ร้านเสริมสวยเจ๊ง เปลี่ยนมาขับเก๋ง เปิดท้ายขายส้มตำ หาเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ 

จากร้านเสริมสวยที่เคยรุ่งเรือง มีเงินส่งให้ครอบครัว และส่งลูกๆ จนเรียนจบ มาปีนี้ ไม่รุ่งเรืองเหมือนที่ผ่านมา เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ คุณกาญจนา บุญเกิด อายุ 43 ปี ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ เปิดท้ายขายส้มตำ “ยาริส ส้มตำยำแซ่บ” เพราะยังมีภาระ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ

คุณกาญจนา เล่าย้อนให้ฟังว่า เปิดร้านเสริมสวย ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มานาน 2 ปี ให้บริการ ขัดหน้า สปา อบสมุนไพร ฯลฯ รายได้เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท มีเงินส่งให้ครอบครัว และส่งลูกเรียนจนจบ กระทั่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บรรยากาศร้านเงียบเหงา เพราะต่างคนต่างกลัว ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน จึงทำได้เพียงเคลียร์ของในสต๊อก เช่น เครื่องสำอาง ลูกประคบสมุนไพรต่างๆ มีทั้งทิ้งไปบ้าง ขายขาดทุนบ้าง ส่วนเครื่องขัดตัว เครื่องอบ และเตียงนวดหน้ายังเก็บไว้อยู่

“ตอนนั้น โควิดเริ่มระบาดหนัก มีการประกาศล็อกดาวน์ ทำให้ร้านต้องปิดโดยปริยาย ตัดสินใจไปขับฟู้ดแพนด้าอยู่ 2 เดือน เป็นผู้หญิงคนเดียวในอำเภอแม่สอดที่ยึดอาชีพนี้ ได้เงินเดือนละหมื่นกว่าบาท แต่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมันรถ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ มีเหตุการณ์หนึ่ง จอดรอส่งของให้ลูกค้า จู่ๆ มีรถ 3 ล้อมาชนตูด ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่รู้สึกว่าไม่คุ้มกับชีวิต เลยหยุดดีกว่า” คุณกาญจนา เล่าถึงงานแรก หลังปิดร้านเสริมสวย

แต่ใจยังไม่ท้อ คุณกาญจนาเริ่มงานใหม่ รับซักผ้านวม แต่สมัยนี้คนมีเครื่องซักผ้า จึงไม่ค่อยมีลูกค้า

“คุยกับแฟนว่าไม่ไหวแล้ว ถึงสิ้นเดือน ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แม้จะมีโครงการพักชำระหนี้ แต่ดอกเบี้ยไม่พักด้วย นอนคิดอยู่หลายวัน จะทำอะไรดี สุดท้ายบอกแฟน ให้รื้อเบาะหลังรถยาริส จะขายส้มตำ เพราะทำเป็นอยู่แล้ว และเป็นอาหารจานโปรด แค่ไปศึกษาเพิ่มจากยูทูบ ว่าทำน้ำปลาร้ายังไง อีกอย่างอาชีพนี้ใช้เงินลงทุนน้อย ไม่ถึงสองพันบาท ซื้อผ้ายางมาคลุมเบาะรถ และแก๊สปิกนิก ส่วนครก หม้อ ไห วัตถุดิบต่างๆ เรามีอยู่แล้ว”

หลังเตรียมของเสร็จ คุณกาญจนา เริ่มต้นขายเมื่อเดือนมิถุนายน มีเมนูหลากหลายให้เลือกทาน เช่น ลาบหอยโข่ง ยำหอยโข่ง ส้มตำทะเลรวม ไก่ย่าง ตำแตง ยำหมูยอ ตำตีนไก่ และอีกหลายอย่าง สามารถสั่งได้

ก่อนบอกว่า วันแรกมีแต่เพื่อนมาช่วยอุดหนุน และขาดทุนตั้งแต่เดือนแรก

“วัตถุดิบที่ซื้อมา ปลาหมึกเอยอะไรเอย ต้องเอามาทำกับข้าวกินเอง เพราะขายไม่ได้ คนยังไม่ค่อยรู้ว่าเราขายส้มตำ จนได้ไปขายให้ร้านเสริมสวยเจ้าหนึ่ง เขาชอบเล่นโซเชียล ถ่ายรูปเราไปแชร์ ลูกชายเขาก็มาแชร์ให้อีก เป็นจุดเริ่มต้นให้คนเริ่มรู้จักเรามากขึ้น พร้อมแนะนำให้ทำเพจ ป้าต้องทำแบบนี้นะ เปิดสาธารณะ เพื่อให้คนติดตาม” คุณกาญจนา เล่า

จากยอดขายวันละ 400-500 บาท เมื่อเริ่มทำเพจ และได้คนรู้จัก ช่วยกันแชร์เรื่องราวให้ ทำให้ยอดขายขยับขึ้นมา เป็นวันละ 1,000 กว่าบาท จนถึงวันนี้ เฉลี่ย 3,000-4,000 บาท คุ้มกับค่าน้ำมันรถ เติมหนึ่งครั้งขับได้เป็นอาทิตย์ เพราะเป็นรถประหยัดน้ำมัน และขับในละแวกบ้านเท่านั้น

“แต่รายได้วันละ 3,000-4,000 บาท ยังไม่หักต้นทุนซื้อของ ต้องจ่ายของสดทุกวัน เช่น กุ้ง หอย ฯลฯ ทุกอย่างต้องซื้อ”

อย่างไรก็ตาม ชีวิตประจำวันของคุณกาญจนา หลังเป็นแม่ค้าขายส้มตำเต็มตัว ต้องตื่นนอนตีสี่ครึ่ง เพื่อเตรียมของสำหรับขาย นึ่งข้าวเหนียว และแพ็กข้าวเหนียว จัดของขึ้นรถ เจ็ดโมงครึ่งเปิดรับออร์เดอร์ ลูกค้าสั่งผ่านไลน์ เฟซบุ๊ก โทรศัพท์ จนถึง เก้าโมงครึ่ง ถึงขับไปให้บริการตามจุดที่วางไว้ แต่ละจุดจะได้ลูกค้าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 ออร์เดอร์ และกลับบ้านไม่เกินหกโมงเย็น ระหว่างทางมีแวะจ่ายตลาด เมื่อถึงบ้านต้องเก็บของ ล้างอุปกรณ์ กว่าจะเสร็จ ลากยาวถึง ห้าทุ่ม

“คิดว่าคงไม่ทำหน้าร้าน เพราะแถวนี้มีร้านดังเยอะ จะหาทำเลดีๆ ราคาถูกไม่มี ขับรถขายแบบนี้ดีกว่า ได้เจอลูกค้าถึงหน้าบ้าน” คุณกาญจนา เล่าทิ้งท้าย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563