จากเงินเพียง 1 หมื่น สู่ ธุรกิจร้อยล้าน RAVIPA จิวเวลรี่ สายมู ไม่มีใครไม่รู้จัก!

จากเงินลงทุนเพียง 1 หมื่น สู่ ธุรกิจร้อยล้าน RAVIPA แบรนด์จิวเวลรี่ สายมู(เตลู) นาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก!

RAVIPA – ในหลายปีมานี้ คำว่า มูเตลู หรือ สายมู กลายเป็น คำที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แบรนด์ธุรกิจต่างก็เข้ามาหยิบยกไปใช้ จนกลายเป็นการตลาดที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าบริการมากมาย

ในวรรคหนึ่งของ คอลัมน์ ฮิตต้องแชร์ เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ ได้บอกไว้ว่า คำว่า มูเตลู หรือ สายมู ที่มาที่ไปของคำนั้นไม่ปรากฏแน่ชัดนัก แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่า คำคำนี้ มีความข้องเกี่ยวในเรื่อง ความเชื่อ และ เครื่องรางของขลัง นั่นเอง

คุณสา-ธนิสา วีระศักดิ์ศรี สาวเก่งวัย 29 ปี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง RAVIPA

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณสา-ธนิสา วีระศักดิ์ศรี สาวเก่งวัย 29 ปี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง RAVIPA แบรนด์เครื่องประดับที่กำลังมาแรงในทศวรรษนี้!

“RAVIPA เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่สาทำกับพี่สาวอีกคน (คุณระวิภา วีระศักดิ์ศรี) ซึ่งชื่อแบรนด์ก็มาจากชื่อพี่ เพราะเครื่องประดับที่ร้านเขาเป็นคนออกแบบทั้งหมด สาเข้ามาช่วยทำในส่วนการขายการตลาดเท่านั้นเอง” คุณสา ว่าอย่างนั้น

คุณสา ยังเล่าอีกว่า แรกเริ่มครั้งทำแบรนด์ พี่สาว หรือ คุณระวิภา ผู้ชื่นชอบงานดีไซน์และจิวเวลรี่ ได้ทำงานออกแบบเครื่องประดับให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ มากมาย ผู้เป็นน้องสาวอย่างคุณสา เห็นโอกาสจากความชอบของผู้เป็นพี่ จึงได้ปรึกษาหารือในการทำแบรนด์เป็นของตัวเอง และเกิดเป็น RAVIPA แบรนด์เครื่องประดับที่ก่อตั้งมาได้กว่า 9 ปีแล้ว

“เราเห็นว่า พี่เราชอบออกแบบ ชอบพวกเครื่องประดับมีแบรนด์เครื่องประดับดังๆ มาจ้างเขาออกแบบเยอะเลย แล้วก็ขายได้ คนให้ความสนใจเยอะ เลยพูดกับพี่สาวว่า ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ออกมาทำแบรนด์เองล่ะ พี่ชอบออกแบบก็ออกแบบไป เดี๋ยวสาดูพวกมาร์เก็ตติ้งให้ เพราะสาเองชอบขายของมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นที่คุยกับพี่ สาอายุ 20 ก็มีเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ ประมาณ 10,000 บาท ก็ใช้มาเป็นทุนในการทำ ให้พี่ออกแบบแล้วหาโรงงานผลิตให้ แล้วก็เอามาขายออนไลน์เอง เพราะยุคนั้นพวกโซเชียลเพิ่งจะเข้ามา สาก็ขายผ่านแพลตฟอร์มพวกนั้น เรียกว่าธุรกิจเราโตมากับโซเชียลเลย” คุณสา เล่า

นอกจากนั้น เจ้าของแบรนด์สาว ยังเล่าอีกว่า เครื่องประดับคอลเล็กชั่นแรกที่ผลิตขาย คือ แหวนอินฟินิตี้ ถือเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ที่ยังผลิตขายมาจนทุกวันนี้อีกด้วย

“สาก็รู้ว่าพี่เรา เขารู้ว่าจะทำสินค้าอย่างไรให้สวย ส่วนสาก็จะรู้ว่าลูกค้าจะชอบของแบบไหนกัน แล้วตอนสมัยเรียน สาก็เห็นว่ามีคู่รักวัยรุ่นเยอะ เขาก็จะมีไอเท็มคู่อย่างพวก เสื้อ รองเท้า ถ้าจะให้แหวนกันก็คือ ต้องหมั้นกันเลยถึงจะมีแหวนคู่ แล้วทำไมต้องรอแค่วาระโอกาสนั้นแค่สาระเดียว เลยปรึกษากับพี่เราที่เขาเก่งด้านดีไซน์ จนออกมาเป็น แหวนคู่อินฟินิตี้ ที่ใส่ได้ทุกวัน เพราะแบรนด์เราเน้นเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกวัน ใส่เข้ากับทุกลุกส์การแต่งตัว เรียกว่า RAVIPA เป็นแบรนด์จิวเวลรี่แรกที่ทำแหวนคู่ออกมาขาย และเป็นจุดที่ทำให้แบรนด์มีกำไรต่อยอดมาเรื่อยๆ” คุณสา ว่าอย่างนั้น

แหวนอินฟินิตี้ สินค้าซิกเนเจอร์ของแบรนด์

หลังจากที่ผลิตแหวนคู่ออกมาชิมลางแล้วเห็นว่าไปได้ดี ก็ต่อยอดออกมาเป็นเครื่องประดับคอลเล็กชั่นอื่นๆ เรื่อยมา โดยจับจุดจากเทศกาลต่างๆ ผสมผสานให้เป็นเครื่องประดับที่ใส่ได้ทุกโอกาส

“สาว่าการทำธุรกิจ เราต้องทำให้มันมีความต่าง ทำยังไงก็ได้ให้แบรนด์มันโดดเด่นออกมา และมีคอนเซ็ปต์ที่มั่นคงเป็นของตัวเอง แบรนด์ RAVIPA ก็เริ่มต้นมาจากการขายบนออนไลน์เหมือนเจ้าอื่นๆ แล้วพอขายได้ก็เริ่มฝากขายในร้านที่สยามเซ็นเตอร์ เพราะลูกค้าบางคนเขาก็อยากมาดูมาจับมาลองก่อน ขายได้ก็นำเงินมาต่อเงิน ขยับขยายมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง หน้าร้านแรกของเราอยู่ที่ สยามพารากอน เริ่มมีพนักงานขาย ดำเนินกิจการเป็นรูปแบบหัก GP ห้าง ปัจจุบันเรามีร้านกว่า 10 สาขาในห้าง จากที่เริ่มทำกัน 2 คนพี่น้อง ตอนนี้ก็มีพนักงานในความดูแลร่วม 60 คนแล้วค่ะ” คุณสา เล่าอย่างนั้น

กระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจที่กำลังไปได้ดีอยู่แล้ว ยิ่งเติบโตขึ้นไปอีกขั้น เพราะผู้คนต้องการสิ่งของที่พึ่งทางจิตใจ ซึ่งประจวบเหมาะกับทางแบรนด์ได้ออกสินค้าคอลเล็กชั่น RAVIPA Reminder (ระวิภา รีมายเดอร์) ที่เป็นสร้อยข้อมือพร้อมจี้ขององค์เทพเจ้าต่างๆ ที่คนไทยนับถือ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สินค้าของแบรนด์กลายเป็นที่ต้องการของผู้คน ไม่เว้นกระทั่งดารา ไอดอลหลายๆ คนเองยังใส่กับเขาด้วย! ไม่ว่าจะเป็น ลิซ่า BlackPink, มินนี่ G(i)dle, ยอร์ช ยงศิลป์ และ แต้ว ณฐพร เป็นต้น

“ช่วงปี 2019 รู้สึกจะก่อนโควิดนิดเดียวเองค่ะ เราทำคอลเล็กชั่น RAVIPA Reminder (ระวิภา รีมายเดอร์) สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ออกมาขายเป็นแบบลิมิเต็ด ก็คือทำมาขายในจำนวนจำกัด ผลตอบรับจากลูกค้าดีมาก มีลูกค้าคนหนึ่งเขาก็ทักมาอยากให้ทำออกมาขายต่อ เขาจะซื้อไปฝากเพื่อนคนหนึ่งที่ตอนนั้นต้องการเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สาก็คุยกับพี่ว่าถ้าเราทำแบรนด์ไปและช่วยคนได้ด้วยมันก็ดีนะ ก็เลยออกคอลเล็กชั่นที่เป็นสร้อยข้อมือพร้อมจี้ ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้สาก็ร่วมออกแบบกับพี่สาว แบ่งเป็น 10 องค์เทพจีน และ 14 องค์เทพศักดิ์สิทธิ์ ที่คนไทยนับถือกันอยู่แล้ว”

“เพราะด้วยความที่สาเป็นสายทำบุญไหว้พระอยู่แล้ว เราก็เห็นว่าถ้าใส่สร้อยพระแต่ใส่เดรสใส่สูทมันก็ดูไม่แมตช์กับชุด แต่เราก็อยากพกพาความโชคดีติตตัวด้วย คือทำให้แฟชั่นกับความเชื่อมาผสมกันให้ได้ เลยทำให้มีความมินิมอล แล้วปลุกเสกด้วยพุทธคุณสายขาว ซึ่งเราดีไซน์ตามหลักโหรศาสตร์ ฮวงจุ้ย ดวงดาว และหลักสีมงคล นอกจากสวยแล้วต้องใส่ได้จริง ใส่มูให้คนไม่รู้ว่ามู ใส่หลายเส้นก็เหมือนเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง” คุณสา เล่า

ซึ่งคุณสา กล่าวว่า ราคาของสร้อยข้อมือคอลเล็กชั่น 10 องค์เทพจีน และ 14 องค์เทพศักดิ์สิทธิ์ นี้ อยู่ที่ 1,890 บาท

“ยอดขายต่อเดือนสาไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องอัตราการเติบโต ปีที่แล้วยอดขายเราโตขึ้น 2,000% ก็ตีเป็นมูลค่าหลัก 100 ล้านได้ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของแบรนด์ สาก็วางไว้ว่า จะทำการตลาดให้มากขึ้น และถ้าเปิดประเทศได้แล้ว ก็อยากเป็นแบรนด์ที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนนึกถึงเป็นแบรนด์แรกๆ หากเขาต้องการซื้อของฝากจากประเทศไทยกลับไป และอาจพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดเพียงเท่านี้” คุณสา ทิ้งท้าย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก RAVIPA และ เว็บไซต์ RAVIPA

เผยแพร่เมื่อ วันจันทร์ ที่ 23 มีนาคม 2565