เนื้อไทยพรีเมี่ยม ธุรกิจสายนี้ ยังเติบโตได้อีกมาก ขอเพียงคนไทย ไม่ด้อยค่า

เนื้อไทยพรีเมี่ยม ธุรกิจสายนี้ ยังเติบโตได้อีกมาก ขอเพียงคนไทย ไม่ด้อยค่า

คุณฐิติมา เชิงวานิช เจ้าของธุรกิจ น.เนื้อ กิจการขายเนื้อสดไทย-วากิว ลูกผสมระหว่าง น้ำเชื้อของวัวญี่ปุ่นและวัวไทย ให้สัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ว่า ตัวเธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น เคยทำงานบริษัทเป็นองค์กรญี่ปุ่น เป็นล่าม เป็นมาร์เก็ตติ้ง เป็นเซลส์องค์กรอีกหลายปี

ที่ผ่านมามีธุรกิจอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอสถานการณ์โควิด-19 สภาพคล่องเริ่มมีปัญหา เลยอยากหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งแฟนหนุ่มของเธอเป็น “สายเนื้อ” ประกอบกับมีโอกาสได้ไปพบกับฟาร์มมีคุณภาพซึ่งอยู่ทางภาคอีสานของบ้านเรา จึงลองรับมาขาย

เริ่มจากเล็กๆ ขายออนไลน์ก่อน ต่อมามีลูกค้ากลุ่มร้านอาหาร ลูกค้าซื้อราคาส่ง เพิ่มขึ้น เลยต้องหาฟาร์มมากขึ้น รวมไปถึงขยายการผลิตด้วย ปัจจุบัน จึงมีทั้งขายปลีก ขายส่ง แฟรนไชส์ ตู้แช่ และรับทำ OEM ซึ่งกว่ากิจการจะเติบโตมาถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน สำหรับอุปสรรคสำคัญนั้น เห็นจะเป็นเรื่องของการขนส่ง ซึ่งค่อนข้างอยู่เหนือการควบคุม

“ธุรกิจอาหารแช่แข็งดีลิเวอรี่ ในบ้านเรา เพิ่งมาบูมช่วงโควิด ซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นลักษณะค้าส่ง พอค้าปลีกบูม มีผู้ให้บริการดีลิเวอรี่มากขึ้น แต่ต้นทุนค่าขนส่งยังค่อนข้างแพง จึงเป็นปัญหาของเราที่ต้องแบกรับต้นทุนตรงนี้ เนื่องจาก น.เนื้อ ส่งสินค้า ให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยรถห้องเย็น ควบคุมอุณหภูมิ ค่าขนส่งก็จะแพงขึ้น รวมไปถึงต้องใช้แพ็กเกจอย่างดีด้วย เพื่อรักษาคุณภาพสินค้า” คุณฐิติมา ว่าให้ฟัง

คุณฐิติมา เชิงวานิช เจ้าของธุรกิจ น.เนื้อ

ช่วงนี้คนหันมากินเนื้อวัวกันกว้างขวาง อาจเป็นเพราะปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่านิยมที่เปลี่ยนไป เนื้อในตลาดมีคุณภาพมากขึ้น ผนวกกับกระแสโซเชียล ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม กิจการสายเนื้อ จึงดูคึกคักเป็นพิเศษ

ประเด็นนี้ คุณฐิติมา ให้ความเห็นว่า ธุรกิจวงการเนื้อ จะเติบโตไปได้อีกมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนด้วย

“ปัจจุบัน กลุ่มคนรักเนื้อ ยังมีเสียงแตก คือ มีคนที่ชอบกินเนื้อนอก กับ คนชอบกินเนื้อไทย เลยอยากให้คนไทยเรา ช่วยกันสนับสนุน เปิดใจยอมรับผลงานของคนไทย คือ ถ้าจะไปเทียบกับญี่ปุ่น ที่ขุนวัวมาเป็นสิบๆ ปี หรือ ออสเตรเลีย ที่เป็นเจ้าตลาดของโลก คงไม่ได้ แต่คนในประเทศเรา ทำได้ขนาดนี้ ถือว่าพัฒนาได้เก่งแล้ว ทำไมไม่เปิดโอกาสให้ของบ้านเราเอง ได้มีที่ยืนในตลาด” คุณฐิติมา ฝากไว้อย่างนั้น