ทะเลบัวแดงที่อุดรธานี บึงบัวตามธรรมชาติกว่า 2 หมื่นไร่

เรื่องโดย : ไมตรี ลิมปิชาติ

ที่จริงเป็นบึงที่มีดอกบัวมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ความสวยงามของดอกบัวยังหลบซ่อนอยู่เงียบๆ มีชาวบ้านที่เอาเรือมาหาปลา และถอนสายบัวไปกินเท่านั้นที่เห็นความงามของทะเลบัว

สมัยนี้  ถ้าผู้ใดไปเที่ยวที่จังหวัดอุดรธานี

รับรองว่าเกือบทุกคนต้องไปชมดอกบัวเป็นแสนๆ ดอก หรืออาจจะถึงล้านดอกก็ได้ ก็เพราะมีดอกบัวแดงพากันบานพร้อมๆกันเป็นจำนวนมากนี้เอง จึงถูกเรียกว่าทะเลบัวแดง

ผมเองเคยไปชมทะเลบัวแดงมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกที่ไปเห็น พบดอกบัวโผล่หน้าขึ้นมาไม่มากนัก เพราะไปก่อนเวลาที่ดอกบัวจะนัดเวลาออกดอก ถ้าจะให้เห็นดอกบัวมากๆจะต้องไประหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน ดอกบัวแดงมีมากที่สุดอยู่ในเดือน มกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

ขอให้ผู้อ่านและไม่ได้อ่านที่จะไปชมทะเลบัวแดงให้ได้เต็มตาจดจำไว้เลยว่าต้องไปในเดือนที่ว่านี้

เมื่อมีนักท่องเที่ยวไปชมทะเลบัวแดงกันมาก ก็ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพเพิ่มขึ้น เช่น ร้านอาหาร ที่พัก  และที่เห็นได้ชัดก็คือ เรือพานักท่องเที่ยวชมทะเลบัวแดง

ถูกแล้วอุตส่าห์ไปถึงทะเลบัวแดงทั้งที แค่ยืนชมอยู่บนฝั่งมันไม่สะใจ

ทุกคนจึงต้องลงเรือกันทั้งนั้นเพื่อให้คนขับเรือหรือนายท้ายเรือพาไปในบึงกว้างจะได้เห็นดอกบัวทั้งที่เป็นดอกตูมและดอกบานกันชัดๆ เต็มไปหมด

ทะเลบัวแดง3

ว่าไปแล้ว การได้เห็นดอกไม้จะเป็นดอกอะไรก็ตาม ถ้าได้เห็นเพียงดอกสองดอกก็งั้นๆ  แต่พอได้เห็นมากๆ เป็นแสนเป็นล้านดอกก็จะทำให้ตื่นตาตื่นใจ เช่น ทุ่งดอกบัวตอง  ที่แม่ฮ่องสอน  และทุ่งทานตะวัน  ที่สระบุรี เป็นต้น

เรือที่พานักท่องเที่ยวล่องบึงชมทะเลบัวมีกว่าร้อยลำ เพราะถ้ามีน้อยกว่านี้ ไม่มีทางว่าจะรับนักท่องเที่ยวได้เพียงพอ ผมกับเพื่อนร่วมเดินทางรวม 8 คน ได้นั่งเรือที่มีคนขับที่มีชื่อว่า เหมือน โคตรบรรเทา 

ขณะเรานั่งเรือออกจากฝั่งเป็นเวลา 7 โมงเช้ากว่าเล็กน้อย  อากาศกำลังดี  ไม่ร้อน หรือถึงร้อนก็ไม่เป็นไรเพราะเรือมีหลังคา เรือพาเราแล่นตรงไปยังกลางบึง ซึ่งมองเห็นดอกบัวชูดอกจนลานตา

ทะเลบัวแดง2

ดอกบัวสีแดงตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า และมีเมฆสีขาวบางส่วน มองรวมๆ เป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน

ไกด์บนเรือบอกให้เรารู้คร่าวๆ ว่า  ทะเลบัวแดงแห่งนี้เป็นบึงธรรมชาติมีเนื้อที่ประมาณสองหมื่นไร่

ดอกบัวได้งอกงามขึ้นเองตามธรรมชาติ  จากเดิมมีน้อยแล้วค่อยๆขยายพันธุ์กว้างขึ้นเรื่อยๆ

ที่จริงเป็นบึงที่มีดอกบัวมานานหลายสิบปีแล้ว  แต่ความสวยงามของดอกบัวยังหลบซ่อนอยู่เงียบๆ มีชาวบ้านที่เอาเรือมาหาปลา  และถอนสายบัวไปกินเท่านั้นที่เห็นความงามของทะเลบัว

ต่อมา ความสวยงามของทะเลบัวได้ถูกถ่ายทอดจากปากสู่ปาก โดยเฉพาะเข้าสู่ยุคดิจิตอล จึงทำให้มีคนถ่ายรูปส่งต่อๆ ให้คนอื่นๆได้รู้ ประกอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำทะเลบัวแดงไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จึงทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นและมากขึ้น

ทะเลบัวแดง5

ทะเลบัวแดง6

ไม่ได้เป็นที่รู้จักเฉยๆ คนทั่วประเทศยังพากันมาชมทะเลบัวแดงกันปีละจำนวนมาก

การล่องเรือชมบัวแดง  มีการจอดให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปในบริเวณที่มีบัวแดงหนาแน่นหลายจุดสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวไปตามๆ กัน

ขณะเรือหยุดเครื่องจอดอยู่กับที่เพื่อให้คนบนเรือถ่ายรูปนั้น ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคนขับเรือ เขาบอกว่ามามีอาชีพนำเรือพานักท่องเที่ยวล่องทะเลบัวแดงมาสามปีแล้ว  โดยซื้อเรือมาลำหนึ่งราคาหกหมื่นกว่าบาท 

ก็มีงานทั้งปี  เพราะในเดือนที่ไม่มีดอกบัวก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมานั่งเรือชมนกน้ำ

ถ้าว่างจากการนำเรือรับจ้างนักท่องเที่ยวก็จะทำนา ซึ่งเป็นอาชีพเดิมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ช่วงเดือนที่มีดอกบัวจะมีรายได้ดีมาก เพราะจะมีนักท่องเที่ยวมาชมทะเลบัวตั้งแต่เช้าไปจนมืด

การคิดค่าเช่าเรือ  แล้วแต่ว่าจะไปไกลหรือใกล้ ราคาไม่เท่ากัน  ถ้าไปใกล้ๆใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเที่ยวละ 300 บาท  แต่ถ้าไปไกลๆ ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงก็จะคิดราคาเที่ยวละ หมายถึงทั้งไปและกลับ 500 บาท

เคยมีบริษัทถ่ายหนังสารคดีมาเหมาเรือทั้งวัน  ถ้าเหมาก็ 1,200 บาทต่อวัน

เงินค่าเช่าเรือที่ได้จะต้องมอบให้อ.บ.ต.ผู้ดูแล 10 เปอร์เซ็นต์

นับเป็นรายได้ที่แกอยู่ได้สบาย เพราะรายจ่ายน้อย ค่าน้ำมันตอนนี้ก็ถูกลง

ใช้น้ำมันแต่ละเที่ยวไม่เกิน 2 ลิตรเท่านั้น

อาชีพอีกอย่างหนึ่งที่แกทำก็คือแบ่งห้องที่บ้านให้นักท่องเที่ยวเช่า หรือที่เรียกเป็นทางการว่าโฮมสเตย์นั่นแหละ

แกคิดค่าห้องวันละเพียง 300 บาท  มีอาหารให้ 1 มื้อ

แกบอกว่าเจ้าของเรือทุกลำก็จะทำอาชีพคล้ายๆ กัน  ทั้งนี้ก็เพราะช่วงไม่มีดอกบัวจะมีนักท่องเที่ยวน้อยนั่นเอง

ยกเว้นบางคน ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อย ก็จะใช้วิธีจับปลาเปลี่ยนอาชีพจากชาวนาเป็นชาวประมงแทน  ซึ่งก็ได้ผลดี  เพราะบึงที่กว้างใหญ่นี้ ไม่ได้มีแต่ดอกบัวแดง   แต่มีปลาน้ำจืดชุกชุมด้วย

ทะเลบัวแดง4