สยามเบอร์เกอร์ ใส่สับปะรด-ไข่ดาว สี่สิบกว่าปีที่แล้วขาย 8 บาท ใครกินถือว่ารวยมาก!

สยามเบอร์เกอร์ ใส่สับปะรด-ไข่ดาว สี่สิบกว่าปีที่แล้วขาย 8 บาท ใครกินถือว่ารวยมาก!
สยามเบอร์เกอร์ ใส่สับปะรด-ไข่ดาว สี่สิบกว่าปีที่แล้วขาย 8 บาท ใครกินถือว่ารวยมาก!

สยามเบอร์เกอร์ ใส่สับปะรด-ไข่ดาว สี่สิบกว่าปีที่แล้วขาย 8 บาท ใครกินถือว่ารวยมาก!

แม้จะเปิดให้บริการมายาวนานถึง 46 ปี แต่ชื่อของ สยามสะเต๊ค (Siam Steak) ยังคงอยู่ในใจของแฟนคลับทุกคนที่ทานสยามสะเต๊คมาตั้งแต่เด็กๆ จากแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นละ 8 บาท เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว สู่แบรนด์ที่แข็งแกร่งในวันนี้ ไม่ได้ขายสเต๊กแต่ขายอาหารมื้ออิ่ม และอาหารทานเล่น อย่างแฮมเบอร์เกอร์ ไส้กรอก ฮอตดอก บะหมี่ แซนด์วิช ฯลฯ ณ ปัจจุบันมีมากกว่า 100 สาขา

คุณอ้อ-พัชราวดี พลศักดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง สยามสะเต๊ค กรุ๊ป
คุณอ้อ-พัชราวดี พลศักดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง สยามสะเต๊ค กรุ๊ป
คุณอ้อ-พัชราวดี พลศักดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง สยามสะเต๊ค กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่า สยามสะเต๊คก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 โดย คุณแจ่มจันทร์ หมื่นนิกร ท่านไปเป็นนักแปลให้กับทหารอเมริกันที่เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย โดยเห็นว่าทหารอเมริกันนิยมทานแฮมเบอร์เกอร์ คล้ายกับคนไทยที่นิยมทานข้าวแกง ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีแฮมเบอร์เกอร์ที่เป็นอินเตอร์แบรนด์เข้ามาสู่ประเทศไทย หากอยากทานต้องไปตามโรงแรม ด้วยเหตุนี้คุณแจ่มจันทร์จึงสร้างธุรกิจ โดยเริ่มจากแพตตี้
คุณแจ่มจันทร์ หมื่นนิกร
คุณแจ่มจันทร์ หมื่นนิกร
“แพตตี้ คือไส้ของแฮมเบอร์เกอร์ ทำจากเนื้อ หมู หรือไก่สับ ซึ่งได้รับเชลล์ชวนชิมจากแพตตี้ที่เป็นเนื้อสับ จากหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ซึ่งลูกชายของท่านมาซื้อแพตตี้ของเราจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่วางขายในตอนต้นไปทาน” คุณอ้อเล่า
สยามสะเต๊ค
สยามสะเต๊ค

จากแพตตี้ที่ประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัลการันตี ต่อมาได้ขยับขยายธุรกิจด้วยการทำแฮมเบอร์เกอร์ขาย มีเมนูชูโรงคือ “สยามเบอร์เกอร์”
“สยามเบอร์เกอร์ เป็เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ใครมาร้านสยามสะเต๊คต้องทาน เพราะเราใส่สับปะรด และไข่ดาว ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ต่อให้ทำตามรสชาติก็ไม่เหมือนอยู่ดี เพราะเป็นเอกลักษณ์ของเรา ขายมานาน 46 ปีแล้ว นอกจากนี้เรายังมีเมนูอื่นๆ เช่น ไส้กรอก ฮอตดอก บะหมี่ แซนด์วิช ฯลฯ เสริมด้วย” คุณอ้อ บอกถึงเมนูซิกเนเจอร์
สยามสะเต๊ค
สยามสะเต๊ค
สยามสะเต๊ค เริ่มจำหน่าย สยามเบอร์เกอร์ ที่แรกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ชิมลม ด้วยราคาชิ้นละ 8 บาท ถือว่าแพงมากเมื่อเทียบกับราคาข้าวแกงในสมัยนั้น หากอยากทานต้องเก็บเงินอยู่หลายวัน
“แม้ราคาจะสูงแต่เราได้รับการตอบรับที่ดีมาก วันนั้นจำได้ว่าขายได้ 1,008 ชิ้น กลิ่นแฮมเบอร์เกอร์หอมอบอวลไปทั่วห้าง ณ ตอนนั้น สิ่งที่เราได้ยินเสมอจากแฟนคลับรุ่นเก๋าคือสยามสะเต๊คเป็นของอร่อยของดี ราคาแพงในสมัยนั้น จะกินทีต้องเก็บเงินค่าขนมเพื่อซื้อทาน” คุณอ้อ ย้อนความหลังด้วยรอยยิ้ม
สยามสะเต๊ค
สยามสะเต๊ค
หลังจากนั้น สยามสะเต๊ค ได้นำแฮมเบอร์เกอร์ไปจำหน่ายตามโรงเรียนในราคาย่อมเยา กระทั่งถึงปัจจุบันมีเกือบ 100 สาขา ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และรัฐวิสาหกิจบางแห่ง รวมทั้งเปิดบริการดีลิเวอรี่ และเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดแฟรนไชส์
“ระบบแฟรนไชส์เป็นเรื่องของการถ่ายทอดความสำเร็จไปสู่ผู้ลงทุนให้กับแฟรนไชซี ซึ่งการที่เราทำธุรกิจมาถึง 46 ปี เป็นเครื่องการันตีได้เลยว่าธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ และเราพร้อมที่จะถ่ายทอด สำหรับผู้ที่สนใจแฟรนไชส์เราต้องการคนที่รักในอาหาร และถ้าเป็นแฟนคลับของสยามสะเต๊คด้วยยิ่งดี เพราะจะเข้าใจในแบรนด์” คุณอ้อ บอกเกี่ยวกับแฟรนไชส์
สยามสะเต๊ค
สยามสะเต๊ค
แม้จะยืนหยัดมายาวนาน 46 ปี แต่เส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ คุณอ้อ บอกว่า ทุกธุรกิจล้วนมีปัญหา
“ทุกธุรกิจมีปัญหาหมด เพียงแต่เราต้องค่อยๆ แก้ไปทีละเรื่อง อย่างเช่น ช่วงวิกฤตโควิด แน่นอนว่าโรงเรียนถูกปิดทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย กิจการของเราในโรงเรียนจึงต้องปิดไปด้วยเพื่อความปลอดภัย ทำให้เราต้องปรับตัวเป็นดีลิเวอรี่ เมื่อกลับมาเปิดอีกครั้งเราก็ทำความสะอาด และเตรียมพร้อมให้บริการสินค้าคุณภาพที่สะอาดปลอดภัยเพื่อน้องๆ นักศึกษา” คุณอ้อ เล่าถึงปัญหาอุปสรรคของสยามสะเต๊คที่เกิดขึ้นในบางสาขา
ก่อนทิ้งท้ายถึงสิ่งที่ทำให้สยามสะเต๊คประสบความสำเร็จ “เรามีคุณภาพสินค้าที่ดี ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป ประกอบกับราคาย่อมเยา สามารถซื้อทานได้ทุกวัน และการบริการที่ใส่ใจของพนักงาน จำได้เลยว่าลูกค้าคนไหนชอบทานอะไร ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้เรายืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ และเรายืนยันว่าจะยังคงพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานไว้เช่นเดิม” คุณอ้อ ทิ้งท้าย
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Siam Steak
เผยแพร่เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2563