ผู้ประกอบการไทยเจ๋ง เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร แปรรูปผัก 12 ชนิดเป็นเยลลี่ กัมมี่

ผู้ประกอบการไทยเจ๋ง เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร แปรรูปผัก 12 ชนิดเป็นเยลลี่ กัมมี่

ใครไม่กินผัก ยกมือขึ้น เด็กๆ หลายคนอาจจะยกมือและคงเป็นปัญหาของเด็กๆ ส่วนใหญ่ แต่เมื่อผู้ประกอบการไทยใส่ใจในนวัตกรรมสามารถแปรรูปผักสดเป็นผักอัดเม็ดที่รวบรวมผัก 12 ชนิดไว้ในคำเดียว ในรูปแบบของเยลลี่ กัมมี่ จึงเป็นทางเลือกใหม่ในการรับประทานผักที่สะดวก ตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพทุกเพศทุกวัย

คุณวิริยา พรทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาจากความตั้งใจต้องการเพิ่มมูลค่าพืชผลทางการเกษตร โดยนำผักจากโครงการหลวง 12 ชนิด มาแปรรูปเป็นผักอัดเม็ดเพื่อตอบโจทย์ทุกคนไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ให้ได้รับสารอาหารด้วยวิธีการง่ายๆ และปลอดภัย ด้วยกระบวนการอบแห้งที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงแตกต่างจากการอบแห้งทั่วไป แต่หลังทำตลาดอยู่ช่วงหนึ่ง พบว่ากลุ่มเด็กที่มุ่งหวังไว้ให้ได้รับประทานผักให้ครบถ้วน กลับปฏิเสธการรับประทานผักในลักษณะเป็นเม็ดอยู่ดี เพราะว่าดูเหมือนกับการรับประทานยา จึงมองถึงปัญหาตรงนี้ว่าทำอย่างไรให้เด็กรู้สึกว่าน่ารับประทาน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่สะท้อนมาที่บริษัท ว่าอยากให้ทำเป็นขนมที่อร่อยและมีประโยชน์กับเด็กๆ ด้วย

บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด จึงริเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเด็กที่รับประทานผักยาก ภายใต้การช่วยเหลือของโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation and Technology Assistance Program) หรือ ITAP สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้แนะนำผู้เชี่ยวชาญมาร่วมคิดค้นวิจัย และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ ‘Gummy V’ เยลลี่ กัมมี่ วิตามินซี รสผลไม้รวมผสมผักรวม ได้สำเร็จ

ผักสดแปรรูป

“เด็กๆ ก็เหมือนคนทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องทานผักตามหลักโภชนาการ ต้องทานผัก 400 กรัมต่อวัน เราจึงนึกถึงเรื่องของการแปรรูปด้วยวิธีการง่ายๆ แต่ได้คุณค่ามากที่สุด ใช้เวลาประมาณปีกว่าๆ ในการคิดค้นกับผู้เชี่ยวชาญโครงการ ITAP ว่าจะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ ทานผักให้มีรสชาติอร่อย และเด็กๆ ทานแล้วได้ประโยชน์สูงสุด สุดท้ายเลือกใช้เยลลี่ กัมมี่ เป็นส่วนผสมหลัก เพิ่มวิตามินซีและใส่ผัก 5 ชนิด 5 สีลงไปด้วย มีสีเหลืองจากฟักทองญี่ปุ่น สีแดงของมะเขือเทศ สีส้มของแคร์รอต สีม่วงจากบีทรูท และสีเขียวจากเซเลอรี่ ซึ่งสารอาหารทั้งหมดที่อยู่ในผัก 5 สี ล้วนมีสารเบต้าแคโรทีน ไลโคปีนสูง ช่วยเสริมสร้างในเรื่องของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้เด็กมีระบบความจำที่ดี ผิวพรรณดี รวมทั้งมีกระดูกและฟันที่แข็งแรง ที่สำคัญคือ ต้องมีความอร่อยในการทาน และใส่น้ำตาลให้น้อยที่สุด สามารถเคี้ยวได้ ไม่เหนียวจนเกินไป” คุณวิริยา กล่าว

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เยลลี่ กัมมี่ คุณวิริยา บอกว่า ด้วยวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ลูกค้าให้การยอมรับ ซึ่งผักมาจากแหล่งเพาะปลูกจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ภายใต้การดูแลมาตรฐานแหล่งผลิตพืช GAP (Good Agriculture Practice) ภายใต้โครงการความปลอดภัยอาหาร (Food Safety) ด้านพืช โดยกรมวิชาการเกษตร นำมาผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ปลอดภัยตามมาตรฐาน GMP, HACCP และ HALAL ด้วยเครื่องจักรที่มีนวัตกรรมช่วยถนอมรักษาสารอาหารกากใยจากธรรมชาติ ใกล้เคียงผักสด 80-90 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ไม่มีการใส่ทั้งสีสังเคราะห์ และวัตถุกันเสีย

ฝีมือคนไทย

“วัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต BioVeggie คือ ผัก 12 ชนิดจากโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บีทรูท กะหล่ำปลีม่วง พาร์สเลย์ ปวยเล้ง ขึ้นฉ่ายฝรั่ง หรือ เซเลอรี่ ฟักทองญี่ปุ่น แคร์รอต ผักชีล้อม มะเขือเทศ บร็อกโคลี พริกหวาน และ ต้นหอมญี่ปุ่น ซึ่งมีกระบวนการผลิตแบบอบแห้งด้วยอุณหภูมิต่ำ ดังนั้น ผักทุกชนิดที่เข้าไปในเครื่องอบแห้งยังมีสารอาหารอยู่มาก ยังคงรักษาสารอาหารที่ดีของผักได้เทียบเท่ากับผักสด ขณะที่การผลิตเยลลี่ กัมมี่ ก็เป็นการเลือกวัตถุดิบผัก 5 ชนิด จาก 12 ชนิดนี้ออกมา โดยผักแต่ละชนิดที่นำมาใช้ล้วนผ่านการศึกษาวิจัยแล้วว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ในเรื่องการบำรุงสมอง ให้สารเบต้าแคโรทีน ไลโคปีนสูง และที่สำคัญคือ เราใส่ชิ้นผักจริง (ไม่ใช่สารสกัดจากผัก) ในรูปแบบผงผสมในเยลลี่ รวมทั้งเพิ่มสารที่ให้วิตามินซีเข้าไป กระทั่งได้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ เยลลี่ กัมมี่ ช่วยให้เด็กได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ซึ่งปริมาณที่แนะนำในการบริโภค คือ 6-8 ชิ้นต่อวัน” คุณวิริยา เผย

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ เยลลี่ กัมมี่ มีวางขายแล้วในประเทศ และกำลังขยายไปยังต่างประเทศที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้ทั้งคุณภาพและมาตรฐานสากล

“ขณะนี้การเติบโตของผลิตภัณฑ์เยลลี่ กัมมี่ มียอดขายที่ดีทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยในส่วนของออฟไลน์จะมีวางขายในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านขายยาต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดีมียอดขายเพิ่มขึ้น 10-20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการส่งออกไปต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์เยลลี่ กัมมี่ ตอนนี้ส่งออกไปยังประเทศเกาหลี ซึ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นทดลองตลาดของผลิตภัณฑ์และสอดรับกับการตลาดของบริษัทที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในอนาคตบริษัท ไบโอเวกกี้ จำกัด กำลังมองไปที่การต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยใช้วัตถุดิบผงผักแปรรูปเป็นหลัก สู่กลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารในกลุ่มผู้ป่วยโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) อีกด้วย” คุณวิริยา ส่งท้าย