ถ้าไม่มีความชัดเจน…คงต้องปิดร้าน เพราะวิกฤตรอบนี้ แย่กว่าที่ผ่านมา

ถ้าไม่มีความชัดเจน...คงต้องปิดร้าน เพราะวิกฤตรอบนี้ แย่กว่าที่ผ่านมา
ถ้าไม่มีความชัดเจน...คงต้องปิดร้าน เพราะวิกฤตรอบนี้ แย่กว่าที่ผ่านมา

ถ้าไม่มีความชัดเจน…คงต้องปิดร้าน เพราะวิกฤตรอบนี้ มันแย่กว่าที่ผ่านมาจริงๆ

หลังจากที่ได้สัมภาษณ์กันไปตั้งแต่มีการระบาดใหม่ๆ วันนี้มีโอกาสได้กลับมาคุยกับ คุณใหญ่ – ธรณ์เทพ รัตนากร ออร์แกไนเซอร์ผู้ผันตัวมาทำขนมไทยขายในช่วงโควิด-19 อีกครั้ง เขาอัพเดตกิจการให้ฟังว่า ในช่วงหนึ่งปีที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ด้วยสายอาชีพที่ทำเกี่ยวกับอีเว้นต์งาน ทำให้ได้รับผลกระทบและปรับตัวโดยการมาทำขนมไทยโบราณขาย

เกสรลำเจียก สีพระอาทิตย์ตก

หลังสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น ก็กลับมารับงานจัดอีเว้นต์ได้เหมือนเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มมาตรการการป้องกันโควิด-19 เข้ามา ทำให้มีเวลาให้ธุรกิจขนมไทยน้อยลง จึงอาศัยก็ออกบู๊ธขายเสียเป็นส่วนใหญ่

“ขนมไทยกระแสดีนะครับ แต่ด้วยความที่สถานการณ์มันเริ่มกลับมาปกติ เราก็กลับไปทำงานหลักของเราเป็นหลัก แต่ขนมก็ยังไม่ได้ทิ้ง ยังทำเหมือนเดิมแต่เน้นออกบู๊ธขายมากกว่า ลูกค้าก็มีมาบอกว่า เขาอยากกินแต่ตามไปทุกงานที่เราไปไม่ได้ เลยแพลนกันกับทีมว่าจะทำเป็นร้าน แต่ก็มาจังหวะโควิดรอบ 2 ก็เลยต้องหยุดไว้กัน แต่ก็ดูๆ สถานที่เตรียมไว้”

“พอรอบ 2 มันซาแล้วก็เลยได้ฤกษ์เปิด ลูกค้าก็แวะมากันเยอะแยะเลย ที่ร้านรับคนได้ประมาณ 40 คน ก็เต็มร้าน แต่พอเข้าช่วงมีนา กระแสก็เริ่มซาลง น่าจะเพราะคนเริ่มเซฟเงินไว้ไปเที่ยวสงกรานต์ แต่ก็นั่นแหละครับ สงกรานต์ ก็แจ๊กพ็อตมีโควิดอีก ก็ตามนั้นเลย ต้องปิดหน้าร้าน ทำให้ยอดไม่ค่อยดี” คุณใหญ่ ว่าอย่างนั้น

เจ้าของร้าน ยังกล่าวต่ออีกว่า โควิดรอบนี้คนสั่งของน้อยลง จึงแตกไลน์สินค้าออกมาขายเพิ่มเติม คือ สินค้าพวกเครื่องหอม ไม่ว่าจะเป็นก้านไม้หอม เทียนหอม ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่า เป็นสินค้าที่อยู่ในหมวดหมู่ของกลิ่น เช่นเดียวกับขนมไทย ซึ่งมีการใช้การอบควันเทียน จึงสามารถนำมาต่อยอดให้เข้ากับร้านได้ และกำลังทำไลน์น้ำมันนวดออกมาขายเพิ่มเติม ในเร็วๆ นี้

“ก็ทำทุกอย่างที่พอจะทำได้ เพราะจากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไรเลย มาตรการที่ออกมาก็เข้าไม่ถึง เพราะต้องจดเป็นนิติบุคคล โน่นนี่ ซึ่งเราไม่มีหนี้กับใคร และไม่ใช่นิติบุคคล มันก็เลยไม่ซัพพอร์ตเรา ดีที่ไม่ได้จ้างคนมาช่วยดูร้านเพิ่ม แต่คราวที่ปิดล็อกดาวน์ มันยังมีความชัดเจนว่าเราจะทำยังไงต่อ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ มันไม่มีสัญญาณ หรืออะไรบอกเราชัดเจนว่าจะต้องเตรียมตัวเท่าไหร่ ซึ่งร้านผมมันจึงยึดโยงกับสถานศึกษาเป็นส่วนใหญ่ พอเขาไม่เปิดเรียน ลูกค้าก็หายไปประมาณหนึ่ง แต่ดีที่เจ้าของที่เขาลดค่าเช่าให้ ดีลิเวอรี่เราก็มี เลยไม่เป็นปัญหามาก ผมเลยคิดว่าผมยังยื้ออยู่ได้”

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้ารัฐไม่มีความชัดเจนให้ผู้ประกอบการคนตัวเล็กๆ แบบเรา จากที่คุยๆ และเห็นมา หลายคนเขาก็คิดแหละว่า เปิดต่อไปก็ไม่ได้อะไร คงต้องปิดร้าน ไม่ขายดีกว่า คือเราไม่ได้คาดหวังว่า มาตรการที่ออกมาจะทำให้เรารอดในสถานการณ์แบบนี้กันทั้งหมด ถ้าประกาศให้หยุดขาย หรือปิดหน้าร้าน ก็ควรมีอะไรมาช่วยอุ้มเราหน่อย ช่วยบรรเทาความลำบากที่เราต้องเจอสักหน่อยก็ยังดี เพราะรอบนี้มันแย่กว่าที่ผ่านมาจริงๆ” คุณใหญ่ ว่าอย่างนั้น