“ฤทัย” ขายสารพัด! กัดฟันเลี้ยงลูก พอจะสบาย เจอ “โควิด” แต่ไม่ท้อ ขอลุยอีกตั้ง

“ฤทัย” ขายสารพัด! กัดฟันเลี้ยงลูก พอจะสบาย เจอ “โควิด” แต่ไม่ท้อ ขอลุยอีกตั้ง
“ฤทัย” ขายสารพัด! กัดฟันเลี้ยงลูก พอจะสบาย เจอ “โควิด” แต่ไม่ท้อ ขอลุยอีกตั้ง

“ฤทัย” ขายสารพัด! กัดฟันเลี้ยงลูก พอจะสบาย เจอ “โควิด” แต่ไม่ท้อ ขอลุยอีกตั้ง

คุณฤทัย ทองประดิษฐ์ ในวัยใกล้ห้าสิบปี มีเรื่องราวมาเล่าให้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ฟังแบบเปิดอก เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการจัดการ เคยทำงานประจำมา 2-3 บริษัท แต่เงินเดือนไม่ค่อยพอเลี้ยงลูกชายทั้งสองคน เนื่องจากเธอเป็น “แม่เลี้ยงเดี่ยว” ที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว พอทำงานประจำได้ไม่นาน ต้องหารายได้เสริม ด้วยการสวมบท “แม่ค้า” ช่วงเย็นหลังเลิกงานไล่ไปจนถึงค่อนดึก

“ขายมาทุกอย่างแล้วค่ะ  ก๋วยเตี๋ยว ข้าวขาหมู ขายน้ำ เปิดขายในซอยแถวบ้าน เช้าไปทำงาน เย็นกลับมาขายของ อะไรเปลี่ยนเป็นเงินได้…ทำหมด” คุณฤทัย เล่ายิ้มๆ

คุณฤทัย ทองประดิษฐ์ เจ้าของเรื่องราว

ก่อนบอกต่อ  เมื่อราว 3-4 ปีก่อน เธอไปเช่าแผงค้าเล็กๆ ในซอยเสือใหญ่อุทิศ เปิดร้านขายข้าวผัด ช่วงเย็นถึงสี่ทุ่ม แต่ยอดขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่  จึงย้ายมาขายที่ตลาดนัดใกล้ตึกเมืองไทยภัทร ถนนรัชดาฯ ช่วงสี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานออฟฟิศในละแวก  ช่วงแรกขายดี ยอดขายวันละ 8-9 แผงไข่  หรือเกือบ 300 ห่อ มีตัวเธอ และลูกน้องอีก 2 คน เป็นแรงงานสำคัญ

“ที่ร้านขายข้าวผัดอย่างเดียว แต่มีหลายท็อปปิ้ง อย่าง กุ้ง ปู หมู แฮม แหนม ปลาเค็ม ขายกล่องละ 40 บาท ขายมาเรื่อยๆ จนเข้าปีที่ 3  เศรษฐกิจเริ่มแย่ ยอดตกลงบ้าง เหลือใช้ไข่แค่วันละ 5 แผง แต่ยังพอไหว ก่อนหน้านั้นขอปรับราคาเพิ่มอีก 5 บาท ท็อปปิ้งสองอย่าง 50  ลูกค้าก็เข้าใจ” คุณฤทัย บอก

พอถามถึงการค้าขายช่วงสถานการณ์ “โควิด”

คุณฤทัย บอกเสียงดัง  “ขายไม่ได้สักแผง…เลยค่ะ” ก่อนหัวเราะร่วน

และเล่าต่อ หลังจากรัฐบาลประกาศให้ขายแบบใส่กล่องกลับบ้านอย่างเดียว เธอก็ออกไปขาย แต่ขายไม่ได้เลย ไม่มีคนมาซื้อ ช่วงนี้เลยต้องหยุดร้านไปโดยปริยาย

ทำไมไม่ร่วมกับ “แอพส่งอาหาร” คุณฤทัย ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนบอก

“ต้องให้เขา 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้นทุนเราสูงและขายไม่แพง ขายได้ร้อยหนึ่ง เขาเอาไปแล้วสามสิบ แทบไม่เหลือกำไร เลยไม่เอาดีกว่า”

เมื่อถามถึง “ลูกน้อง” ที่เคยช่วยงานในร้าน คุณฤทัย ตอบเสียงหม่น

“กลับบ้าน ไปแล้วคนนึง เราไม่มีเงินจ้างเขาเนอะ เหลืออยู่อีกหนึ่ง ต้องดูแลกันไปก่อน”

หน้าร้านที่ตลาดเมืองไทยภัทร

แล้วช่วงนี้ ทำมาหารายได้อะไร คุณฤทัย บอก หยุดทุกอย่างก่อน ออกไปไหนก็เสี่ยง แต่กำลังพยายามหาทางอยู่ว่าจะทำต่ออะไรดี

“อยากขายของตัวเอง ที่อาจไม่ต้องผ่านพวกสายส่งทั้งหลาย ตอนนี้มีเพื่อนเสนอให้ใช้ครัวในบ้านเขา หารายได้ตามความสามารถที่เราถนัดได้ คือทำอาหารขาย พวกข้าวผัด อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ส่งเองในละแวก เอาตามกำลังที่มี ขอแค่ให้ได้มีงานทำ มีข้าวกิน ไม่ต้องซื้อทุกมื้อ”

ขอถามถึงลูกชายทั้งสองคน คุณฤทัย เล่าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จดี มีหน้าที่การงานมั่นคง แบ่งเงินเดือนให้แม่ใช้บ้าง แค่นี้ดีใจแล้ว แต่ลูกเพิ่งเรียนจบ เพิ่งพ้นอก ภาระหนี้สินที่ก่อไว้ช่วงเลี้ยงลูก เลยยังมีสะสมอยู่พอสมควร เธอจึงต้องดิ้นรนต้องทำงานหาเงินต่อไป

คุณฤทัย กับลูกชายคนเล็ก-คนโต

“สมัยที่ทำงานบริษัทไปด้วย ขายของไปด้วย ลำบากพอสมควร เช้าไปทำงาน เย็นกลับมาขายของ พอปิดร้านต้องไปจ่ายตลาดเพื่อเตรียมขายในวันรุ่งขึ้น ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน บางวันเงินไม่มีให้ลูกไปเรียน ต้องไปกู้ยืมทั้งใน-ทั้งนอกระบบ ถามว่า ท้อมั้ย เหนื่อยมั้ย  มีอยู่แล้ว แต่เห็นหน้าลูกก็หายหมด” คุณฤทัย ทิ้งท้าย จบบทสนทนา…ไว้แค่นั้น