“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ

“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ
“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ

“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ

อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ หัวเรือใหญ่ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหา “ขยะ” ที่นับวันจะยิ่งทวีคูณความรุนแรง หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี ขยะเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ทุกคน 

จากความมุ่งมั่นและตั้งใจจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนิน “โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน” ภายใต้เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในข้อ 13 “Climate Action” ข้อ 12 “Responsible Consumption and Production” และข้อ 17 “Partnerships for the Goals” เน้นขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับพันธมิตรและเครือข่ายกว่า 30 องค์กร ประกอบด้วย ผู้ประกอบการบนพื้นที่ถนนรัชดาภิเษก 14 แห่ง รวมถึงผู้ประกอบการทางสังคม องค์กรพันธมิตรในธุรกิจ ด้าน Circular Economy และหน่วยงานภาครัฐ โดยย่านถนนรัชดาภิเษกจะมี “วาฬ” เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบนิเวศที่รอให้มนุษย์เข้ามาแก้ไข

คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงผลดำเนินการ “โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน” ในงาน Climate Care Forum “Survive Climate Tipping Point” ว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีของการดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่น ความร่วมมือร่วมใจ โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการบริหารจัดการขยะและคัดแยกขยะ ได้ถึง 4,268,495.04 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (Kg.CO2e) เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่อายุ 10 ปี จำนวน 474,277 ต้น ความร่วมมือของโครงการไม่เพียงแต่สะท้อนออกมาเป็นตัวเลขเท่านั้น ในด้านกระบวนการปฏิบัติ สมาชิกสามารถบริหารจัดการขยะ ได้ตั้งแต่การแยกขยะจากต้นทางสู่ปลายทาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Circular Economy ได้อย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนมากขึ้น อันเกิดจากความพยายาม และความตั้งใจของสมาชิกที่ร่วมกันดำเนินงาน โดยใช้หลักการ 3 ด้าน

  1. การกำหนดนโยบายกลยุทธ์และการวางแผน ระบบบริหารจัดการขยะ ที่ร่วมดำเนินงานตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับผู้ปฏิบัติการ
  2. การวัดค่า วิเคราะห์และประเมิน
  3. การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสมาชิก โดยการสื่อสารในวงกว้าง เพื่อขยายผลลัพธ์ทางสังคม

“กล่าวได้ว่าการทำงานทั้ง 3 ด้าน คือหัวใจหลักของโครงการ ทำให้โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน บนถนนรัชดาภิเษก เป็นพื้นที่ต้นแบบ ในการเรียนรู้งานบริหารจัดการขยะ ในนามของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกลูกบ้าน โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน ขอชื่นชม และขอขอบคุณในความร่วมมือ ความมุ่งมั่น จนเกิดความสำเร็จในครั้งนี้” คุณภากร กล่าว

คุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
คุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สอดคล้องกับ คุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ใจความว่า เหลือเวลา 6 ปีกว่า ในการช่วยกันลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์ผลิตขึ้น บวกกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลกใบนี้ ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เซ็นสัญญากลับเข้ามาในสนธิสัญญา Paris Agreement อีกครั้ง ยุโรปได้ตั้งเป้าเป็น Green Zone ในปี 2050 ส่วนประเทศไทย รัฐบาลได้มีการเดินหน้า ขอความร่วมมือทำงานร่วมกับภาคเอกชน และพี่น้องประชาชน โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้มีการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว

“ดีใจที่หลายบริษัทเริ่มต้นลดขยะในที่ทำงาน บนถนนรัชดาภิเษกแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในถนนที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ การที่บริษัทห้างร้านและเอกชนบนถนนเส้นนี้ได้รวมตัวกันทำเป็นตัวอย่างที่ดีนั้น ถือว่าเป็นก้าวสำคัญ เปลี่ยนขยะที่เป็นได้แค่ขยะ ให้สามารถนำมาขาย หรือทำประโยชน์ได้อีกครั้ง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว

คุณนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คุณนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ด้าน คุณนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมถอดบทเรียน จาก “โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน” ว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากการปรับมุมคิด ไม่มีอะไรในโลกเป็นขยะ ด้วยการชักชวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงในย่านรัชดาภิเษก ตั้งแต่หัวถนน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์, เดอะสตรีท รัชดา, เมืองไทยประกันชีวิต, เมืองไทยประกันภัย ฯลฯ มาเป็นพันธมิตรซึ่งมีแนวความคิดเดียวกัน

“จากโครงการ เราได้คนอีกกลุ่ม คือแม่บ้าน มาเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงาน ในโครงการนี้พวกเขาคือพระเอกนางเอก เหมือนเป็นตำรวจขยะ คอยสอดส่องดูแลการแยกขยะ สามารถนำขยะที่คัดแยกแล้วมาเพิ่มมูลค่า นำกลับมาใช้ใหม่เฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์ หรือเพื่อนบ้าน 14 บ้านแทบไม่เหลือโฟม ซึ่งเป็นขยะแล้ว”

“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ
“Care the Whale ขยะล่องหน” เดินหน้าสู่ปีที่ 2 ปรับมุมคิด ไม่มีอะไรเป็นขยะ

จากความสำเร็จในปีแรกของ “โครงการ Care the Whale ขยะล่องหน” ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สานต่อโครงการ เดินหน้าสู่ปีที่ 2 คุณนพเก้า เผยว่า

“ยังมีการผลิตขยะเฉลี่ยคนละ 1 กิโลกรัมต่อวัน จำนวนไม่ลดลง เพียงแต่ย้ายที่ ขยะตามออฟฟิศมีบางช่วงลดลงจากการ Work from Home แต่ไปเพิ่มในส่วนของขยะดีลิเวอรี่ตามบ้าน เช่น ขยะแพ็กเกจจิ้ง ฯลฯ หรือหน้ากากอนามัย ซึ่งใช้กันมาในช่วงโควิด-19 เพราะฉะนั้น แคมเปญหรือการรณรงค์ต้องมีเพิ่มขึ้นในปีนี้ หรือ พวกถุงขนม มักเป็นปัญหาในการกำจัด หรือนำไปเพิ่มมูลค่า ซึ่งเรากำลังหาพันธมิตรในการสนับสนุน เช่น นำขยะที่เก็บได้ไปแลกสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องด้วย”

“เรายังมุ่งขยายความร่วมมือไปยังพื้นที่นอกถนนรัชดาภิเษก โดยร่วมกับองค์กรภาคธุรกิจ และภาคชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น เครือข่ายโรงพยาบาลพริ้นซ์ สมุทรปราการ, บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ย่านวัชรพล, คอนโดเดอะไลน์ ย่านอโศก-ดินแดง ในกลุ่มบริษัทแสนสิริ เป็นต้น พร้อมพัฒนา Climate Care Calculator Digital Platform เป็นเครื่องมือบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และคำนวณเป็นตัววัดผลค่าการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยในการวิเคราะห์และพัฒนาการบริหารจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่มีเจ้าภาพ ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเอง” ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวทิ้งท้าย