3 หลักคิด เปลี่ยน โทนี่ วูดซัม จากติดลบ ทำอะไรก็เจ๊ง สู่นักธุรกิจระดับโลก

3 หลักคิด เปลี่ยน โทนี่ วูดซัม จากติดลบ ทำอะไรก็เจ๊ง สู่นักธุรกิจระดับโลก
3 หลักคิด เปลี่ยน โทนี่ วูดซัม จากติดลบ ทำอะไรก็เจ๊ง สู่นักธุรกิจระดับโลก

3 หลักคิด เปลี่ยน โทนี่ วูดซัม จากติดลบ ทำอะไรก็เจ๊ง สู่นักธุรกิจระดับโลก

สร้างความฮือฮาให้กับผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Clubhouse อีกครั้ง เมื่อ อดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วูดซัม เข้าไปเปิดห้องแลกเปลี่ยนความคิดการทำธุกิจให้ SMEs ในหัวข้อSMEs มีปัญหา ปรึกษาพี่โทนี่” โดยมี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ, ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง เข้าร่วมเสวนาในห้องดังกล่าวด้วย

โดย เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้สรุปหลักคิดของ โทนี่ วูดซัม ที่เขาทำมาตลอดจากคนติดลบ ไม่มีต้นทุน ได้จับเงินพันล้านได้ เพราะ โง่มาก่อนฉลาด”

โทนี่ บอกว่า ชีวิตเขาไม่มีหลักเกณฑ์ อายุ 29 เดินทางกลับจากอเมริกา มีเงินติดตัว 2 แสนบาท พร้อมกับรถเก่าหนึ่งคัน เสียภาษี 4 แสนบาทยังต้องหยิบยืม กระทั่ง อายุ 30-31 ถึงเริ่มคิดทำธุรกิจ แต่ยังติดปัญหาไม่มีเงินทุน ด้วยที่บ้านทำธุรกิจผ้าไหม จึงนำผ้าไหมมาขาย เซ้งร้านเล็กๆ แต่ก็ขายไม่ออก บางวันกินไข่ต้ม ล้มเหลวไม่เป็นท่า เห็นท่าไม่ดีจึงหาอย่างอื่นทำ

โทนี่ เปลี่ยนไปทำธุรกิจโรงหนังเดินสายภาคเหนือ ซึ่งไม่ค่อยมีคนทำ เห็นว่าน่าลงทุนจึงนำรถที่นำมาจากอเมริกาไปจำนำ แลกเช็คได้เงินมา 1 ล้านบาท นำมาซื้อหนังได้กำไร 1 ล้านบาท ทำมาเรื่อยจนหมดตัว เพราะธุรกิจนี้เป็นระบบ Box Booking คือ ซื้อหนังดีหนึ่งเรื่องจะพ่วงหนังไม่ดีมาให้สองถึงสามเรื่อง ทำให้ขาดทุน เหนื่อยฟรี

ต่อมาได้กู้เงิน 18 ล้าน เอาตึกแถวค้ำถึงได้เงินมาทุบโรงหนัง สร้างคอนโดมิเนียม ธุรกิจมาใหม่ในสมัยนั้น แต่ความซวยมาเยือน ตอกเสาเข็มแล้วมีประกาศกระทรวงมหาดไทยว่า ใกล้เขตพระราชฐาน ให้สร้างตึกสูงได้ 21 เมตร เท่ากับ 7 ชั้น แต่ โทนี่ สร้างไปแล้ว 15 ชั้น พอเริ่มขาย ผลคือขาดทุน ทำหนังก็เจ๊ง เช็คก็เด้ง บางทีโดนหมายจับ ขึ้นศาลผลัดหนี้

จนเริ่มฉลาด เพราะเรียนรู้จากการทำแบบสุกเอาเผากิน แบบคนไม่มีไอเดีย ทำเรื่อยเปื่อยแบบคนโง่ ต่อมา โทนี่ ได้เริ่มทำธุรกิจโทรคมนาคม ปล่อยคอมพ์ให้รัฐบาลเช่าเป็นรายเดือน เริ่มจากติดลบ ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ไม่ใช่เงินตัวเองแต่ให้เพื่อนซึ่งมีหลักทรัพย์ออกแบงก์การันตี คือ เอารายได้ไปขายล่วงหน้า ปรากฏว่าในปีเดียวขายได้ 8 แอ๊กเคานต์

ต่อมาได้หันไปทำธุรกิจสื่อสาร Pack link ทำไปทำมาธุรกิจมีปัญหา จึงเปลี่ยนมาทำ Phone link และ เคเบิลทีวีไอบีซี

จนอายุ 40 ปี โทนี่สามารถนำบริษัทเข้าตลาดได้ อายุ 43 ได้เป็น Business Man Of the Year ของอาเซียน และนิตยสารฟอร์บส์ ประเมินทรัพย์สินของเขาเอาไว้ที่ 60,000 ล้านบาท จากคนติดลบ กลายเป็นคนมีเงินสดพันล้านบาทแรก กระทั่งอายุ 45 ปี มีคนมาชวนไปเล่นการเมือง โทนี่บอกว่า ความซวยเริ่มมาเยือนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  

“กฎมีไว้แหก” หลักทำธุรกิจของโทนี่ เหมือนการเล่นพนัน คือความเสี่ยงที่คำนวณได้ สมมติว่าเสีย 100 แทง 10 ไม่มีทางได้คืน เสีย 100 ต้องแทง 200 เวลามีหนี้ทำเล็กไม่มีทางใช้คืนได้ และเมื่อมีหนี้ต้องมีทีมงานที่พร้อมลุย ใครมีศักยภาพก็ปรับขึ้น ใครไม่มีก็เอาไว้ข้างๆ ต้องปรับองค์กรตลอดให้คนตื่นตัว ว่าต้องพัฒนาตัวเอง มีอยู่ครั้งหนึ่ง เอไอเอส เป็นเบอร์หนึ่งมาตลอด แต่ตกเป็นเบอร์ 2 แพ้ดีแทค สาเหตุมาจากการไปดึงคนจากรัฐวิสาหกิจ และระบบราชการมาทำหลายคน พนักงานเหล่านั้นจึงนำระเบียบราชการมาใช้กับบริษัทเอกชน ทุกคนไม่กล้าทำงาน โทนี่ จึงเรียกประชุมพนักงานราว 500 คน  ถ้าใครกระทำผิดระเบียบแล้วเป็นประโยชน์แก่บริษัทจะมีรางวัลไว้ หลังจากนั้นปรากฏว่า ระเบียบหดลงเหลือนิดเดียว ทุกคนกลับมาทำงาน และเปลี่ยนระบบต่างๆ สุดท้ายแซงกลับเป็นที่หนึ่ง

“ล้มแล้วลุก” วิธีคิดของ โทนี่ เมื่อล้มหรือท้อ ต้องรู้จักปล่อยวาง ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้แบก โดยยกตัวอย่างว่า เคยเช็คเด้งแล้วอีกวันต้องขึ้นศาล ยังปล่อยวางและนอนหลับได้ เพราะถือว่าต้องปล่อยวาง เช้าเมื่อไหร่ ค่อยลืมตาคิด และเวลาทำงานใหญ่ มักจะใช้เวลาและสมาธิกับงานมากที่สุด และที่ปรึกษาที่ดีคือ อดีตภรรยา  

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2564