โควิดลากยาว! ร้านอาหาร ยอมตัดใจ ประกาศเซ้งสาขาที่รักมาก

จากต้นปีถึงปัจจุบัน โควิดยังคงอยู่กับเราทุกคน ผลกระทบลากยาวต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ จึงยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ 100% เช่น สุพรรณิการ์กรุ๊ป หัวเรือใหญ่ของร้านอาหาร 3 แบรนด์ ก็ได้รับผลกระทบครั้งนี้ด้วยเช่นกัน จนในที่สุดต้องตัดสินใจประกาศเซ้งสาขาที่เพิ่งเปิดได้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น 

คุณธัชชัย นาคพันธุ์ CEO, Supanniga Group เล่าว่า เครือสุพรรณิการ์กรุ๊ป ก่อตั้งมายาวนานเกือบ 10 ปี เกิดจากการร่วมทุนระหว่างกลุ่มเพื่อนพี่น้องที่อยากทำร้านอาหาร โดยดำเนินกิจการในกลุ่มร้านอาหาร 3 แบรนด์ คือ ห้องทานอาหารสุพรรณิการ์ (อาหารตราด), ส้มตำเด้อ (อาหารอีสาน) และสุดคั่ว by สุพรรณิการ์ (อาหารจานเดียวดีลิเวอรี่)

“ส้มตำเด้อ” คือร้านอาหารแบรนด์แรก ของสุพรรณิการ์กรุ๊ป เสิร์ฟเมนูอีสานรสแซ่บนัว สูตรความอร่อยจากสกลนคร สาขาแรกตั้งอยู่ที่ศาลาแดง หลังจากนั้นหนึ่งปี หุ้นส่วนได้นำร้านไปเปิดที่นิวยอร์กจนได้มิชลิน 1 ดาว ในปี 2016 และอยู่ในมิชลินไกด์จนถึงปัจจุบัน ด้วยความนิยมของร้าน ได้ขยายสาขาสองที่นิวยอร์ก รวมทั้งขยายสาขาในญี่ปุ่น เวียดนาม และไต้หวัน

ไม่นานได้เปิดตัวแบรนด์ที่สอง “ห้องอาหารสุพรรณิการ์” เสิร์ฟอาหารตราด สูตรเด็ดจากคุณยายให้คนกรุงได้ชิมความอร่อย ในบรรยากาศร้านที่สามารถพาเพื่อน หรือชาวต่างชาติมาได้ โดยประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรก หลายสื่อให้ความสนใจ และได้อยู่ในมิชลินไกด์เช่นกัน ปัจจุบันเปิดให้บริการ 4 สาขา คือ ทองหล่อ, สาทร 10, ท่าเตียน และสาขาเจริญกรุง

คุณธัช เล่าต่อว่า ปลายปี 2019 ได้ต่อยอดความสำเร็จ เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “สุดคั่ว by สุพรรณิการ์” เสิร์ฟอาหารจานเดียวดีลิเวอรี่ ราคาย่อมเยา โดยนำเมนูเด็ดของจังหวัดตราด คือ น้ำจิ้มพริกเกลือมาผัด กลายเป็นเมนู คั่วพริกเกลือเมืองตราด อาหารจานเด็ดของแบรนด์ โดยลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบได้ ทั้ง ไข่ปู ปลาหมึก กุ้ง หมูสับ ฯลฯ จะได้กลิ่นความหอมของกระทะ ทานคู่ไข่ดาวเป็ด ผสมกับความเผ็ดแซ่บ นอกจากนี้ยังมี ผัดกะเพรา ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ และเมนูล่าสุดเพิ่งเปิดตัว คือ ยำสุดคั่ว ซึ่งสามารถสั่งดีลิเวอรี่ได้จากแกร็บ ไลน์แมน หรือไลน์ @supannigagroup หรือมาสั่งนั่งทานที่ร้านห้องอาหารสุพรรณิการ์ ได้ด้วย” คุณธัช บอกถึงเรื่องราวทั้งหมดของแบรนด์

ก่อนบอกต่อถึงผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี ว่า เหมือนกับร้านอาหารทั่วไป ยอดขายลดลงในช่วงล็อกดาวน์ แม้จะเตรียมตัวดีลิเวอรี่มาเนิ่นๆ แต่รายได้ยังน้อย เพราะร้านอาหารทุกแบรนด์ของสุพรรณิการ์กรุ๊ป เกิดมาจากบริการนั่งรับประทานที่ร้าน ทุกอย่างหลอมรวมกันในสัมผัสทั้ง 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง บรรยากาศ 

“เข้าเดือน 6 ร้านอาหารเริ่มกลับเปิดบริการ ภาพรวมดีขึ้นมาแต่ไม่มาก เพราะลูกค้าต่างชาติหายไป ซึ่งร้านเรามีลูกค้าต่างชาติ ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ฯลฯ 50-60% ส่วนคนไทยเอง เรามีแฟนที่เป็นลูกค้าประจำ และลูกค้าออฟฟิศ หรือองค์กรต่างมาจัดเลี้ยง พอเกิดโควิด บริษัทต่างๆ Work from Home โอกาสที่จะมานั่งสังสรรค์จึงลดลง รายได้จึงยังกระทบยาวมาตลอดกลับมาไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ส่วนช่วงปลายปี ไฮซีซั่นของร้านอาหาร บางสาขาขายได้ 60-70% ส่วนบางสาขายังอยู่ที่ 50% ขึ้นอยู่กับโลเกชั่น” คุณธัช บอกถึงสถานการณ์

มาโควิดระลอกใหม่ ซีอีโอหนุ่มบอกว่า คนกลัวการมานั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร ทำให้ยอดตกอีกรอบ เหลือประมาณ 30-40% ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ขายไม่ได้ ซึ่งขาดรายได้ส่วนนี้ไปพอสมควร

“ในฐานะผู้ประกอบการ ความรุนแรงของโควิดรอบนี้ การแพร่กระจายของเชื้อโรคไม่ได้ต่างจากรอบแรก ผลกระทบที่เกิดกับร้านอาหารไม่ได้รุนแรงแต่ลากยาวมาจากรอบแรก ต้องอธิบายว่า โควิดรอบแรกเกิดปุ๊บ สั่งล็อกดาวน์ปั๊บ รายได้หายไปทันที ส่วนรอบนี้ คนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ความตื่นเต้นตกใจจึงไม่เท่ากัน ยอดขายไม่ได้ลดฮวบ แต่ลากยาวมาเรื่อยๆ ยิ่งเป็นร้านอาหารที่มีลูกค้าต่างชาติ จะกระทบมาก หมุนเงินกันมาตลอด กำไรอย่าไปหวัง เงินเก็บไม่ค่อยเหลือ เงินที่อยู่หน้าตักลดลง” คุณธัช บอกถึงผลกระทบต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระหลายๆ อย่าง ผู้บริหารระบุว่า “คือค่าใช้จ่ายพนักงาน ในธุรกิจร้านอาหาร ต้องใช้คนเยอะ เพราะมีครัว หรือบริการต่างๆ แม้จะมีพนักงานออกไปประมาณ 40% แต่เรายังคงต้องมีพนักงานจำนวนหนึ่งให้ร้านอาหารสามารถดำเนินกิจการต่อได้ ถ้าคนน้อยไปบริการก็อาจจะไม่ดี ซึ่งผมไม่สามารถรับตรงนี้ได้ คุณภาพต้องเหมือนเดิมไม่ว่าลูกค้าจะน้อยหรือมาก อีกส่วนคือค่าเช่าที่ โชคดีว่าแลนด์ลอร์ด ช่วยลดค่าเช่าให้ตลอด และยังมีเงินกู้ที่เราจะต้องจัดหามาจ่ายดอกเบี้ยต่างๆ”

โดยก่อนหน้านี้ สุพรรณิการ์กรุ๊ป ได้ปิดสุพรรณิการ์ ครูซ เรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่โควิดรอบแรก เพราะวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ลากยาว และลูกค้าต่างชาติที่เป็นลูกค้าหลักก็ไม่สามารถเข้าประเทศไทย จึงตัดสินใจปิดกิจการ รวมทั้งปิดสาขาส้มตำเด้อ ทองหล่อ ด้วย 

และล่าสุด คุณธัชได้ประกาศ เซ้งร้านห้องอาหารสุพรรณิการ์ สาขาเจริญกรุง 7 ล้านบาท

“ที่เราเลือกเปิดสาขาเจริญกรุง 38 เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ โลเกชั่นดี อยู่ใกล้โรงแรมชื่อดังมากมายระดับ 5 ดาว และเห็นว่าการท่องเที่ยวไทยโตขึ้นแน่นอน เราจะได้ยอดจากลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม แต่เปิดได้ 3-4 เดือน กำลังจะได้ที่ มาโดนโควิดซัดซะก่อน เราเลยเปลี่ยนมาทดลองตลาดด้วยแบรนด์ สุดคั่ว by สุพรรณิการ์ เจาะกลุ่มออฟฟิศ ถึงจะประกาศเซ้ง แต่ก็ยังเปิดพัฒนาสูตรอาหารเพื่อให้คนไทยได้ชิมอาหารหลากหลาย”

“ผู้ถือหุ้นเสียดายเพราะสาขานี้สวยมาก แต่กว่าที่นักท่องเที่ยวจะกลับมาได้คงอีก 3 ปี ถ้าเราจะไม่ปล่อยอะไรไปเลยจะลำบาก เราก็อยากได้เงินสดมาก้อนหนึ่งเอามาบริหารจัดการสาขาที่เหลือให้ดีในช่วงนี้ แล้วค่อยดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป ถ้ามีคนที่พร้อมผมก็คิดว่าน่าจะให้เขาไปพัฒนาต่อดีกว่า” คุณธัช ว่าอย่างนั้น

ก่อนทิ้งท้ายถึงอนาคตของธุรกิจว่า ปี 2021 ยังคงโฟกัส และพัฒนาแบรนด์ที่มีอยู่ให้ได้มาตรฐาน และพยายามหาสิ่งต่างๆ มาให้ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย เพื่อไม่ให้ลืมว่ายังมีแบรนด์ของสุพรรณิการ์กรุ๊ปอยู่