ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เปลี่ยนพืชตระกูลหญ้า เป็นหลอดน้ำ นวัตกรรมรักษ์โลก ช่วยสร้างงานเกษตรกร
จากปัญหาหลอดพลาสติก ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน ทำให้ คุณศุภากร บุรินทร์ชาติ ลุกขึ้นมาสร้างนวัตกรรมภายใต้บริษัท อังกูร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เปลี่ยนพืชตระกูลหญ้า เป็นหลอดน้ำ ซึ่งสามารถใช้แทนพลาสติกได้อย่างดีเยี่ยม การันตีด้วยรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2563 ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ

คุณศุภากร เล่าว่า “ในท้องตลาดมีการขายหลอดกระดาษ แต่ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะใช้แล้วซึมน้ำง่าย และยังมีหลอดไบโอพลาสติก ซึ่งใช้แทนหลอดพลาสติกได้ดี แต่การย่อยสลายจะต้องใช้วิธีการฝังกลบ หากทิ้งให้ย่อยสลายเองจะกลายเป็นฝุ่นฟุ้งขึ้นไปบนอากาศ หากทิ้งลงน้ำจะเป็นขยะทะเล”
หากอยากทำให้เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ วัสดุที่ใช้จึงต้องมาจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์นั้นต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างปลอดภัย ซึ่งวัสดุดังกล่าว ได้แก่ พืชตระกูลหญ้า ได้แก่ ซังข้าว ใช้ทั้งข้าวนาปรัง และนาปี หลากหลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ อ้อย หญ้าวงต่างๆ เช่น หญ้าวงกก ไผ่ และต้นกระจูด ต้นอ้อ ต้นราโพ ฯลฯ นำมาทำเป็นหลอดกลม และหลอดจิบกาแฟ

“ต้นอ้อ กับต้นราโพ สามารถทำเป็นหลอดประเภทใช้ซ้ำได้ แต่ไม่ควรใช้ซ้ำเกิน 6 เดือน ส่วน ต้นข้าว กระจูด ทำเป็นหลอดประเภทใช้แล้วทิ้ง นำไปเป็นพืชคลุมดินได้ เป็นปุ๋ยหมัก ลงน้ำยังย่อยสลายได้ และยังเป็นอาหารของสัตว์กินพืช แต่เมื่อจะนำมาทำให้คนใช้ ต้องถูกสุขอนามัย ใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย คือการฆ่าเชื้อ ให้สามารถเก็บรักษาได้เกิน 1 ปี มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้คือ แช่ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นได้นาน 2 วัน จึงปลอดภัยกับมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม”

เพื่อลดความกังวลของผู้บริโภค คุณศุภากร บอกว่า จึงเลือกวัตถุดิบที่มาจากแปลงเกษตรกรอินทรีย์ ปลอดสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระตุ้นรายได้ให้เกษตรกรนอกเหนือจากขายข้าว
“ปกติเกษตรกรขายข้าว 1 ไร่ได้เงินเฉลี่ย 3,000 บาทต่อรอบการเก็บเกี่ยว นี่ถือว่าดีมากแล้ว หลังการเก็บเกี่ยวซังข้าวจะถูกเผาทิ้งเป็นฝุ่น PM2.5 แต่ตอนนี้เกษตรกรนำซังข้าวมาทำหลอด ใน 1 ไร่มีต้นข้าวประมาณ 80,000 ต้น นำไปทำหลอดได้ประมาณ 60,000 หลอด ได้ 10 สตางค์ต่อ 1 หลอด เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 5,000-6,000 บาท ได้ทั้งรายได้ และลดมลพิษ นอกจากนี้แล้ว เมื่อหมดฤดูการทำนา เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรนำวัสดุจากธรรมชาติมาทำเป็นภาชนะอีกด้วย”

ก่อนเล่าต่อว่า บริษัท อังกูร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ยังช่วยเหลือเกษตรกรในจังหวัดนราธิวาส โดยพบว่ามีคนตกงานจำนวนมาก แม้คนจบปริญญาตรี ยังต้องหางานพาร์ตไทม์ทำ ซึ่งในจังหวัดนี้ ต้นกระจูด ถือเป็นพืชที่โดดเด่นมากๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วถูกส่งเสริมให้นำมาทำเป็นงานสาน
“งานสานใช้กระจูดต้นเล็ก ต้นใหญ่จึงถูกทิ้งเป็นวัชพืช กลายเป็นเชื้อเพลิงเกิดไฟไหม้ป่าทุกปี เราจึงเข้าไปส่งเสริมให้นำมาทำหลอด ช่วยลดปัญหาเพลิงไหม้ และยังเพิ่มรายได้ได้อีกทาง”

“นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมนำพืชธรรมชาติมาทำเป็นหลอด 3 ฟังก์ชั่น คือ หลอดที่มีคุณค่าทางอาหาร มีรส และมีกลิ่น ในไทยมีพืชออร์แกนิกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กระเจี๊ยบ ขิง ขมิ้น เหล่านี้ เอามาผ่านกระบวนการให้มันดูดซึมเข้าไปในตัวซังข้าวหรือต้นกระจูด ทำให้เราได้หลอดที่มีสารอาหาร และนำมาอบกับเปปเปอร์มิ้นต์ หรือ มะลิ ทำให้เราได้หลอดที่มีกลิ่น ส่วนให้รสชาติ เช่น รสกาแฟ รสชาเขียว” คุณศุภากร เล่า

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์หลอดเหล่านี้ เน้นส่งออกไปยังโซนยุโรป เกือบ 95% ส่วนหลอดฟังก์ชั่นขณะนี้กำลังได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น

“ผมอยากทำตลาดในไทย ให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐาน และความปลอดภัย จึงต้องรอให้ได้ GMP ก่อนซึ่งกำลังเร่งดำเนินการอยู่ ส่วนต่างประเทศขอแค่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ใช้ได้แล้ว ปัจจุบันสามารถผลิตได้ 300,000 หลอด ต่อวัน ปลายปีนี้เราจะสามารถผลิตได้ 2,300,000 หลอดต่อเดือน” คุณศุภากร เผยถึงอนาคตข้างหน้า