ธุรกิจเสื้อผ้า ยอดขายหลักแสน เจอวิกฤตซัดจนบอบช้ำ หันขาย ขนมเปี๊ยะเพื่อสุขภาพ 

จากธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าที่ปลุกปั้นมานานหลายปี ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรืองสามารถสร้างรายได้เป็น กอบเป็นกำ แต่เมื่อเกิดวิกฤต ส่งผลให้กิจการหยุดชะงัก หน้าร้านบางสาขาปิดตัว เพื่อความอยู่รอดระหว่างนี้ คุณอ้อ-ธันย์ณภัทร และ คุณติ๊ด-พัทธนันท์ นพสุวรรณชัย เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า จึงต้องปรับตัว สร้างแบรนด์ขนมเปี๊ยะเพื่อสุขภาพ หารายได้

เปิดแบรนด์เสื้อผ้า 

คุณอ้อ เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจเสื้อผ้าให้ฟังว่า มาจากคุณติ๊ด (สามี) ซึ่งทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทเครื่องพิมพ์ของเยอรมัน ส่วนตนเองเป็นพนักงานในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเกิดแนวคิดอยากทำธุรกิจเล็กๆ และสิ่งที่อยากทำตอนนั้น คือ เสื้อผ้างานพิมพ์ลายวินเทจ เจาะกลุ่มเด็กวัยรุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

คุณติ๊ดเป็นคนออกแบบลายเสื้อผ้า เพราะมีความรักในการทำกราฟิก ส่วนคุณอ้อดูเรื่องการตลาดและการผลิต

“เราลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์ 3 เครื่อง หาพนักงานมาช่วยฝ่ายผลิต ฝ่ายแพ็ก หาช่างเย็บผ้า และหาโรงงานผลิตผ้า จนสามารถเปิดแบรนด์เสื้อผ้าได้ 3 แบรนด์ คือ Lepetidprint (เลอเปอติ๊ดปริ้น), PuchiPurinto (ปุจิปุรินโตะ), Rita (ริต้า) ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว”

“หลังวางจำหน่าย ผลตอบรับถือว่าดีมากจากทั้งคนไทยและต่างชาติ จนได้ฉายาว่าร้านรถติด เนื่องจากลูกค้ามาอุดหนุนแน่นร้าน และได้ขยายอีก 4 ร้าน รวมๆ รายได้ขาย 3 วัน ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ยังไม่รวมขายส่งต่างชาติ”

วิกฤตซัดจนบอบช้ำ ปิดหลายสาขา 

จากนั้นมีเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามา คุณอ้อ บอกว่า ตั้งแต่เกิดโควิดรอบแรก ร้านบางสาขาเริ่มทยอยปิดตัว เนื่องจากไม่มีลูกค้าต่างชาติ พยายามทนมาจนโควิดรอบ 2 แต่ยิ่งทนยิ่งโหดร้าย เริ่มเข้าเนื้อตัวเอง เลยต้องขอปิดพักกิจการก่อน

“อ้อปิดสาขาสวนจตุจักร ส่วนอีกสามสาขาที่ห้าง Terminal21 อโศก ร้านแรกขายแบรนด์ริต้า เป็นแฟชั่นคู่แม่ลูกแฟชั่นโมริ ปัจจุบันเปิดขายปกติแล้วแต่ต้องคอยลุ้นว่าวันนี้จะได้เปิดบิลหรือเปล่า เพราะคนเดินน้อยมาก ส่วนร้านที่สองขายแบรนด์ปุจิปุรินโตะ เป็นแฟชั่นนิสต้าของเด็กและผู้ใหญ่ ปัจจุบันปิดกิจการถาวรแล้ว เช่นเดียวกับร้านที่สามขายแบรนด์เลอเปอติ๊ดปริ้น เน้นจำหน่ายเสื้อยืดเป็นหลัก ปิดกิจการแล้วตั้งแต่โควิดรอบแรก”

นอกจากสาขาที่กล่าวข้างต้น คุณอ้อ บอกว่า “สาขาพัทยา ห้าง Terminal21 ซึ่งขายแบรนด์ปุจิปุรินโตะได้ปิดกิจการชั่วคราวเหมือนกัน เนื่องจากลูกค้าต่างชาติหายไป ก่อนโควิดรายได้ต่อเดือน ทั้งสาขาอโศกและพัทยา สองสาขารวมกันประมาณสองแสนบาทขึ้นไป”

คุณอ้อ เล่าย้อนถึงความบอบช้ำแสนสาหัสในช่วงวิกฤตให้ฟังว่า “ก่อนเกิดโควิดรอบแรกมีออร์เดอร์เตรียมส่งออกให้ลูกค้า แต่เช้าวันรุ่งขึ้นได้รับข้อความว่าขอให้โฮลด์สินค้าที่สั่งทั้งหมดไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เราเร่งให้พนักงานผลิตแบบต้องทำโอทีด้วยซ้ำ จนถึงปัจจุบันลูกค้ายังปฏิเสธรับออร์เดอร์แบบไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศเขาก็ย่ำแย่เช่นกัน เราแทบจะมองไม่เห็นทางสว่างเลย พยายามบอกให้ตัวเองสู้ แต่ไม่รู้เลยว่าจะสู้กับอะไร”

ขนมเปี๊ยะกู้วิกฤต 

จนปัจจุบัน คุณอ้อได้ผันตัวเองมาขายขนมเปี๊ยะเพื่อสุขภาพ เริ่มจากลงเรียนคอร์สทำน้ำเพื่อสุขภาพ ขนมคลีน และคีโต

“เป็นคนรักสุขภาพ ชอบทานอาหารคลีน ขนมคลีน และศึกษาเกี่ยวกับพวกอาหารรอว์ฟู้ดอยู่แล้ว เมื่อเกิดวิกฤตรอบแรก ก็พยายามลงคอร์สเรียนทำขนม ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะทำขาย แต่พอทำไปทำมาเกิดความชอบ ทำไปให้เพื่อนและคนรู้จักทาน บางทีก็ทำแจกบ้าง จนหลายคนทักว่าให้ทำขาย เลยลองเปิดเพจรับพรีออร์เดอร์ดู พอเปิดก็มีออร์เดอร์มาเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาที่จะรับออร์เดอร์ขนมอย่างอื่น แผนการทำขนมเปี๊ยะจริงๆ คือ รับทำเดือนละครั้ง แต่ก็มีออร์เดอร์แบบเข้ามาต่อเนื่อง”

สำหรับขนมเปี๊ยะของคุณอ้อ จำหน่ายภายใต้แบรนด์ LVS – ลา วี เซน La Vie Saine “สุขภาพดี ชีวิตดี” เป็นสูตรที่ปราศจากการใช้น้ำตาลทราย และการใช้สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลิ่นสังเคราะห์หรือสีผสมอาหารใดๆ มี 4 รสชาติให้เลือกทาน คือ Kale ผักเคล ไส้ถั่วไข่เค็ม, Sangyod Rice ข้าวสังข์หยดไส้มันหวานญี่ปุ่น, Beetroot บีทรูทไส้ถั่วล้วน และ Charcoal ชาร์โคล ไส้ฟักทอง 

“จุดเด่นของเรา คือ ยังคงลักษณะความโดดเด่นของความเป็นขนมเปี๊ยะทั่วไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีความพิเศษและโดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบธรรมชาติ เพราะเราเชื่อว่าการใช้ของจากธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และความพิเศษของการนำซูเปอร์ฟู้ดเข้ามาใช้ในการทำขนมเปี๊ยะ เพื่อให้ขนมแตกต่างไม่เหมือนใคร”

ราคาจำหน่าย กล่อง 6 ชิ้น 189 บาท กล่อง 8 ชิ้น 239 บาท สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก LVS – ลา วี เซน La Vie Saine “สุขภาพดี ชีวิตดี”