่ตัดสินใจยังไง ก็บอกไปว่าคงต้องมีแรงผลักมันถึงจะออกมาได้ ไม่งั้นคงติดอยู่ในกรอบเดิมๆอย่างนั้น”คุณเอีย เล่าพร้อมย้อนเรื่องราวที่ยังประทับใจ

“มีน้องผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบกว่าพาคุณแม่มาดูงานด้วย  เขาบอกมีที่ดินอยู่ประมาณ 150 ตารางวา แถวหนองจอก ปล่อยว่างไว้เฉยๆ เขาทำงานทำงานประจำอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนแม่เลี้ยงหลาน พอหลานเริ่มไปโรงเรียน แม่ร่ำร้องจะกลับบ้านนอก เลยอยากให้แม่ลองปลูกผักขายบ้าง

ล่าสุดเขาส่งรูปมาดู สวนที่ทำนั้น เหมือนกับเราเป๊ะทุกอย่าง มีชะอมเป็นรั้ว มีข่า ขิง ตะไคร้ ถั่วฝักยาว มีโรงเห็ดขนาดเล็ก ส่วนผลผลิตนำไปขายที่ออฟฟิศกับเปิดแผงขายที่ตลาดหนองจอกตอนเย็นๆ เมื่อเร็วนี้ เขามาบอกขอบคุณเรามาก เอาแตงกวามาฝาก บอกให้ชิมดูว่าของใครอร่อยกว่ากัน”คุณเอีย เล่าแววตาปลาบปลื้ม

และบอก รู้สึกดีใจ ภูมิใจ ที่การทำมาหากินในแบบของเธอสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่กำลังผิดหวังในชีวิตการงาน กำลังมองหาช่องทาง หาโอกาส แต่ยังไม่มีอะไรจุดประกายให้ มาเห็นเธอเป็น “ไอดอล” แล้วทำตามแบบจนสำเร็จขึ้นมาได้

ขอให้อัพเดทชีวิตทุกวันนี้ คุณเอีย บอกไม่กี่วัน มีคนชักชวนให้ไปไปทำงานออฟฟิศแบบถนัด จึงน้อมรับโอกาสดีๆไว้ แต่งานปลูกผักที่ “เฮย์เดย์ ฟาร์ม”ของเธอนั้น ไม่ยอมทิ้งเด็ดขาด หากการทำงานประจำควบคู่กันกับงานในฟาร์มเล็กๆแห่งนี้ นับเป็นเรื่องท้าทายอยู่ไม่น้อย

5102-160817075052

“เห็ดภูฐาน ถ้าออกดอกต้องมาเก็บแต่เช้าและปล่อยขายภายในวันนั้นให้หมด ถึงจะสดได้คุณภาพ แต่ถ้าต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้า คงไม่มีเวลาเหมือนก่อน เลยลดจำนวนปลูกจากสองโรงเหลือเพียงหนึ่งโรง จากนั้นจึงมองหาผักที่ปลูกขายได้ราคามากหน่อย แต่ไม่ต้องดูแลประคบประหงมตลอดเวลา”คุณเอีย ย้อนจุดเริ่ม

หลังจากนั้นเธอจึงตัดสินใจคิดปลูก “ผักสลัด” ประเภทกรีนโอ๊ก-เรดโอ๊ก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักษ์สุขภาพทั้งชาย-หญิง   

“เคยไปดูงานที่เขาค้อ เห็นเขาปลูกผักสลัดแบบไฮโดรโปนิกส์ ชอบมากเพราะสวยงามเป็นระเบียบ แต่พอมาคำนวณต้นทุน น่าจะไม่คุ้ม ลงเงิน 8 พันบาท ได้แปลงปลูก 40 หลุมหรือ 40 ต้น ใช้เวลา 45 วันกว่าจะตัดขายได้ 40 ต้น ถ้าอยากได้มากต้องลงทุนหลายหมื่นบาท อย่างนั้นคงไม่ไหว”คุณเอีย เล่า

กระทั่งเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มีโอกาสได้อ่าน “เส้นทางเศรษฐี” ที่นำเสนอเรื่องราวของน้อง “มังกรหยก” นักเรียนชั้น ม.6 ที่จริงจังกับการทำเกษตร จนสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นกอบกำ ซึ่งเปิดสอนวิชาการทำเกษตรปลอดสารพิษให้กับผู้สนใจ

เธอจึงตัดสินใจขับรถไปจังหวัดอ่างทอง เพื่อขอลงคอร์สเรียนกับน้องมังกรหยก เพราะก่อนหน้านี้เคยพยายามปลูกผักสลัดลงดิน มาหลายครั้งแล้วไม่เคยงามซักที

ใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ได้ความรู้หลายอย่างติดตัวกลับบ้าน รุ่งขึ้นไม่รอช้ารีบทดลองทำตามแบบที่เรียนมา หลังจากนั้น 45 วัน สามารถตัดผักสลัดออกขายได้สมใจ  แต่พอจะลงผักแปลงที่สอง ปรากฏดินที่เคยซื้อมาจากน้องมังกรหยกหมด ถ้ากลับไปซื้อใหม่ถึงอ่างทองคงไม่ไหว

5102-160817075327

5102-160817073822

เลยคิด “ปรุงดิน”ขึ้นมาเอง จึงเสิร์ชหาแหล่งวิชาจากทางอินเตอร์เน็ต ทราบว่าแถวคลองสอง ปทุมธานี มีคอร์สเปิดสอนวิธีปรุง “ดินมูลไส้เดือน” เพื่อการปลูกผักแนวเกษตรอินทรีย์ เสียค่าวิชาไป 200 บาท ได้ความรู้อีกแขนงหนึ่งกลับมาเป็นทุน 

“เมื่อมีวิชาครบรอบด้าน ตัดสินใจลงทุนเพิ่ม ด้วยการทำโรงเรือนโปร่งแสงกางมุ้ง เนื่องจากไม่มีคนงานช่วยที่แน่นอน ต้องทำคนเดียวเป็นหลัก ขณะที่ผักสลัดพันธุ์กรีนโอ๊ก-เรดโอ๊ก นี้ โดนฝนแรงไม่ได้ จะนำเข้าร่มก็ไม่ได้ เพราะต้องการแดด แต่ห้ามโดนฝน และไม่ควรโดนแมลงแทะ

ส่วนวิธีไล่แมลงตามธรรมชาติ ที่ใช้พริกขี้หนูปั่นกับน้ำส้มสายชูและน้ำ ต้องฉีดไล่ทุกเย็น น้ำก็ต้องรดทุกวัน หากต้องไปทำงานประจำ จะมาคอยรดน้ำ ไล่แมลง ทุกวันเหมือนก่อนไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจลงเงิน 15,000 บาท สร้างโรงเรือน วางระบบน้ำอัตโนมัติ เพื่อที่หลังเลิกงานแล้วค่อยมาดูแลต่อได้”คุณเอีย เผยแผนการในชีวิต

รายได้เลี้ยงตัวของคุณเอีย  นอกจากจะมีผักสลัดปลูกลงดินแล้ว ยังมีเห็ดภูฐานแปรูป อย่าง เห็ดสวรรค์ เห็ดสมุนไพร ออกขายอีกด้วย ส่วนที่มานั้น นับเป็น “แรงผลัก”อีกรูปแบบหนึ่ง

เริ่มมาจากมีเห็ดภูฐาน ที่ปลูกออกดอกจำนวนมาก ก้ำกึ่งระหว่างขายส่งกับชายปลีก คือ ถ้าขายปลีกไม่หมดภายในวันเดียวแน่นอน แต่ถ้าจะขายส่งก็ไม่มากพอ ครั้นจะทิ้งเห็ดสดไว้ข้ามคืนจะไม่อร่อยแล้ว เลยคิดหาวิธีที่จะหาทางเพิ่มมูลค่า

ช่วงแรกใช้วิธีฉีกและตากแห้งส่งขายให้เพื่อนที่แปรรูปขายอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนั้นมีเห็ดแห้งอยู่ใน สต๊อกประมาณ 15 กิโลกรัม เมื่อถามไถ่ไปอย่างเคย ปรากฏเขาเลิกทำแล้ว เพราะจะกลับไปทำงานประจำ เลยต้องหาแหล่งรับซื้ออื่น ลองไปติดต่อที่ตลาดไท ทราบว่าราคารับซื้อเห็ดนางฟ้าแห้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท

แต่เห็ดภูฐานของเธอ เคยตั้งราคาไว้ที่กิโลฯละ 500 บาท ถ้าส่งขายให้ไปคงขาดทุนยับแน่ เลยตัดสินใจเปิด “ยูทูป” หาคลิปการแปรรูปเห็ดต่างๆ เห็นวิธีการทำ “เห็ดสวรรค์” กับ “เห็ดสมุนไพร” เลยเปิดวนดูสองรอบ แล้วจดส่วนผสมไว้ว่ามีอะไรบ้าง ก่อนลงมือทำเย็นวันนั้นเลย

“ทดลองทำด้วยเห็ดแห้งครึ่งกิโลฯ ได้เห็ดสวรรค์ มา 23 กระปุก แจกบ้าง ขายบ้าง สามกระปุกหนึ่งร้อยบาท หมดได้ภายในเวลารวดเร็ว”คุณเอีย เล่าอารมณ์ดี

ก่อนเผยด้วยว่า ลองวางเห็ดสวรรค์ ลอตแรกไว้นอกตู้เย็นเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เนื่องจากอยากทดสอบความคงที่ของรสชาติและเนื้อสัมผัส พอนำมาชิมใหม่ ปรากฏเห็ดไม่คงรูป เนื้อร่วนกว่าตอนทำออกมาใหม่ๆ เลยโทรศัพท์ไปปรึกษาคุณแม่ ได้เคล็ดลับกลับมาว่า ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว เป็นส่วนประกอบหลัก เพราะถ้าใช้น้ำตาลโตนด ได้กลิ่นหอมกว่าจริง แต่เห็ดจะไม่เกาะคงรูปนานและสวยเท่ากับใช้น้ำตาลมะพร้าว

ได้สูตรที่มั่นใจสามารถเก็บได้นานหนึ่งเดือนโดยรสชาติและรสสัมผัสไม่เปลี่ยน จึงเดินหน้าแปรรูปเห็ดแห้งที่เหลือกว่าสิบสี่กิโลฯ คราวนี้ ใช้วิธีประชาสัมพันธ์ก่อนทางเฟซบุ๊ก เพื่อหาออร์เดอร์ล่วงหน้าปรากฏมีคนสนใจมากหน้าหลายตา ทั้งเพื่อนฝูง และแฟนคลับที่รู้จักกันได้เพราะมี “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์”เป็นสื่อกลาง

5102-160817074510

“ตอนแรกคิดว่า เขาคงอยากช่วยเหลือ เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ ครั้งแรกทำออกมาสองกิโลฯ ปรากฏขายเกลี้ยงภายในวันเดียว ส่งให้ลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด”คุณเอีย เล่ายิ้มๆและว่า ราคาขายเห็ดแปรรูปนี้ ตั้งไว้ที่ 3 กระปุก 100 บาท ค่าจัดส่งลูกค้าเป็นคนจ่าย

สำหรับเห็ดภูฐานแห้ง 1 กิโลกรัม สามารถทำเป็นเห็ดแปรรูปได้ 4 กิโลกรัม ทำให้รายได้ช่วงนั้นมีเป็นกอบเป็นกำทีเดียว  แต่ถึงแม้จะมีลูกค้าพร้อมอุดหนุนจำนวนไม่น้อย แต่เธอไม่คิดกอบโกย ด้วยการซื้อเห็ดมาจากแหล่งปลูกอื่นๆมาแปรรูป เพราะไม่แน่ใจว่าจะปลอดสารพิษจริงอย่างที่เธอทำหรือเปล่า จึงตั้งใจจะใช้เห็ดที่ปลูกเอง ตากเอง นำมาแปรรูปเอง แบบนี้ต่อไปดีกว่า

5102-160817074559

5102-160817073946

“แม้มีคนต้องการซื้อกันมาก แต่ก็จะทำแค่เห็ดของตัวเอง หมดคือหมด อย่างช่วงนี้เห็ดหมด จะไม่มีเห็ดแปรรูปขาย ตอนนี้ลูกค้าถามเข้ามาประจำ เมื่อไหร่จะมี เมื่อไหร่จะมา”คุณเอีย บอกอย่างนั้น ก่อนกระซิบให้ฟัง ตอนนี้มีออร์เดอร์สำหรับช่วงเทศกาลกินเจ-เดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้แล้ว เป็นแบบบรรจุถุงซีล เห็ดสมุนไพรสิบกิโลกรัม เห็ดสวรรค์สิบกิโลกรัม ตั้งราคาไว้ที่กิโลกรัมละ 380 บาท

ใกล้จบบทสนนา คุณเอีย บอก แม่ช่วงนี้จะได้งานประจำทำแล้ว ก็ไม่ทิ้งงานปลูกผัก เพราะรักแล้วชอบแล้ว เช้าตื่นขึ้นมาคิดถึงมัน เคยนั่งเฝ้าทุกวัน คุยกันกับผักจนค่ำมืด แถมทำเงินได้ เลี้ยงตัวได้ แต่ที่ตอนนี้ต้องดิ้นรนไปทำงานออฟฟิศอยู่อีก เพราะที่ดินปลูกมีน้อย บางครั้งผลผลิตยังสร้างรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และเลี้ยงดูลูกชายอีกสองคน

“คนที่คิดอยากจะผันตัวมาทำเกษตร ถามใจตัวเองก่อนว่าชอบมั๊ย รักมั๊ย เพราะงานนี้ต้องรักจริงๆถึงจะอยู่กับมันได้  ส่วนคนกำลังตัดสินใจ อยากจะเริ่มไม่รู้จะเริ่มยังไง เข้ามาปรึกษากันได้ยินดีอย่างยิ่ง แต่ต้องถามตัวเองดีๆว่าตั้งใจทำจริงมั๊ย ไม่ใช่ทำตามกระแสที่มนุษย์เงินเดือนมักผันตัวไปเป็นเกษตรกร ต้องถามใจตัวเองด้วยว่า ที่จะทำนั้นกำลังเราไหวมั๊ย ใจเราได้หรือเปล่า ไห แต่ถ้าคิดว่ารักจริง รับรองอาชีพนี้ไปรอดแน่”คุณเอีย สรุปทิ้งท้าย

ติดต่อ  ID ear6s