วัยรุ่นจะรวย! เปิดเคล็ดลับ ทายาทกุยช่ายสะพานหัน ปั้นแบรนด์เงินล้าน 11 สาขา

วัยรุ่นจะรวย! เปิดเคล็ดลับ ทายาทกุยช่ายสะพานหัน ปั้นแบรนด์เงินล้าน 11 สาขา
วัยรุ่นจะรวย! เปิดเคล็ดลับ ทายาทกุยช่ายสะพานหัน ปั้นแบรนด์เงินล้าน 11 สาขา

วัยรุ่นจะรวย! เปิดเคล็ดลับ ทายาทกุยช่ายสะพานหัน ปั้นแบรนด์เงินล้าน 11 สาขา

หากพูดถึงร้านที่กำลังเป็นกระแสย่านตลาดพลูที่มาแรงที่สุดในช่วงเวลานี้ ต้องยกให้ “กุยช่ายสะพานหัน” ร้านกุยช่ายไม่ธรรมดาที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิดของ คุณท็อป-กิตติศักดิ์ ไกรบำรุง ชายหนุ่มวัย 20 เศษ ทายาทรุ่นที่ 4 ผู้สานต่อร้านกุยช่ายเล็กๆ ของครอบครัว ให้กลายเป็นร้านกุยช่ายเงินล้านที่มีคนมาต่อคิวอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังส่งต่อกลิ่นหอมกรุ่นขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วถึง 11 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น!

กุยช่ายสะพานหัน รสชาติดั้งเดิม
กุยช่ายสะพานหัน รสชาติดั้งเดิม

กุยช่ายสะพานหัน รสชาติดั้งเดิม ตำนานกว่า 50 ปี

ร้านกุยช่ายสะพานหันแรกเริ่มเดิมทีเป็นเพียงร้านค้ารถเข็น ย่านสำเพ็ง เยาวราช ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนตัดสินใจตั้งถิ่นฐานเป็นเพิงร้านเล็กๆ ที่สะพานหัน ที่ผู้คนรู้จักและคุ้นเคยในชื่อ “กุยช่ายสะพานหัน” ด้วยรสชาติดั้งเดิมสูตรจากตำรับอาหารจีนของอาม่า ไม่ว่าจะเป็นแป้ง เครื่องปรุง วัตถุดิบทุกอย่างล้วนพิถีพิถัน และยังคงรสชาติได้อย่างมีมาตรฐาน เหมือนแช่แข็งรสชาติแห่งความอร่อยมากว่า 50 ปีให้ยังคงอยู่ ทำให้ร้านนี้กลายเป็นตำนาน และกลายเป็นร้านกุยช่ายในดวงใจของคนรุ่นเก่าอยู่เสมอ

เมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนผ่าน ท็อป-กิตติศักดิ์ ไกรบำรุง ทายาทรุ่นที่ 4 ในวัย 20 เศษ ชายหนุ่มผู้เติบโตมาพร้อมกับกุยช่ายรสชาติดั้งเดิม จึงมีความคิดเล็กๆ ในหัวว่าอยากยกระดับกุยช่ายของครอบครัว ให้คนอื่นได้รู้จักกับรสชาติแห่งความอร่อยนี้ให้มากขึ้น

เพื่อสานต่อความฝัน ท็อปได้เปิดร้านกุยช่ายแบรนด์ของตัวเองภายใต้ชื่อ “ฮ่องเต้” โดยได้รับสูตรและคำแนะนำจากคุณแม่และอาม่ามาพัฒนาเป็นของตัวเอง ซึ่งในครั้งนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะสามารถขยับขยายสาขาได้ถึง 6 สาขาตามตึกออฟฟิศและห้างสรรพสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาเพียงปีเศษ

ร้านกุยช่ายสะพานหัน
ร้านกุยช่ายสะพานหัน

ปรับกลยุทธ์ พลิกกุยช่ายแผงลอยสู่กุยช่ายกึ่งร้านคาเฟ่

ธุรกิจเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งวิกฤตโควิด-19 เข้ามาเยี่ยมเยือน ส่งผลให้ห้างร้านและออฟฟิศต้องปิดให้บริการชั่วคราว แต่เหมือนปิดถาวรสำหรับคนประกอบธุรกิจ รายได้ที่เคยได้ก็วิ่งถอยหลังจนกลายเป็นศูนย์ แต่รายจ่ายกลับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ร้านกุยช่ายฮ่องเต้ต้องปิดตัวลงอย่างถาวรในทุกสาขา

แต่ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของท็อปยังคงอยู่ ความฝันในการพารสชาติในวัยเด็กที่คุ้นเคยให้ผู้คนได้ลิ้มลองความอร่อย ทำให้เขาก้าวผ่านความกลัวในการทำธุรกิจ และลุกขึ้นมาเปิดร้านอีกครั้งในช่วงสถานการณ์โควิด ทว่าคราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะท็อปเปลี่ยนแนวทางการทำตลาดจากเดิมที่เน้นขายตามออฟฟิศสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มาเป็นแหล่งชุมชน มาเป็นตลาด เพื่อเข้าถึงผู้คนให้มากขึ้น จนถือกำเนิดเป็นสาขา “กุยช่ายสะพานหัน” ที่ตลาดพลู เพื่อสานต่อตำนานของธุรกิจครอบครัว และชื่อนี้ก็ค่อยๆ เรียกลูกค้าประจำให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

สิ่งที่ท็อปเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจของเขาไปข้างหน้าคือการยกระดับแผงลอยร้านกุยช่าย ให้กลายเป็นกึ่งร้านคาเฟ่ที่สามารถนั่งทานที่ร้านได้ ถ่ายรูปโชว์ร้านสวยๆ รวมถึงเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ให้กุยช่ายกลายเป็นของฝากที่ทุกคนอยากซื้อ พร้อมทั้งนำรสชาติแห่งความทรงจำในวัยเด็กอย่าง “กุยช่ายตอกไข่” มาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ที่คนต้องมากินที่ร้านกุยช่ายสะพานหันเพียงเท่านั้น

“เบอร์เกอร์กุยช่าย”
เบอร์เกอร์กุยช่าย

พลิกวิกฤตสู่โอกาส ธุรกิจเงินล้านฉบับกุยช่ายสะพานหัน

แต่โชคชะตาเหมือนจะเล่นตลก เพราะเปิดร้านได้แค่วันเดียว วิกฤตโควิดก็กลับมาระบาดรุนแรงขึ้นจนถูกจำกัดห้ามนั่งกินที่ร้าน โมเดลการตลาดออนไลน์ก็ไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากกุยช่ายไม่ใช่อาหารชนิดแรกที่คนอยากสั่งดีลิเวอรี่ จนเขาต้องแก้เกม ยกระดับกุยช่ายแบบต้นตำรับสร้างเมนูที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เพื่อตอบโจทย์ผู้คนในช่วงเวิร์กฟรอมโฮม ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบอาหารฟาสต์ฟู้ด ออกมาเป็น “เบอร์เกอร์กุยช่าย”

จนกลายเป็นไวรัลทั่วอินเทอร์เน็ต ดึงให้นักกินไปเยือนพร้อมถ่ายรูปลงโซเชียล สร้างยอดขายถล่มทลายให้ทางร้าน ส่งให้ท็อปก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของวงการกุยช่ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 11 สาขาทั่วกรุงเทพฯ จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจเงินล้านในวัยไม่ถึง 30