เคยกินยัง “อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด” ของดีเมืองสุราษฎร์ ขายดีไม่หวั่นโควิด

เคยกินยัง “อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด” ของดีเมืองสุราษฎร์ ขายดีไม่หวั่นโควิด

อาลัว เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้ง มีกลิ่นหอมหวาน มักทำเป็นอันเล็กๆ หลายๆ สี ขนมอาลัวมีต้นกำเนิดมาจากประเทศโปรตุเกส ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยครั้งแรก โดยคุณท้าวทองกีบม้า โดยอาลัวแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ อาลัวชาววัง และ อาลัวจิ๋ว โดยอาลัวชาววังมีขนาดใหญ่กว่า และมีส่วนผสมของกะทิมากกว่าอาลัวจิ๋ว

แต่อาลัวที่ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” จะพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่อาลัวที่เราเคยเห็นกันทั่วๆ ไป แต่เป็น อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด ของ คุณนิช-กนกกร สุวรรณ วัย 34 ปี เจ้าของร้าน อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด ของแท้ ต้นตำรับแม่นิช โดยเธอให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับที่มาที่ไป กว่าจะมาเป็นเจ้าอาลัวชื่อไม่คุ้นหู หน้าตาแปลกใหม่นี้ว่า

คุณนิช-กนกกร สุวรรณ วัย 34 ปี เจ้าของร้าน อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด ของแท้ ต้นตำรับแม่นิช

เดิมที คุณนิชเป็นแม่ค้าขายขนมหวานไทย ตามตลาดนัดทั่วไป จนเมื่อเธอมีลูกน้อยที่ต้องดูแล จึงเริ่มหันมาคิดว่า จะทำอะไรขายดี เพื่อที่จะสามารถเลี้ยงดูลูกอ่อนไปได้ด้วย ด้วยความที่มีวิชาการทำขนมหวาน จึงตัดสินใจทำอาลัวแบบบีบ และทำขนมตามออร์เดอร์ อย่างขนมสำหรับจัดเบรกอยู่ที่บ้าน ไปพร้อมๆ กับเลี้ยงลูกไปด้วย

ประกอบกับช่วงที่เริ่มทำขายที่บ้าน เป็นช่วงฤดูของทุเรียนใต้ คุณยายที่เป็นญาติที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน ที่เห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ จะชอบนำมากวนให้เห็นบ่อยๆ

“ช่วงนั้นมันเป็นหน้าทุเรียนพอดีค่ะ ยายแกชอบเอามากวน แต่แกกวนไม่ค่อยจะไหวแล้ว เลยเปลี่ยนมาเป็นแกะแล้วเก็บไว้ทยอยๆ กิน แต่มันเยอะมากจนแกกินไม่ทัน ก็เอามาแจกๆ กัน พี่ก็เลยลองเอามาผสมทำอาลัวดู แล้วก็เอาไข่เค็มใส่เข้าไปเพิ่ม ปรากฏรสชาติมันออกมาอร่อยดี เลยตัดสินใจลองทำขาย อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิดของพี่เลยเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยเลยที่ทำออกมา” คุณนิช เล่า

“แรกๆ ก็ทำขายเฉพาะหน้าทุเรียน ปรับสูตรมาเรื่อยๆ จนได้สูตรที่มันลงตัว ส่วนเรื่องวัตถุดิบก็ลงตัวแล้วค่ะ สามารถหาซื้อนอกฤดูกาลได้ในราคาที่ไม่สูงมาก ตอนนี้ก็ทำแต่อาลัวทุเรียนไข่ระเบิดขายอย่างเดียวเลย ขายมาได้ปีกว่าๆ แล้ว พี่เคยจับอะไรที่มันเป็นกระแสมาทำขาย แต่มันก็เยอะแล้วเนอะ เลยอยากทำอะไรที่คนสามารถจำได้ ต้องขายสินค้าที่มันมีเราอยู่ในแบรนดิ้ง เช่น ถ้านึกถึงแม่นิช ต้องนึกถึงอาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด มันถึงจะยั่งยืน เป็นสมบัติให้ลูกเรามาสานต่อได้” เจ้าของร้าน อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด กล่าว

รสชาติของอาลัวดังกล่าว มีความหอมกลิ่นทุเรียน หวานแต่ไม่เลี่ยน เนื่องจากตัดรสหวานแหลมด้วยความมันเค็มของไข่เค็มไชยา คุณนิช กล่าวว่า หากทานกับชาร้อนๆ หรือกาแฟ จะอร่อยมากเลยทีเดียว อีกทั้งมีการพัฒนาในการยืดอายุ จนสามารถเก็บได้นานถึง 10 วัน โดยอยู่ในอุณหภูมิปกติ

“ผลตอบรับดีเลยค่ะ เพราะสินค้าเราใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของเราเอง เป็นสินค้าที่ใช้ไอเดียที่มีที่มาจากตัวพี่เอง และก็สร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยนะ ทุกวันนี้พี่มีลูกน้อง 100 กว่าคน แล้วก็คนนอกที่ว่างงานแล้วมาปั้นขนมให้พี่อีกร้อยกว่า ก็ดีใจค่ะที่เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชนเดียวกัน ออร์เดอร์วันหนึ่ง มากสุด 1,500 กล่อง กล่องหนึ่งมี 6 ตัว ก็ผลิตอาลัวได้ 9,000 กว่าตัว ขายกล่องละ 89 บาท ยิ่งช่วงเทศกาลพี่ผลิตได้กว่า 6,000 แพ็ก ก็ถือว่ารายได้ตอบโจทย์การค้าขายในปัจจุบันอยู่นะคะ” คุณนิช กล่าว

ถามถึงธุรกิจในช่วงโควิด-19 คุณนิช กล่าวว่า ธุรกิจของเธอไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากเน้นขายผ่านออนไลน์มาตั้งแต่แรก

“เคยมีหน้าร้านเหมือนกัน แต่พี่กะไม่ถูกว่าต้องทำขนมเท่าไหร่ถึงจะพอขายในแต่ละวัน เลยจ้างแอดมินมาดูแลออร์เดอร์ในเพจให้ จนรู้ว่าวันๆ หนึ่งมันควรทำขายเท่าไหร่ เพราะร้านพี่จะทำของส่งได้วันต่อวัน พี่ตั้งใจจะทำให้ขนมไปอยู่ที่บ้านลูกค้าแบบสดใหม่ เหมือนเพิ่งออกมาจากเตาเลย พอมีโควิด คนก็เริ่มหันมาขายของออนไลน์กันเยอะ หานั่นหานี่ขาย อาลัวพี่ก็มีคนทำเลียนแบบเหมือนกันนะ แต่พี่มองว่าของแบบนี้มันอยู่ที่คุณภาพ บริการ แล้วก็โปรโมชั่นที่ดึงดูดนะ ถึงจะสามารถอยู่ได้ พี่ก็มีโปรจัดให้ลูกค้าบ่อยๆ บางทีก็แจกทองให้คนที่ซื้อเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าไปในตัว เลยไม่กลัวเรื่องโดนก๊อบเท่าไหร่” เจ้าของร้านคนเดิม พูด

ร้าน อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด ของคุณนิช ยังไม่มีแฟรนไชส์หรือสาขาเพิ่มเติมในตอนนี้ แต่กำลังศึกษาในเรื่องของการทำส่งขายตลาดต่างประเทศแบบรายย่อยอยู่ และนอกจาก อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด แล้ว ทางร้านก็มีสินค้าอื่น เช่น น้ำปลาหวานน้ำลายแตกไข่เค็ม ขายด้วย

สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก อาลัว ทุเรียนไข่ระเบิด ของแท้ ต้นตำรับแม่นิช