แนะอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ทำน้ำพริกกระปุกขาย งบ 2 พัน ทำขายได้

แนะอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ทำน้ำพริกกระปุกขาย งบ 2 พัน ทำขายได้

ทำน้ำพริกกระปุกขาย

ช่วนี้คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ผู้คนจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวังมากขึ้น บรรยากาศการใช้จ่ายจึงดูเงียบเหงาลงไปบ้าง อีกทั้งยังมีกระแสการปรับโครงสร้างบริษัท โดยการปลดพนักงานออก ก็มีมาอยู่เนืองๆ กระทั่งมีข่าวคราวของการปิดตัวของธุรกิจขนาดเล็ก หรือธุรกิจรายย่อยต่างๆ อีกไม่น้อย ยอดการซื้อขายและเศรษฐกิจในช่วงนี้ก็ดูจะซบเซา

พนักงานประจำหลายๆ คน อาจกำลังมองหาอาชีพเสริมที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตรายจ่ายที่มีอยู่เท่าเดิม แต่รายรับไม่ได้เพิ่มขึ้นในภาวะแบบนี้ด้วย หรือบางท่านที่กำลังตกงาน อยู่ในภาวะที่กำลังหางานใหม่ทำ หรือต้องการหากิจการค้าขาย เพื่อหาเงินในช่วงนี้ แต่มีเงินทุนในการลงทุนน้อย หรือไม่ค่อยมีทักษะในด้านดังกล่าวมากนัก

ส้นทางเศรษฐี มีอาชีพค้าขายที่น่าสนใจ และลงทุนน้อย เป็นได้ทั้งอาชีพเสริม และอาชีพหลัก ทำเงินมานำเสนอ โดยได้ คุณขนิษฎา ชัยชาญกุล หรือ ครูตุ๊ก มีประสบการณ์การสอนอาชีพ ที่สำนักงานส่งเสริมและฝึกอบรมกำแพงแสน มาเล่าถึงอาชีพสร้างเงินและลงทุนน้อย มาฝาก

ซึ่งครูตุ๊ก เกริ่นเล่าให้ฟังว่า “ตนก็ได้ลาออกจากการทำงานออฟฟิศมากว่า 20 ปีแล้ว หากย้อนไปเมื่อปี 2540 ได้เริ่มเรียนทำอาหาร ที่วิทยาลัยในวัง เพราะมีความคิดว่า การเรียนรู้สูตรเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น เพื่อที่จะได้เป็นทางช่วยร่นระยะเวลาในการลองผิดลองถูก และหากรู้สูตรที่อร่อย ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายได้ด้วย

15231559_1307465779295748_1139534762_o

จากที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วมาเป็นแม่บ้าน ตอนนั้นก็พอจะมีเวลาว่าง เลยอยากหาอาชีพค้าขาย  โดยมีความรู้จากการเรียนทำอาหาร จึงต่อยอดจากตรงนั้น ตอนแรกที่คิดจะทำอาหารขาย เริ่มทำจากสลัดก่อน สลัดก็ทำง่าย มีตะกร้อมืออันเดียวก็ทำขายได้แล้ว วันแรกที่ทำขาย 10 กล่อง ได้เงิน 200 กว่าบาท ขายได้หมด รู้สึกดีใจมาก 3 วันต่อมา ก็ทำขายอีก ทำขายหน้าบ้าน ก็ขายได้หมด ตอนนั้นสลัดไม่ได้เป็นที่ยอดนิยม หรือเป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้”

จนกระทั่งวันหนึ่ง ทำน้ำพริกมะขามขาย ก็ขายได้ จึงได้ทำน้ำพริกสูตรต่างๆ ออกมาจำหน่าย หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ครูตุ๊กมีสูตรน้ำพริกเป็นของตนเองกว่า 50 สูตร และได้กลายเป็นสินค้า OTOP ของเขตบางแค กรุงเทพฯ ได้นำไปวางจำหน่ายที่เดอะมอลล์ บางแค ด้วย ภายใต้ชื่อแบรนด์ น้ำพริกคุณตุ๊ก โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน  อย. เรียบร้อยแล้ว

สำหรับคำแนะนำด้านเงินลงทุนครั้งแรกที่จะทำน้ำพริกขาย ครูตุ๊ก บอกว่า “น้ำพริกแต่ละสูตร ใช้วัตถุดิบและการลงทุนที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายของน้ำพริกชนิดนั้น เริ่มต้นลงทุนตอนแรก อาจจะสูงสักนิด ถ้าหากต้องลงทุนด้านอุปกรณ์ อย่างเครื่องบด หรือกระทะสำหรับผัดด้วย แต่หากเอาอุปกรณ์จากในครัวที่มีอยู่แล้ว มาปรับประยุกต์ใช้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หากยังไม่มีเงินลงทุนที่มากนัก แต่ก็จำเป็นต้องลงทุนเรื่องแก๊ส หรือบรรจุภัณฑ์ อาจจะใช้เงินประมาณ 1,000-2,000 บาท

15204189_1307374729304853_2064334414_o

สำหรับการลงทุนกับวัตถุดิบสด โดยน้ำพริกเกือบจะทุกรสชาติ 1 กิโลกรัม จะใช้เงินลงทุนประมาณ 200-300 บาท บวกลบ ตามวัตถุดิบในการทำและราคาวัตถุดิบตอนนั้น และสถานที่ซื้อ ยกตัวอย่าง น้ำพริกแมงดา ที่การลงทุนไม่สูงมากนัก ทั้งคนนิยมกิน เก็บรักษาได้นาน และมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากมาก เป็นน้ำพริกชนิดแรกๆ ที่อยากแนะนำให้ทำขาย และการทำน้ำพริกแต่ละครั้งในทุกสูตร ควรผัดอย่างน้อย 6 กิโลกรัม เพื่อให้คุ้มกับค่าแก๊สและเวลาที่เสียไป โดยปกติน้ำพริกจะมีกำไรเฉลี่ยประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์”

สูตรน้ำพริกแมงดา และสูตรน้ำพริกเห็ดนางฟ้า

ส่วนผสม

หอมแดง                 1.5 กิโลกรัม

กระเทียม                 1.5 กิโลกรัม

กะปิ                        500 กรัม

น้ำตาลปี๊บ              700 กรัม

มะขามเปียก          1 กิโลกรัม

เกลือ                       100 กรัม

กุ้งแห้งป่น               500 กรัม

พริกขี้หนูแห้ง          500 กรัม

ผงคนอร์                  200 กรัม

ปลาน้ำดอกไม้       500 กรัม

กลิ่นแมงดา            4-5 ขวด

แมงดา                    1 ตัว

น้ำปลาเล็กน้อย

วิธีทำ น้ำพริกแมงดา

  1. ปอกหอมแดง กระเทียม พริกขี้หนูแห้ง คั่วให้หอม ส่วนแมงดาปิ้งไฟ นำมาบดเข้ากันให้ละเอียด
  2. ต้มปลาน้ำดอกไม้ให้สุก แกะเอาแต่เนื้อ บดกับมะขามเปียกให้ละเอียด
  3. นำส่วนผสมข้อ 1 และข้อ 2 คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยคนอร์ น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำปลา จากนั้นลงผัดให้หอม โดยใช้ไฟอ่อน ผัดต่อประมาณ 1 ชั่วโมง จนรู้สึกว่าน้ำพริกค่อนข้างแห้ง เพราะน้ำพริกยิ่งแห้งจะเก็บรักษาได้นานขึ้น
  4. เมื่อผัดจนแห้งได้ที่ ใส่กลิ่นแมงดา พร้อมแมงดาที่ปิ้งแล้วลงคลุกให้ทั่ว
  5. ใช้ขวดแก้ว กระปุก หรือพลาสติกแข็งที่ทนความร้อน บรรจุน้ำพริกลงไปขณะยังร้อน ปิดฝาให้สนิท คว่ำขวดลง 5 นาที กลับขึ้นนำไปลวกน้ำร้อน และทิ้งขวดให้แห้งสนิท ถ้าเป็นกระปุกพลาสติกอ่อน ในกรณีบรรจุสำหรับขาย บรรจุน้ำพริกขณะร้อน แต่จะปิดฝาต่อเมื่อน้ำพริกเย็นแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดไอน้ำเกาะด้านใน เพราะจะทำให้น้ำพริกเกิดเชื้อราได้ สูตรน้ำพริกแมงดานี้ สามารถทำน้ำพริกได้ 6.5 กิโลกรัม

namprik-1

สูตรน้ำพริกเห็ดนางฟ้า

ส่วนผสม

เห็ดนางฟ้าฉีกฝอย                  2 กิโลกรัม

กระเทียมกลีบใหญ่หั่นตามแนวขวาง 2 กิโลกรัม

หอมแดงหั่นตามแนวยาว     2 กิโลกรัม

กุ้งแห้งแบบมีเปลือก              1 กิโลกรัม

พริกขี้หนูแห้งบี้พอแตก          500 กรัม

น้ำตาลทราย                          200 กรัม

เกลือป่น                                  2 ช้อนโต๊ะ

น้ำสะอาด                               3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ น้ำพริกเห็ดนางฟ้า

เริ่มจากการนำเห็ดนางฟ้า กระเทียม หอมแดงใหญ่ กุ้งแห้ง และพริกขี้หนู ไปทอดน้ำมันพอเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ระวังอย่าให้ไหม้เพราะจะเสียรสชาติ! นำน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำตาลทราย ลงไปเคี่ยวในกระทะ ใส่น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวจนข้นเป็นยางมะตูม

จึงนำกุ้งแห้งและพริกขี้หนูลงใส่ไปในกระทะ คนแบบเบามือที่สุด แล้วค่อยนำส่วนผสมที่เหลือนั้นใส่ลงในกระทะคนให้เข้ากัน หากคนแรงไปส่วนผสมจะป่นไม่น่าทาน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำไปบรรจุกระปุก เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ข้อแนะนำ

  1. ใช้เห็ดนางฟ้าชนิดเดียวเท่านั้น เพราะเวลานำมาทอดแล้วมีรสชาติอร่อยกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ พร้อมกับไข่ต้ม หรือจะเป็นกับแกล้ม หรือทานเล่นก็ได้
  2. ตามสูตรนี้สามารถทำน้ำพริกได้ 4.5 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 300 บาท บรรจุกระปุกละ 100 กรัม ขาย 20 บาท หากคิดกันตามเนื้อผ้าแล้ว น้ำพริกเห็ดนางฟ้ากุ้งกรอบ สามารถสร้างกำไรได้ 40% นับว่าเป็นรายได้ที่ดีพอสมควร

เงินทุน ทุนอุปกรณ์ 500-1,000 บาท ทุนวัตถุดิบ 115 บาท ต่อกิโลกรัม รายได้ 300 บาท ต่อกิโลกรัม

อุปกรณ์ที่หาได้ในครัวเรือน ประกอบด้วย กระทะ ทัพพี มีด เขียง กะละมัง