สาวน้อยม.ปลาย ช่วยสางหนี้ 20 ล้านของครอบครัว ด้วย หมูสะเต๊ะออนไลน์

สาวน้อยม.ปลาย ช่วยสางหนี้ 20 ล้านของครอบครัว ด้วย หมูสะเต๊ะออนไลน์

“ตอนหนูอายุ 18 ที่บ้านโดนโกงไป 20 ล้าน ซึ่งนั่นเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่บ้านของหนูมีค่ะ” เจน-สมิทธานันท์ ธนาภิวงศ์ ปัจจุบันอายุยี่สิบต้นๆ บอกเล่าเรื่องราว ด้วยน้ำเสียงหม่น

จากชีวิตของสาวน้อยมัธยมปลาย ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ที่มีฝันอยากเป็นเจ้าของรีสอร์ตและกำลังจะได้ไปเรียนปริญญาควบที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้พลิกผันสู่บทบาทเจ้าของธุรกิจจำเป็น เพียงชั่วข้ามคืน

“ที่บ้านหนูมีกันอยู่ 3 คนค่ะ มีคุณแม่ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หนู แล้วก็พี่ชายอีกคน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา คุณแม่รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะถูกคนใกล้ตัวโกงเงินไป ทั้งคุณแม่และพี่ชาย รู้สึกท้อและหมดหวังมาก เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง หนูซึ่งในตอนนั้น มั่นใจในตัวเองมาก บอกกับทุกคนว่า เดี๋ยวหาเงินมาเลี้ยงทุกคนเอง”

เจน ในวันนั้น วัยเพียง 18 ยังไม่เคยได้ทดลองทำธุรกิจจริง แต่ยืนหยัดขึ้นมาเพื่อจะพลิกวิกฤตของบ้าน คงจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หากปราศจากความเชื่อมั่นอันแรงกล้า

เจน-สมิทธานันท์ ธนาภิวงศ์ เริ่มต้นธุรกิจขายหมูสะเต๊ะออนไลน์ ตั้งแต่อยู่ม.ปลาย

“ตอนนั้นหนูมั่นใจในตัวเองมากค่ะ คิดว่าตัวเองฉลาด เพราะหนูเป็นคนตั้งใจและเรียนดีมาตลอด ทำกิจกรรมเยอะ ประสบความสำเร็จในรั้วโรงเรียนหลายเรื่อง พอเกิดเรื่องที่บ้าน จึงคิดว่าแค่นี้เอง คนอื่นที่เขาเจอเรื่องแบบนี้ยังสู้ต่อไปได้เลย ทำไมเราจะสู้ไม่ได้ เลยมั่นใจ เริ่มทำธุรกิจเลย” เจน เล่าจริงจัง

ก่อนบอก เธอได้แรงบันดาลใจในการเริ่มต้นธุรกิจ ที่จะนำมาพลิกวิกฤต จากสูตรอาหารของครอบครัว

“คุณแม่ เคยได้สูตรหมูสะเต๊ะจากเมืองตรัง เมื่อสมัยที่ยังเปิดร้านอาหารอยู่ นานมากก่อนที่หนูจะเกิดอีกค่ะ คุณแม่เลยเอาสูตรมาปรับแล้วลองทำให้คนที่บ้านกินบ้าง ให้คนที่มาร้านอาหารชิมบ้าง ลูกค้าที่ได้ชิมก็ติดใจ เขาเลยมาขอซื้อเป็นเซตแล้วหิ้วไปขายต่อ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ขายมันจริงจัง เพราะกำลังการผลิตมีไม่มาก เลยกลายเป็นแค่ทุนติดตัวของที่บ้าน” เจน เล่า

กระทั่งวันหนึ่ง หลังจากที่บ้านของเธอเจอเรื่องไม่ดี คุณแม่ของเธอ ก็ได้ทำหมูสะเต๊ะสูตรนี้ให้ทุกคนกิน เธอเลยได้ไอเดียว่าเราต้องเอาหมูสะเต๊ะนี้ไปขาย อยากให้ทุกคนรู้ อยากให้หลายคนได้ชิม

ทุกการเริ่มต้นย่อมมีความท้าทายและอุปสรรค เจน เริ่มทดลองขายหมูสะเต๊ะภายใต้ชื่อแบรนด์ “แม่ หมูสะเต๊ะ” ในสถานที่ที่ไม่เคยมีใครขายมาก่อนในตอนนั้น นั่นก็คือ โลกออนไลน์

ผลงานที่ภูมิใจ

“4 ปีที่แล้ว ตลาดออนไลน์ยังไม่บูมเหมือนตอนนี้ การขายหมูสะเต๊ะออนไลน์ ขายแบบฟรีดีลิเวอรี่บนเฟซบุ๊ก ยังไม่ค่อยมีใครทำ หนูเลยคิดว่าเราเป็นเจ้าแรกๆ ต้องทำได้แน่นอน หนูมั่นใจว่าหนูทำได้ พอเปิดขายครั้งแรก มีการซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊กด้วย ผลตอบรับเยอะมาก พวกหนูก็ไม่ได้ตั้งรับกันเลยว่า ลูกค้าจะมาเยอะขนาดนี้ ข้อผิดพลาดเลยเกิดขึ้นเยอะมาก” เจน เล่าประสบการณ์ ครั้งนั้น

ก่อนบอกอีกว่า

“ปัญหามีหลายอย่างมาก ทั้ง เสียบหมูไม่ทัน มีปัญหาเรื่องการจัดการเวลาว่าจะทำทันไหม ส่งทันไหม คุณภาพหมูก็ไม่ต่อเนื่องด้วย เพราะช่วงแรกๆ สูตรยังไม่คงที่ ลูกค้ามีติมาบ้าง ในทุกครั้งที่มีการออกไปส่ง มีการสั่งซื้อ มันมีปัญหาสักอย่างมาให้แก้ ทั้งแม่ หนู พี่ชาย เลยต้องมานั่งคุยกันทุกครั้งว่าจะแก้ปัญหายังไง จนทุกวันนี้ปัญหามันดีขึ้น เพราะเราคุยหาทางแก้ด้วยกันในครอบครัว”

ผ่านมาราว 4 ปีแล้ว ที่ธุรกิจหมูสะเต๊ะของนักธุรกิจสาวน้อยคนนี้  ยืนหนึ่งในย่านสมุทรปราการ โดยเฉพาะเรื่องของความพิถีพิถันและคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดใจ และเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

“จะเลือกใช้เนื้อหมูวัยกลางคน เพราะเนื้อนุ่มกว่าหมูแก่ แต่แน่นกว่าหมูเด็ก ซึ่งต้องไปดีลกับที่โรงผลิตตั้งแต่แรกว่าจะเอาแบบนี้ จุดเด่นอีกอย่างคือกะทิ เพราะใช้หัวกะทิในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การหมักหมู การชุบย่างหมู หรือแม้แต่น้ำจิ้ม เพราะจะทำให้หมูนุ่มและหอมมากกว่าเดิม ถ้าลองเอาหมูสะเต๊ะของหนูไปวางทิ้งไว้นานๆ หรือเอาเข้าตู้เย็นแล้วเอามาเวฟอีกที ยังนิ่มอยู่ค่ะ” เจ้าของกิจการ แม่ หมูสะเต๊ะ เผยอย่างนั้น

น่าทานมั้ยคะ

ก่อนบอกอีกว่า ส่วนกระบวนการผลิต ค่อนข้างซับซ้อน ต้องนวดเนื้อหมูให้กล้ามเนื้อคลายตัว ให้เนื้อเบาตัวและนิ่มลงถึงจะย่างได้ ส่วนความแตกต่าง คือ หมูสะเต๊ะสูตรแทรกมันของร้าน จะไม่ใช่หมูที่เป็นเนื้อล้วนแล้วเสียบก้อนมันต่อท้ายไม้ แต่จะเลือกใช้ส่วนของหมูที่มีมันแทรกอยู่ในเนื้อเลย เนื้อจะเด้งมาก เคี้ยวแล้วสู้ฟัน นุ่มหนึบ เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน

เมื่อถึงคราวที่ธุรกิจหมูสะเต๊ะสามารถประคองครอบครัวของเจนได้แล้ว เธอก็ถึงเวลาที่จะเดินทางตามความฝัน ก่อนที่จะพบกับความฝันครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น และเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธออีกครั้ง

“ตอนที่หนูซิ่ว แล้วกลับมาสอบเข้าอีกรอบ ได้ปรึกษากับที่บ้านว่าจะเอายังไงดี แม่เลยเสนอชื่อวิทยาลัยดุสิตธานี เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน แถมหนูถนัดด้านการบริการด้วย และสนใจด้านการโรงแรมตั้งแต่ต้นด้วย เลยสมัครเข้ามาเรียนที่นี่ในสาขาวิชาการจัดการโรงแรม พอเข้ามาเรียน ทราบว่ามีสาขาวิชานวัตกรรมการบริการการท่องเที่ยวด้วย เลยเลือกย้ายไปเรียนที่สาขานี้” เจน เล่าอย่างนั้น

แม่ หมูสะเต๊ะ

ก่อนบอกอีกว่า การเรียนในสาขาวิชานวัตกรรมการบริการฯ ช่วยส่งเสริมธุรกิจของเธอได้มาก เพราะไม่ได้สอนแค่ความรู้ปัจจุบัน แต่สอนไปถึงอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น เทรนด์อาหารในอีก 5 ปีข้างหน้า เริ่มต้องดูว่าถ้าแนวโน้มเป็นอย่างนี้ จะออกแบบธุรกิจอย่างไรให้สอดคล้อง ซึ่งตอนที่ทำธุรกิจ ไม่เคยได้คิดถึงมุมนี้มาก่อน

นอกจากนี้ ยังมีวิชาอื่นๆ ที่ให้ออกแบบธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับอนาคต ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ “แม่ หมูสะเต๊ะ” ได้เยอะมาก

“อาจารย์จะปลูกฝังให้เป็นนวัตกร ต้องสร้างสรรค์ไอเดีย เพื่อให้ปรับตัวและพลิกแพลงได้ตลอด มันค่อนข้างยากนะคะ แต่หนูรับได้เต็มที่และพลิกแพลงมาใช้กับธุรกิจได้เยอะเลย” เจน บอกส่งท้าย

สนใจอุดหนุน โทร. 087-007-4585 หรือ เพจ  แม่ หมูสะเต๊ะ