เพิ่มมูลค่าอาหารบ้านๆ เป็นไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ ธุรกิจเล็กๆ ของสาววัย 28

เชื่อว่าไม่มีใคร ไม่เคยทานไส้กรอกอีสาน อาหารสตรีตฟู้ดยอดนิยม ที่เห็นได้ทั่วทุกมุมของไทย แต่สาวๆ หลายคน มักกังวลเรื่องความสะอาด หรือทานแล้วจะอ้วน ขอให้หมดกังวลเรื่องนี้ไปได้เลย เพราะ คุณแอน-กัลยรัตน์ ดวงรัตนเลิศ อดีตเซลส์สาววัย 28 ปี ได้พัฒนา และต่อยอดอาชีพของพ่อกับแม่ เปลี่ยนไส้กรอกอีสานบ้านๆ ให้กลายเป็น ไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายใต้แบรนด์ Madameorn – มาดามอร ไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ

แต่ก่อนจะมาเป็น ไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ แบรนด์มาดามอร คุณแอน ย้อนความหลังให้ฟังว่า พ่อและแม่ของเธอประกอบอาชีพขายไส้กรอกอีสาน ในจังหวัดนครปฐม มานาน 9 ปี เมื่อเรียนจบ จึงได้มีโอกาสนำไส้กรอกอีสานของพ่อกับแม่ เข้ามาขายที่ออฟฟิศย่านสีลม และพื้นที่ใกล้เคียง

“นำไส้กรอกอีสานมาขาย เพราะอยากช่วยที่บ้านกระจายสินค้าให้เยอะขึ้น แต่ปรากฏว่าขายดี มีลูกค้าสั่งทุกอาทิตย์ เลยเกิดไอเดียจัดเซต เพิ่มมูลค่าให้สินค้า กระแสตอบรับยังดีต่อเนื่อง จึงตัดสินใจเปิดเพจ เพื่อขายไส้กรอกอีสานโดยเฉพาะ” คุณแอน เล่า

คุณแอนทำงานประจำ และรับหน้าที่เป็นคนขายไส้กรอก ดูแลเพจไปพร้อมๆ กัน ระหว่างนั้นจึงได้รู้ถึงปัญหาของลูกค้า 1. ชอบทานไส้กรอกอีสาน แต่ทานไม่บ่อย เพราะมันหมูเยอะ กลัวอ้วน 2. กังวลเรื่องความสะอาด เพราะเป็นอาหารสตรีตฟู้ด และ 3. กังวลเรื่องกลิ่น ไม่กล้าหิ้วกลับบ้าน เพราะไม่มั่นใจเมื่อต้องหิ้วขึ้นรถขนส่งสาธารณะ

“ปัญหาของลูกค้าทั้งหมดนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้เราลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ไส้กรอก โดยนำสูตรของพ่อกับแม่มาปรับใหม่ เป็นสูตรไขมันต่ำ ด้วยการลดมันหมู แต่เพิ่มเนื้อหมูเข้าไปแทน ค่อยๆ ลดและเพิ่มวัตถุดิบ แต่กว่าจะได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทำอาหารไม่เป็น โชคดีได้รู้จักกรมปศุสัตว์ เขามีศูนย์เรียนรู้ ซึ่งจะเปิดคอร์สสอนทุกปี เช่น แปรรูปเนื้อสัตว์ มีหลากหลายเมนู ทั้ง หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก ทำให้เรามีสกิลมากขึ้น เมื่อกลับบ้านมา พ่อก็เข้ามาสอนต่อ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าสามารถทำธุรกิจนี้ได้ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ” สาววัย 28 บอกถึงความตั้งใจ

คุณแอน ใช้เวลาราว 6 เดือน ในการปรับสูตรให้สำเร็จ ผ่านการตรวจสอบทางโภชนาการอาหาร ว่าเป็นไส้กรอกอีสานไขมันต่ำกว่าสูตรทั่วไป 48% แคลอรีต่ำกว่าสูตรทั่วไป 55% ไม่ใส่วัตถุเจือปนอาหาร โดยยังไม่ได้เริ่มวางขาย แต่เดินหน้าพัฒนาต่ออีกขั้น ในเรื่องของแพ็กเกจจิ้ง หวังให้ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมือง ที่อยู่ตัวคนเดียว หรือพักอาศัยตามคอนโดฯ และหอพัก

“สำรวจที่ร้านของพ่อ ว่าลูกค้าหนึ่งคนทานไส้กรอกอีสานกี่ลูก เฉลี่ยแล้วทาน 6 ลูก เลยบรรจุซอง 6 ลูก จากนั้นดูว่าจะทำไซซ์เท่าไหร่ เห็นลูกค้าผู้หญิงชอบทานแบบพอดีคำ จึงทำไส้กรอกไซซ์ 3×3.5 cm”

ในเรื่องของแพ็กเกจจิ้ง คุณแอน บอกว่า ใช้เวลาออกแบบนานกว่าจะได้รูปแบบที่ตรงใจ โดยทำซองสำหรับบรรจุ 2 รสชาติ คือ เปรี้ยวและไม่เปรี้ยว ต่อมาได้เริ่มหาโรงงานผลิตซอง เพราะไม่มีความรู้จึงใช้เวลานานอีกเช่นกัน

“มือใหม่มาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้ซองแบบไหน เราอยากทำให้ลูกค้าฉีกซองแล้วทานได้เลย ไปติดต่อโรงงานกว่า 10 แห่ง เพื่อเทียบราคา หาเซลส์ที่คุยรู้เรื่อง จนมาเจอเจ้าสุดท้าย เขาแนะนำเราอย่างดีและคุ้มค่าที่สุด” คุณแอน อธิบายถึงความยากลำบาก

เมื่อได้สูตรไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ และได้แพ็กเกจจิ้งเป็นที่เรียบร้อย คุณแอน เริ่มนำสินค้าออกบู๊ธ โดยยังผลิตแบบโฮมเมด ทำกันเองในครอบครัวได้ราวๆ 1,500 ลูก

“กลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ คือ พนักงานออฟฟิศ คนรักสุขภาพ แต่สุดท้ายได้กลุ่มผู้สูงอายุมาเป็นลูกค้าแทน ลุงป้าบางคนมีโรคประจำตัว ต้องคุมอาหาร สินค้าของเราจึงตอบโจทย์ เขาอุดหนุนทีเป็นสิบซอง”

แต่เพราะไส้กรอกอีสานสูตรนี้ไม่ใส่วัตถุเจือปนอาหาร เมื่อไปถึงมือลูกค้าจึงเก็บได้ไม่นาน คุณแอน บอกว่าได้รับฟีดแบ็กนี้มาตลอด 6 เดือน จึงตัดสินใจหยุดขาย 3 เดือน เพื่อพัฒนาอายุการเก็บรักษา โดยศึกษาด้วยตนเองอีกเช่นเคย หลังจากนั้นตัดสินใจเข้าเรียนในโครงการของรัฐ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งต้องแข่งขันกับคนในห้องเรียน

“เรานำสินค้าไปพรีเซ้นต์ ความต้องการคือ อยากให้สินค้าเก็บได้ 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น ทุกคนบอกทำไม่ได้หรอก ยิ่งไม่ใส่สารเจือปนอาหารยิ่งเป็นไปไม่ได้ จะหยุดขาย 3 เดือนไปเพื่ออะไร แต่การแข่งขันในครั้งนั้น เราได้ที่หนึ่ง เข้ารอบไปเวทีใหญ่ขึ้น มีกรรมการ 30 คน แอบกังวลเหมือนกันจนไม่อยากไป แต่ในที่สุดก็ไป ขึ้นพูดบนเวทีอีกเหมือนเดิม พูดด้วยความมั่นใจ จนสามารถคว้ารองชนะเลิศอันดับหนึ่งมาได้ ทำให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น”

ถึงอย่างนั้น คุณแอนก็ยังไม่สามารถผลิตไส้กรอกให้สามารถเก็บได้นาน 1 ปีโดยไม่แช่เย็นได้ แต่เหมือนโชคชะตาขีดไว้ มีงานซุปเปอร์ฟู้ดที่สิงคโปร์ ได้เจอโปรดักต์ตัวหนึ่ง แปรรูปเนื้อสัตว์เก็บได้นาน 1 ปี เหมือนที่ใจต้องการ จึงเข้าไปสอบถามเทคนิค เมื่อกลับมาไทยจึงได้รู้ว่าหน่วยงานของรัฐมีนวัตกรรมนี้ แต่ต้องรอคิว จึงได้รับการแนะนำต่อว่า มีเอกชนรายหนึ่งที่ราชบุรีมีนวัตกรรมนี้ ให้ลองไปดู

“โชคดีที่เขาเฟรนด์ลี่ เข้าไปคุยว่าเราอยากทำแบบนี้ จนในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จ ตรวจโภชนาการอีกรอบ และผ่านมาตรฐาน อย. สามารถฉีกซองทานได้เลย หรือถ้าอยากทานร้อนๆ ให้ฉีกซองเข้าไมโครเวฟ ตอนนี้วางจำหน่ายได้ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น ไอคอนสยาม ร้านสุขภาพ ลาซาด้า ช้อปปี้ ฯลฯ ในราคา 59 บาท ราคานี้จับต้องได้ ลูกค้าทุกคนซื้อได้” สาววัย 28 บอกอย่างนั้น

ก่อนทิ้งท้ายว่า ปัจจุบัน สามารถกระจายสินค้าได้มากขึ้น จึงเปลี่ยนจากการผลิตแบบโฮมเมด มาผลิตแบบ OEM รอบละ 3 พันลูกต่อล็อต ซึ่งผลิต 3-4 ล็อต ต่อเดือน

หากสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อินสตาแกรม @madame.orn ไลน์ @madameorn เฟซบุ๊ก Madameorn – มาดามอร ไส้กรอกอีสานไขมันต่ำ