ข่าวว่าบรรยากาศค้าขายทั่วไปในอำเภอหัวหิน กำลังกลับมาคึกคักเหมือนปกติ และ เมื่อลองสำรวจจุดค้าขายสำคัญยามค่ำคืน อย่าง “ซิคาด้า” หรือตลาดจักจั่น ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศไปเดินช็อปและชิมกันอยู่ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีพอสมควร

สำหรับ “ไฮไลต์” ของแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งนี้ น่าจะเป็นศิลปะการแสดงสไตล์ “เปิดหมวก” หรือ Street Performance  ซึ่งป็นศิลปะการแสดงในที่สาธารณะตามท้องถนน มุ่งสร้างความบันเทิงและความประทับใจแก่ผู้ชมที่ผ่านไปมาเพื่อแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ

 

“โชว์ต่อขวด” นับเป็นหนึ่งในการแสดงเปิดหมวก ซึ่งผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย  จึงขอเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักกันสักหน่อย

……..

คุณเจี๊ยบ –นิธิกานต์ เลือดแดง อายุ 34 ปี  คุณแม่ของ น้องไอซ์-ด.ช.ฐิติพงศ์ ติดงาม  วัย 13 ปี นักเรียน ชั้น ม.2 พื้นเพอยู่ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรุณาสละเวลามาพูดคุยด้วย ระหว่างรอลูกชายทำการแสดง “โชว์ต่อขวด” ที่ตลาซิคาด้า

เริ่มต้นแนะนำตัวให้รู้จัก ครอบครัวมีอาชีพขายไก่ย่าง-ไก่ทอด โดยตัวเธอ ยึดทำเลตลาดนัดและตามงานวัดในเขตอำเภอปากน้ำปราณฯ ส่วนพ่อ-แม่ ซึ่งเป็นตา-ยาย ของน้องไอซ์ จะตระเวนไปขายตามตลาดต่างพื้นที่ ตามจังหวัดอื่นๆ อย่าง สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี

คุณเจี๊ยบ กับลูกๆ

อยู่มาวันหนึ่งน้องไอซ์ ลูกชายคนโต ซึ่งติดตามไปขายไก่ด้วยที่งานวัด มีโอกาสได้ไปเห็นชายพิการคนหนึ่งเขาเปิดหมวกแสดงการโชว์ต่อขวด เลยกลับมาบ้านแล้วลองทำดูบ้าง ก่อนจะอวดให้ดูว่าเขาก็ทำได้เหมือนกัน แต่เธอบอกให้เลิกเล่นเพราะเกรงจะหล่นแตกใส่หน้าใส่ตาลูกเข้า

คุณเจี๊ยบ เล่าต่อ หลังจากนั้นช่วงใกล้วันเกิดของน้องไอซ์ เขาอยากได้ของเล่น เป็น “เข็มขัดแปลงร่าง” ที่วางขายอยู่อันละ 750 บาท ธอบอกไม่มีตังค์เหลือขนาดนั้น เลยไปอ้อนขอกับตา-ยาย แต่ไม่มีใครซื้อให้เพราะแพงเกินไป

จังหวะนั้นเอง ตา-ยาย มีงานไปขายไก่ในงานวัด ที่จังหวัดสุพรรณบุรี น้องไอซ์ จึงติดตามไปด้วย ก่อนจะขอเปิดหมวก “โชว์ต่อขวด” หวังหาเงินมาซื้อ “เข็มขัดแปลงร่าง”

“งานแรกที่โชว์ หวังหาเงินมาซื้อของเล่น  บอกกับตา-ยายขอตั้งขวดได้มั๊ย เห็นว่าได้ตังค์ พอโชว์วันแรกได้เงินมาถึงหนึ่งพันห้าร้อยบาท แต่ไม่เอาไปซื้อเข็มขัดแปลงร่างแล้วนะ เขาให้ตากับยายหมดเลย ก่อนบอกรู้แล้วว่าเงินมันหายาก”คุณเจี๊ยบ เล่าจุดเริ่ม ด้วยน้ำเสียงภูมิใจในตัวลูกชายคนโต

จากนั้น น้องไอซ์ มักติดสอยห้อยตาม ตา-ยาย ตระเวนไปตามงานวัดเรื่อยมา ก่อนไปเปิดหมวกโชว์ตั้งขวด ข้างร้านขายไก่ย่าง ด้วยเหตุผลอยากหาเงินช่วยครอบครัว

ทำอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่  แบบไม่ยอมไปโรงเรียน ทั้งคุณครู-คุณแม่  ต้องไปตามกลับให้มาเรียนหนังสือตามหน้าที่

“ตอนนั้นน้องไอซ์ อยากทำงานอย่างเดียว เด็กไม่เคยได้ตังค์ พอหาเงินเองได้ก็ดีใจใหญ่ ได้กินได้ใช้ได้อิ่ม แต่สุดท้ายให้กลับมาเรียนเหมือนเดิม”คุณแม่เจี๊ยบ เล่ายิ้มๆ

 

และว่า ช่วงที่น้องไอซ์ ไปโชว์ต่อขวดตามงานวัดที่จังหวัดสุพรรณฯ มีหนังสือพิมพ์มาทำข่าว จากนั้นมีรายการโทรทัศน์หลายรายการติดต่อขอสัมภาษณ์ กระทั่งมีคนหัวหิน เห็นทางสื่อ จึงติดต่อมาให้ไปลองขอพื้นที่กับทางตลาดซิคาด้า ทำการเปิดหมวกโชว์ต่อขวดดู เผื่อจะมีรายได้ที่แน่นอน

“ที่ซิคาด้า อนุญาตให้เปิดหมวกโชว์ต่อขวดได้ 2 ปีกว่าแล้ว เขาไม่เก็บค่าที่อะไร เหมือนสนับสนุนเด็กให้มีรายได้ ทุกวันนี้น้องไอซ์ ไม่ต้องตระเวนไปตามงานวัดแต่จะอยู่ประจำที่ซิคาด้า ตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงสี่ทุ่มทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาไปเรียนหนังสือตามปกติ”คุณเจี๊ยบ บอกอย่างนั้น

 

ก่อนเผย รู้สึกโล่งใจเหมือนกันที่น้องไอซ์ ไม่ต้องไปโชว์ตามตลาดนัดแล้ว เพราะที่ผ่านมาเคยมีปัญหากับวัยรุ่นเจ้าถิ่นบ้าง โดนเตะขวดใส่หน้าบ้าง พวกเมาแซวบ้าง แต่ที่ซิคาด้า ไม่เคยมีปัญหาอะไร

นอกกจากจะมีพื้นที่แสดงประจำแล้ว น้องไอซ์ ยังรับงานโชว์ตัวตามสถานที่ต่างๆ แล้วแต่เจ้าภาพจะว่าจ้างให้ไป ที่ผ่านมาพอมีคนติดต่อมาบ้าง จังหวัดใกล้-ไกล รับได้หมด ส่วนรูปแบบการว่าจ้างไม่ตายตัว บางงานให้ไปเปิดหมวกเฉยๆ บางงานมีค่าตัว บางงานมีแต่ค่ารถ

 

คุณเจี๊ยบ บอกด้วยว่า ที่ผ่านมามีเด็กในละแวกบ้านมาให้น้องไอซ์ ช่วยสอนเทคนิคการตั้งขวดให้ บ้าง แต่หลายคนทำกันไม่ค่อยจะได้ แต่มี น้องเพย์ -ลัทธพล หลีพันธ์ อายุ 10  ขวบ หลานชายแท้ๆของเธอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอซ์ หน่วยก้านใช้ได้แถมสมาธิดี จึงมีการถ่ายทอดวิชาให้กันแล้วทุกวันนี้ ทีมโชว์ตั้งขวด   จึงมีผู้แสดงแล้วสองคน คือ น้องไอซ์ กับ น้องเพย์

ถามไถ่ถึงชีวิตการทำงานของลูกชาย คุณเจี๊ยบ นึกย้อนก่อนเล่าให้ฟัง ช่วงที่มีพื้นที่โชว์ประจำที่  ซิคาด้า เธอจะพาลูกและหลานชาย นั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เดินทางจากบ้านพักที่อำเภอปราณบุรี ไปที่ตลาดซิคาด้า อำเภอหัวหิน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 20 กิโลเมตร

โดยส่วนใหญ่จะใช้ถนนสายรอง ซึ่งเป็นทางลัดมีรถใหญ่วิ่งไม่มาก หากเป็นถนนเปลี่ยวอยู่พอสมควร สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นไร่สับปะรดสุดลูกหูลูกตา หลายครั้งจึงต้องให้ลูก-หลาน พกขวดติดตัวไว้คนละใบ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไร อาจใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้บ้าง

นอกจากความมืดสองข้างทางจะเป็นความยากแล้ว อากาศหนาวเย็น และฝนที่ตกไม่เป็นเวลา ก็เป็นอุปสรรคในการเดินทางไม่น้อย ชนิดสงสารลูก-สงสารหลานจับใจ เคย ทั้งหนาว ทั้งเปียก เวลาฝนตกลงมาที เหมือนลูกหมาตกน้ำ

 

กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว น้องไอซ์ เอ่ยปากกับตน “เราต้องมีรถกันนะ…แม่” โดยเขาให้นำรายได้จากการโชว์ตัวของเขา มาดาวน์และผ่อน ทุกวันนี้จึงไปไหนมาไหนสบายขึ้น เพราะน้ำพักน้ำแรงของลูกชายคนโตแถมล่าสุดบอกจะซื้อบ้านใหม่อีกด้วย

“พ่อเขาทิ้งไปตั้งแต่เล็กๆ อาชีพค้าขายไก่ก็ไม่ดีเหมือนก่อน ทุกวันนี้ น้องไอซ์ จึงเป็นหลักของครอบครัวหาเงินเลี้ยงแม่-น้อง-ตายาย รายรับเคยได้สูงสุดคืนเดียว 6 พันบาท อย่างที่ไม่ได้ๆก็หลักพันต้น เก็บออมดาวน์รถป้ายแดง และบอกจะซื้อบ้านใหม่อีก ส่วนอนาคตเห็นบอกอยากเป็นดารา จะได้หาเงินได้เยอะๆ”คุณเจี๊ยบ เล่าส่งท้ายน้ำเสียงปลาบปลื้ม

 

หันมาพูดคุยกับคนต้นเรื่องกันบ้าง โดยน้องไอซ์ เผยถึงเทคนิคการต่อขวดในแบบของเขาว่า  ต้องมีสมาธิ ใจต้องรัก ใช้เวลารอ ไม่ใช่ว่าตั้งปุ๊บจะได้เลย ท่าหนึ่งต้องใช้เวลารอ ทุกวันนี้ผมมีประมาณ 300 กว่าท่า ที่ผ่านมามีคนอื่นมาให้สอนบ้าง เพราะอยากลองตั้ง พอให้ลอง เขาทำไม่ได้ก็เลิก

เมื่อถามถึงเรื่องเคยโดนแซว น้องไอซ์ เผยความรู้สึก บางคนตะโกนแซวว่าขวดติดกาวหรือเปล่า หรือใครๆก็ตั้งได้ ตนไม่ได้ตอบโต้อะไร  และไม่โมโห เพราะต้องใช้สมาธิ

 

กระซิบถามค่าตัวจากการแสดงโชว์ต่อขวด หนุ่มน้อยบอก นำมาดาวน์รถกระบะป้ายแดงคันละ 7 แสนกว่าบาทได้แล้ว ซึ่งยังผ่อนอยู่แต่ไม่มีปัญหา และตอนนี้ช่วยกันกับน้องสาวรับเพนท์เสื้อ รองเท้าผ้าใบ กระเป๋า ตามแต่ลูกค้าจะสั่ง ถ้ารายได้มากขึ้นก็อยากจะซื้อบ้านใหม่ให้แม่ด้วย

ท่านใดอยากเป็นกำลังใจให้เด็กชายยอดกตัญญูมากความสามารถคนนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณเจี๊ยบ  โทรศัพท์ : 092-941-5859

….ขอขอบคุณภาพประกอบจากคุณเจี๊ยบ-คุณแม่น้องไอซ์