ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ตังเมโบราณ หยอดเหรียญ อาชีพเลี้ยงตัวตั้งแต่ยังสาว ขายจนเหลือเจ้าสุดท้ายในสงขลา
ตังเม ขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากน้ำตาล หรือ น้ำอ้อย ที่เคี่ยวจนเหนียว มีสีขาว สอดไส้ด้วยถั่วลิสง เป็นที่เลื่องชื่อลือชาว่ากินแล้วเหนียวติดฟัน หากแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน และยังเป็นอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของใครอีกหลายคนเช่นกัน
เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสคุยกับ ป้าโส วัย 56 ปี แม่ค้าขนมตังเมในจังหวัดสงขลา ป้าโสเล่าให้ฟังว่า ตนยึดอาชีพทำตังเมขายเองมาตั้งแต่อายุ 16 ปี เพราะมีความรู้ติดตัวน้อย เรียนถึงแค่ ป.4 เท่านั้น เมื่อโตขึ้นก็ยึดอาชีพเป็นช่างตัดผม แต่ก็ยังทำตังเมขายอยู่ โดยทำเป็นอาชีพเสริม
“ป้าเป็นช่างตัดผม แต่ตังเมทำขายมาตั้งแต่สมัยสาวๆ แล้ว ตอนนี้ก็ทำขายเป็นอาชีพเสริมเล่นๆ แต่มันไม่ค่อยมีคนทำขายแล้ว เพราะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว” ป้าโส บอกแบบนั้น
โดยตังเมของป้าโสไม่ใช่ตังเมธรรมดา แต่เป็นตังเมโบราณแบบหยอดเหรียญ ที่ป้าโสแนะนำวิธีการเล่นว่า ให้หย่อนเหรียญ 5 บาทลงไปในกล่อง กดค้างไว้ให้เข็มหมุนไปเรื่อยๆ เมื่อพอใจแล้วจึงปล่อยมือ เมื่อเข็มหมุนไปที่ตัวเลขใดก็จะได้ตังเมไปตามจำนวนนั้น
“ปกติป้าก็ขายตังเมอันละ 5 บาทอยู่แล้ว ที่ทำแบบนี้เพราะอยากอนุรักษ์ของโบราณๆ แบบนี้เอาไว้ เพราะทั้งสงขลาก็เหลือแค่ป้านี่แหละที่ขายแบบหยอดเหรียญแบบนี้ เผื่อใครอยากเล่นก็ยังมีให้เล่นอยู่ หรืออยากซื้อเป็นกล่องๆ ก็มีขายเหมือนกัน ให้นักท่องเที่ยวเอาไปเป็นของฝากได้”
ตังเมโบราณของป้าโส ไม่ได้มีแค่สีขาวรสถั่วที่เราเคยเห็นกันเท่านั้น ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ป้าโสจึงปรับตัว ทำตังเมรสชาติอื่นๆ มาเป็นตัวเลือกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน ไม่ว่าจะเป็น บลูเบอร์รี่ องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ ทุเรียน ส้ม และใบเตย สามารถเก็บไว้ได้ครึ่งเดือน หรือหากแช่ในตู้เย็นก็สามารถยืดระยะเวลาการเก็บได้อีกเป็นหลายเดือนเลยทีเดียว
“ปกติป้าขายแถวๆ ถนนคนเดินกับโรงแดง (โรงสีแดง หับโห้หิ้น) นี่แหละ ขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์เพราะจะมีนักท่องเที่ยวมา ก็ขายดีอยู่ แต่พอโควิดมา ก็ขายไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะนักท่องเที่ยวไม่มา แต่ถ้าใครอยากกินโทรมาสั่งได้ เดี๋ยวป้าให้เด็กๆ แถวบ้านช่วยส่งให้” ป้าโส กล่าวทิ้งท้าย
หากใครมีโอกาสไปเที่ยวสงขลา และแวะไปเที่ยวที่โรงสีแดง หับโห้หิ้น อาจจะได้เจอป้าโสยืนทำตังเมขายอยู่ หรือสนใจสั่งซื้อ สอบถามได้ที่ (086) 955-5633
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ.2564