Ñam Ñam จากร้านพาสต้าเล็กๆ สไตล์โฮมมี่ ขยายสาขาเข้าห้าง ภายใน 2 ปี!

Ñam Ñam จากร้านพาสต้าเล็กๆ สไตล์โฮมมี่ ขยายสาขาเข้าห้าง ภายใน 2 ปี!
Ñam Ñam จากร้านพาสต้าเล็กๆ สไตล์โฮมมี่ ขยายสาขาเข้าห้าง ภายใน 2 ปี!

Ñam Ñam Pasta and Tapas พาสต้าเส้นสด จากร้านเล็กๆ สไตล์โฮมมี่ ขยายสาขาเข้าห้าง ภายใน 2 ปี!

ได้ยินชื่อเสียงมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เปิดร้าน จนตอนนี้มีสาขาถึง 3 ที่แล้ว สำหรับร้าน Ñam Ñam Pasta and Tapas พาสต้าเส้นสด ในที่สุด เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้โอกาสพูดคุยกับ เชฟน้ำ หรือ คุณปุณฑริก พงษ์พานิช เจ้าของร้าน วัย 34 ปี คนนี้เสียที

เชฟน้ำ เล่าว่า ก่อนจะมาเปิดร้านเป็นของตัวเองได้อย่างทุกวันนี้ ใช้เวลากว่าหลายปีในการเดินทางข้ามน้ำข้ามประเทศไปเรียนทำอาหารโดยเฉพาะ เพราะตอนที่เรียนอยู่ที่ไทย เชฟน้ำไม่ได้เรียนมาโดยตรงนั่นเอง

เชฟน้ำ หรือ คุณปุณฑริก พงษ์พานิช เจ้าของร้าน

“ตอนแรกเลยก็เรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยค่ะ แต่ว่าไม่ได้เรียนทำอาหาร แล้วเราเองก็อยากทำอาหารเก่งๆ อยู่แล้ว เลยไปเรียนต่อที่โรงเรียนเชฟที่นิวยอร์ก ซึ่งมันก็มีทั้งสอนทำอาหารและการจัดการ หลังเรียนจบ ก็ทำงานในร้านอาหารที่นิวยอร์ก ตอนที่ทำงานในร้านอาหาร ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเปิดร้านเป็นของตัวเองขนาดนั้น แต่ว่าก็มีคิดวางแผนอนาคตไว้อยู่บ้าง” 

เพราะจริงๆ เราก็แค่อยากทำงานที่มันอยู่ในร้านอาหาร ทำงานในครัว พอย้ายจากนิวยอร์กมาสิงคโปร์ แล้วถ้าเรากลับมาไทย เราก็คิดว่าจะทำอะไรดี ก็เลยคิดว่าจะลองเปิดร้านดู คือมันเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่า เราก็ได้ผ่านประสบการณ์มาช่วงหนึ่งแล้ว แล้วก็น่าจะลองอะไรใหม่ๆ ถ้าทำได้ก็คือดี แต่ถ้าทำไม่ได้ มันก็เหมือนเป็นประสบการณ์ แบบลองก่อน ถ้ามันล้มตอนนี้ อาจจะลุกขึ้นทัน แล้วเราก็เผื่อใจไว้ระดับหนึ่งว่า มันไม่ได้ปังตั้งแต่แรกหรอก แต่ก็ยังทำ เพราะเราชอบทำอาหาร เราก็แค่อยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำแค่นั้นเองคุณน้ำ เล่า

หลังจากที่ตัดสินใจได้ว่าจะเปิดร้านอาหาร เชฟน้ำก็ต้องมานั่งคิดอีกว่า จะทำอาหารอะไรขายดี เพราะอาหารบนโลกนี้มีหลากหลาย จนมาจบที่ความชอบของตัวเอง นั้นคือ พาสต้า

“พาสต้าเป็นสิ่งที่เราชอบกิน แล้วเราก็ชอบทำอาหารที่เกี่ยวข้องกับพวกแป้งโด (dough) เลยตัดสินใจว่าจะทำพาสต้า แต่ว่าเราอยากจะมีจุดเด่นอะไรที่เป็นของเรา ให้มันแตกต่างจากร้านอื่น เราชอบพาสต้าก็จริง แต่ก็ไม่ต้องเป็นสไตล์อาหารอิตาเลียนคลาสสิคขนาดนั้น เลยตัดสินใจจะทำพาสต้าให้เป็นเส้นแบบสดทั้งหมด จะได้ไม่เหมือนคนอื่น แล้วก็เล่นกับรสชาติให้มีหลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะรสชาติคลาสสิค ให้ร้านมีทั้งเมนูปกติด้วย และก็เมนูที่แปลกๆ ใหม่ๆ ไว้ในร้านด้วย” เชฟสาว ว่าอย่างนั้น 

Ñam Ñam (ยัม ยัม) เป็นภาษาสเปน ที่แปลว่าอร่อย อีกทั้งตัวสะกดก็เหมือนกับชื่อของคุณน้ำ เธอจึงนำมาเล่นคำให้เป็นกิมมิกของร้าน ด้วยเหตุนี้ Ñam Ñam Pasta and Tapas จึงได้ถือกำเนิดขึ้น อาศัยขายออกงานตามบู๊ธมาได้พักใหญ่ หน้าร้านสาขาแรกจึงได้จัดตั้งขึ้น ณ ซอยศูนย์วิจัย ถ.เพชรบุรี กรุงเทพฯ ก่อนจะขยายสาขาที่ 2 เข้าไปในห้างดังอย่าง เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และสาขาล่าสุด เซ็นทรัล ลาดพร้าว

“เอาจริงๆ ตอนที่เปิดสาขาแรก ไม่ได้คิดว่าจะขยายสาขาได้เร็วขนาดนี้ เราก็แค่อยากจะทำอาหารให้มันสนุก สร้างสรรค์ แต่พอมันไปได้ดี ก็รู้สึกว่า มันมีโอกาสมาแล้ว เราก็อยากจะคว้ามันเอาไว้ เลยพยายามสร้างทีม ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่คิดว่ายากที่สุด เพราะเรื่องของอาหาร เรามีแพชชั่นกับมันอยู่แล้ว แต่เรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของธุรกิจ เรื่องบริหารคน อันนี้เป็นความยากของเรา แต่ก็โชคดีที่เราก็มีทีมงานคนอื่นที่เก่งด้านธุรกิจมากกว่าเข้ามาช่วยเรา เพราะว่าเราไม่สามารถทำได้คนเดียว” เชฟคนเก่ง เล่า

Ñam Ñam สาขาล่าสุด เซ็นทรัล ลาดพร้าว

โดยจุดเด่นของร้านพาสต้าเส้นสดแห่งนี้ มีเส้นที่ทำเองสดใหม่ทุกวัน และมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบที่ใช้แป้งเซโมลินาในการทำ ด้วยเนื้อแป้งที่มีความหยาบเล็กน้อย เส้นสดที่ได้จึงมีสัมผัสเด้งดึ๋ง ส่วนแบบที่ 2 คือการใช้แป้งดับเบิ้ลโอผสมไข่ ทำให้เส้นมีหน้าตาคล้ายบะหมี่ และมีความนุ่มกว่าแบบแรก

นอกจากนั้นยังมี แบบเส้น ให้เลือกแยกย่อยอีกกว่า 14 เส้น ไม่ว่าจะเป็น Spaghettini, Rigatoni, Linguine, Spaghettini Black Ink, Fusili, Gemili, Reginette Black Ink, Fettucine, Pipe Rigate, Bucatini, Togliolini, Creste Di Galo Rigate และ Reginette

“ถึงแม้เราจะทำเส้นพาสต้าเป็นหลักแต่เราก็ไม่ได้นิยามตัวเองว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียน แต่นิยามตัวเองว่าเป็น Universal Cuisine เพราะเราอยากจะใช้ความคิดสร้างสรรค์และทำอาหารที่เราชอบแบบไม่มีข้อจำกัด โดยมีเส้นพาสต้าเป็นสื่อกลางให้เราได้นำรสชาติต่างๆ มานำเสนอในจานให้กับลูกค้า เราจึงมีอาหารจานทั้งคลาสสิคและแบบผสมผสานให้ลูกค้าได้เลือกอร่อยกันตามความชอบ”

นอกจากนั้น เชฟน้ำ ยังบอกอีกว่า เส้นที่เรียกว่าฮอตฮิตมากๆ ของร้าน คือ เส้นที่ไม่มีไข่ ซึ่งเส้นหยักๆ ที่มีชื่อว่า Reginette เป็นเส้นที่ขายดีที่สุดในร้าน เพราะดูแปลกใหม่ รสสัมผัสมีความหนึบ ให้ความรู้สึกที่ดีเวลาเคี้ยว อีกทั้งเป็นเส้นที่หาทานอร่อยๆ ได้ไม่ง่ายนัก แม้จะมีร้านที่มีเส้นประเภทนี้อยู่บ้าง

ความแตกต่างหลักๆ ของเราเลย นอกจากจะเป็นเส้นสดทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นเรื่องของรสชาติ และสไตล์อาหารที่ไม่ใช่แนวอาหารอิตาเลียน แต่เป็น Universal Cuisine ก็คือ ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นอาหารสัญชาติไหน เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้กับอะไร ก็จะพยายามเอาสิ่งนั้นมาทำและผสมผสานออกมาเป็นจานพาสต้าที่เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้ สนุก แล้วถ้าคนชอบเราก็ดีใจ

จริงๆ แล้วถ้าอยากทำเป็นของตัวเองมันก็ดี หรือจะเป็นลูกจ้างมันก็ไม่ได้แย่ แต่เราต้องหาตัวเองให้เจอ หาสไตล์ของเราเจอ เช่นอยากทำร้านอาหาร เราต้องหาตัวตนของเราให้เจอ เพราะอาหารแต่ละอย่างมันก็มีเอกลักษณ์ของมัน เราก็แค่หาจุดที่เราแฮปปี้ เราจะไม่บอกว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราพยายามมาก แล้วมันจะสำเร็จไหม เพียงแค่เราต้องไม่ประมาท อย่างที่บอกมาโดยตลอดว่า เราก็ไม่ได้คิดว่า เปิดร้านมาแล้วมันจะสำเร็จ แต่ว่า เราเปิดร้านมาเพื่อเจอกับปัญหา และเราจะแก้มัน อันนี้คือสิ่งที่คิดไว้ ถ้าใครอยากที่จะทำอะไร ก็ทำเลยค่ะ แต่ก็อย่ามองโลกสวยงามจนเกินไป ให้คิดว่างานก็คือปัญหา แต่ปัญหาไม่ใช่สิ่งไม่ดี มันจะทำให้เราเก่งขึ้น ดีขึ้น” เจ้าของร้านคนเก่ง ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565