หนุ่มปริญญาโทนักเรียนนอกสวนกระแสสีเขียว ปั้น “imo imo” ผลิตภัณฑ์แปรรูปมันม่วงสั่งตรงจากญี่ปุ่น

ในยุคนี้คนรุ่นหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยมีทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม ซึ่งหลายคนประสบความสำเร็จเพราะมีเทคโนโลยีช่วย ทำให้ประหยัดเวลาและง่ายต่อการบริหารจัดการ  “คุณไชยกร ปลื้มเจริญกิจ” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 46 ปี ที่มีดีกรีปริญญาโทด้านการตลาดจากสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำธุรกิจมากกว่าหนึ่งอย่าง นั่นคือ การร่วมหุ้นกับเพื่อนทำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสีม่วงของญี่ปุ่น แบรนด์อิโมะ อิโมะ ( imo imo) ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าในท้องตลาดมักเน้นไปที่เรื่องของชาเขียวเสียมาก จึงอยากฉีกกระแสไปที่สีอื่นๆบ้าง

%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e-3

คุณไชยกร ปลื้มเจริญกิจ (ที่2จากซ้าย)

ก่อนหน้านี้ได้หุ้นกับเพื่อนๆบริหาร สำนักพิมพ์ และ Digital Marketing Agency ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่เน้นดูแลเรื่องการสร้างและพัฒนาธุรกิจจากศูนย์ขึ้นมาจนสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้  แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว เพราะต้องการมาเน้นธุรกิจส่วนตัวเป็นหลัก

เริ่มต้นจากการชอบทาน

คุณไชยกรเล่าถึงแรงบันดาลใจที่เข้ามาทำธุรกิจแปรรูปมันสีม่วงในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในประเทศไทยว่า  ปกติเป็นคนชอบเรื่องการหาของรับประทาน โดยเฉพาะของที่แปลก ใหม่ หรืออะไรที่เป็นนวัตกรรมด้านอาหาร ตั้งแต่ตอนเรียนที่เรียนอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งกลับมา เมื่อไรที่มีโอกาสเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศจะชอบหาของรับประทานตามสถานที่ต่างๆ

ถ้าพูดถึงความสนใจในส่วนที่เป็นธุรกิจด้านอาหาร เริ่มจากช่วงที่ทำธุรกิจรถยนต์ของครอบครัวไปสักประมาณ 3-4 ปี ก็เริ่มศึกษาธุรกิจด้านนี้ โดยไปดูแสดงสินค้าต่างๆทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหาโอกาสคุยกับคนที่ทำธุรกิจด้านนี้ทั้งที่เป็นเพื่อนและเป็นคนทั่วไปที่เจอimg_9583-728x546

จนกระทั่งเมื่อประมาณต้นปี 2558 ทำให้มีโอกาสที่จะลองหาธุรกิจด้านนี้ทำอย่างจริงจัง จึงไปดูงานอย่างลงลึกมากขึ้น และมีโอกาสได้ไปงาน ThaiFex พบกับโครงการของทาง สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือสวก.และได้เห็นแนวทางที่ชัดขึ้น สามารถตอบโจทย์ได้ โดยเฉพาะการที่โครงการทำงานควบคู่กับทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าระดับมืออาชีพ ที่นำโดย ผศ.ดร.บัณฑิต อินณวงศ์ จาก คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างมาก เลยตัดสินใจเลือกทำธุรกิจนี้ชื่อแบรนด์อิโมะ อิโมะ นี้ มาจากภาษาญี่ปุ่น คำว่าอิโมะ หมายถึง”มัน”

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเขามีทั้งเครื่องดื่มมันหวานสีม่วงสูตรลาเต้ชนิดผง 1 กล่อง มี 5 ซอง เครื่องดื่มมันหวานสีม่วงผสมขิงสูตร Original ชนิดผง 1 กล่อง มี 5 ซอง  และSpread มันหวานสีม่วงชนิดผง 1 กล่อง มี 2 ซอง  มีวางจำหน่ายในห้างหลายแห่ง อย่างเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มควอเทียร์ และ ร้านสุขภาพ เช่น ร้านใบเมี่ยง 8 สาขา , ร้าน Good Health 3 สาขา / All natuur ฯลฯ

img_9586

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปมันม่วงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม หรือ ผู้สนใจทำเบเกอรี่และเครื่องดื่ม  อย่างผงมันหวานสีม่วงไม่ผสมสูตรใดๆ บรรจุ 500 กรัม  เครื่องดื่มมันหวานสีม่วงสูตรลาเต้

ชนิดผง บรรจุ 500 กรัม และSpread มันหวานสีม่วงชนิดผง ขนาด 500 กรัม  วางจำหน่ายที่ร้านขายวัตถุดิบทำเบเกอรี่ชั้นนำทั่วไป

นำเข้ามันม่วงจากญี่ปุ่น

คุณไชยกร ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทแพนโทริ จำกัด อธิบายถึงเหตุผลที่เลือกมันสีม่วงของญี่ปุ่นว่า ได้แนวคิดนี้มาจากตอนที่ไปดูงานและศึกษาตลาดที่ต่างประเทศ แล้วนำมาคิดพัฒนาต่อยอด ซึ่งทางญี่ปุ่นที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย ยังไม่มีสินค้าเหล่านี้ด้วยซ้ำ และเมื่อนำสินค้ากลับไปเสนอทางญี่ปุ่นก็ยังชื่นชม โดยมันสีม่วงที่ใช้วัตถุดิบนำเข้ามาจากเมืองคุมาโมโตะ( Kumamoto) บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องผลิตผลทางการเกษตร เนื่องจากมีแหล่งดินและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุที่มาจากแหล่งภูเขาไฟเก่า

%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e-2-1

ทั้งนี้ พันธ์ของมันม่วงที่ทางญี่ปุ่นใช้นั้น เป็นพันธ์ที่ขึ้นชื่อว่าสุดยอด ทำให้ได้ผลผลิตที่มีความคงที่ทั้งเรื่องสี กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก รวมถึงมีค่าของสาร Anthocyanin ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่อนข้างสูงกว่า (สาร Anthocyanin เป็นสารให้สีม่วงที่เป็น Antioxidant ชนิดหนึ่ง)

 หากเทียบกับมันสีม่วงของไทย เนื่องจากเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ตลอดจนแหล่งน้ำทำให้ได้สี กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่ยังไม่คงที่ ยังขาดเอกลักษณ์ที่โดดเด่น  รวมทั้งปริมาณที่ไม่แน่นอนของผลผลิต ดังนั้นคงต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอีกพอสมควร

img_9580

ในการแปรรูปนี้ทางคุณไชยกรใช้วิธีจ้างผลิต โดยโรงงานที่มีมาตรฐาน เช่น อย. GMP และ Halal  สามารถผลิตได้เดือนละหลายร้อยกิโลกรัม(ก.ก.) และยังมีแผนที่จะขยายการผลิตในไลน์ใกล้เคียงกัน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงวางแผนงานกับทีม R&D

ใครที่เคยเห็นโปรดักส์ของเขา มักชอบแพกเกจจิ้งที่ดูดีสะดุดตา สีสวย ดีไซน์เก๋ไก๋สไตล์ญี่ปุ่น จนได้รับเลือกให้ไปโชว์ในงาน Thailand Innovation and Design Expo 2016 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อไม่นานมานี้

11410265_1085828824796371_2138574603_n

ส่งออกไปที่มาเลย์-อเมริกา

ขณะที่แบรนด์อิโมะ อิโมะ มีจุดขายชัดเจน โดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการของมันม่วงที่มี Anthocyanin ถือเป็น Antioxidant ชนิดหนึ่ง มีประโยชน์ด้านการต้านมะเร็ง และทำให้การไหลเวียนโลหิตดี ไม่มี คลอเรสเตอรอล ไม่มีไขมันทรานส์ ทำจากวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ 100% คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจาก Kumamoto

สำหรับกลุ่มลูกค้าของเขา ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ หรือ คนที่มี ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยตั้งแต่ ตั้งแต่กลุ่มคนเริ่มทำงานเป็นต้นไป  กลุ่มคนที่ชอบ หรือ หลงใหลในวัฒนธรรมการบริโภคอาหาร หรือ การท่องเที่ยวโดยเฉพาะญี่ปุ่น รวมถึงคนที่เริ่มใส่ใจสุขภาพ

 นอกจากนี้ก็มีกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ / อุตสาหกรรม เป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจทางด้านเครื่องดื่ม และ เบเกอรี่ที่ต้องการเมนูแปลก ใหม่ สีสันสวยงาม หรือ ใส่ใจสุขภาพ  ร้านขายสินค้าสุขภาพ  โรงพยาบาลร้านขายของฝาก โรงแรมและ ผู้ให้บริการด้านจัดเลี้ยง

แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในท้องตลาด แต่ด้วยความโดดเด่นและไม่มีคู่แข่งในท้องตลาด อีกทั้งยังมีจุดเด่นตรงที่สินค้ามี 2ตลาดอย่างที่คุณไชยกรแจกแจงว่า โชคดีที่สินค้าสามารถไปได้ 2 ทาง คือ ทั้งส่วนที่เป็น B2C ที่เจาะตรงไปยังผู้บริโภค และ กลุ่มที่เป็น B2B ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก ดังนั้นในวันนี้และวันข้างหน้า คงจะเน้นการขยายตลาดช่องทางทั้ง 2 นี้เป็นหลัก โดยจะเข้าร่วมงาน Fair และ Expo ต่างๆที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเน้นช่องทางสุขภาพบางส่วน

“หลังจากออกงานครั้งแรกที่ ThaiFex 2016 แล้ว ทำให้ได้เรียนรู้ว่าสินค้าสามารถขายผ่านกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 ทาง คือ B2C และ B2B  จึงมี โมเดลแบบผสม โดยการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และจำหน่ายเองบางส่วน ตอนนี้มีส่งออกไปที่ มาเลเซีย อเมริกา และมีไปวางที่งาน Hong Kong Food Expo 2016 “

นอกจากจะมีวางจำหน่ายในห้างและตามร้านสุขภาพแล้ว เขายังขายผ่านออนไลน์ด้วย ผ่านทาง Facebook Fanpage https://www.facebook.com/ImoImoPurpleSweetPotatoes ทาง IG : imo_imo_purplesweetpotatoes และกำลังจะเปิดเว็บไซต์ด้วย

เขาบอกถึงปัญหาอุปสรรคของการทำธุรกิจนี้ เนื่องจากไม่ได้มีความรู้มาทางด้านการแปรรูปอาหารเลย ทำให้ต้องทำการบ้านมากกว่าคนที่จบทางด้านนี้โดยตรง อีกเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายที่ครอบคลุมในการจดทะเบียนด้านอาหาร ซึ่งมีรายละเอียดและข้อปลีกย่อยค่อนข้างเยอะ ทำให้ต้องเสียเวลาในการดำเนินการนาน

กรรมการผู้จัดการบริษัทแพนโทริฯ บอกถึงหลักในการทำธุรกิจว่า Focus Focus & Focus ทำเองในสิ่งที่ชอบและถนัด และปล่อยในส่วนที่ไม่ถนัดให้ผู้อื่นทำ  เปิดรับทุกโอกาส ศึกษาหาความเป็นไปได้ของโอกาสนั้นๆ และถ้าหาช่องทางที่จะสร้างความต่อเนื่องได้ ก็ลุยเลย